หนึ่งในใต้หล้า The Great Ruler – ตอนที่ 758

สองฝ่ายสู้กันจะตาย สุดท้ายฝ่ายที่สามกลับได้ประโยชน์

ตู้ม!

พายุโหมกระหน่ำกวาดออกมาจากส่วนลึกของบ่อเพลิงข่ายฟ้า ลาวาที่อยู่ในรัศมีหลายพันจั้งถูกกวาดออก ราวกับจะฉีกทึ้งทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในบริเวณนี้

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากแมงป่องมังกรเพลิงกับอสรพิษเพลิงวิญญาณพุ่งเข้าห้ำหั่นกัน

อย่างที่หั่วเม่ยเอ๋อบอกไว้แมงป่องมังกรเพลิงและอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวเป็นศัตรูคู่แค้นกัน เมื่อทั้งสองเผชิญหน้ากัน ก็จะเหลือเพียงฝ่ายเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ เทียบกับการไล่ล่ามู่เฉินกับหั่วเม่ยเอ๋อ การกำจัดศัตรูคู่อาฆาตสำคัญยิ่งกว่า

ขณะที่คลื่นหลิงกวาดอาละวาด ลูกทรงกลมแสงที่ควบแน่นจากลาวาก็ยังคงอยู่ได้ มันลอยอย่างมั่นคงภายใต้แรงปะทะของคลื่นหลิง ซึ่งนี่ทำให้มู่เฉินรู้สึกประหลาดใจ เห็นชัดว่าแม่ทัพใหญ่หน่วยรบกงเวทสวรรค์ ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา

“ด้วยพลังของเจ้า น่าจะไม่กลัวที่จะเผชิญกับหนึ่งในพวกมันไม่ใช่หรือ?” มู่เฉินหันหน้าไปมองหั่วเม่ยเอ๋อที่มองการต่อสู้ระหว่างยักษ์ใหญ่ด้วยสายตาเคร่งขรึมพลางเอ่ยออกมาด้วยเสียงต่ำ

กระทั่งปิงซินยังมีขุมพลังจื้อจุนขั้นห้า ดังนั้นหั่วเม่ยเอ๋อที่เป็นแม่ทัพใหญ่ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

“ก็ยากอยู่สักหน่อย แต่เรื่องที่เป็นปัญหามากที่สุดก็คือตอนที่พวกมันร่อแร่ใกล้ตาย พวกมันจะทำลายแก่นเพลิงวิญญาณในร่างไปด้วย ดังนั้นหากต้องการสยบพวกมัน ข้าจะต้องจัดการอย่างรวดเร็ว” หั่วเม่ยเอ๋อเหลือบมองมู่เฉินพลางหัวเราะเบาๆ “ข้าไม่อยากทุ่มเทมาก แล้วกลับมามือเปล่าน่ะ”

มู่เฉินเข้าใจสิ่งที่นางอธิบาย ที่แท้แมงป่องมังกรเพลิงกับอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวยังมีวิธีเช่นนี้อยู่ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหั่วเม่ยเอ๋อถึงไม่อยากสู้กับพวกมันด้วยชีวิต

“พวกมันจะสู้กันนานเท่าไร?”

มู่เฉินมองออกไปยังพายุทอร์นาโดคลื่นหลิงด้านนอก สัตว์ยักษ์ทั้งสองกำลังปล่อยพลังโจมตีใส่กันอย่างบ้าคลั่ง เสียงคำรามโกรธเกรี้ยวของพวกมันทำให้ลาวาเดือดพล่าน

“ต้องใช้เวลาพอสมควรแหละ พวกมันกำลังใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์พร้อมกับคลื่นหลิงหนาแน่น นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่ต่างกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ตัวผู้ชนะ” หั่วเม่ยเอ๋อพูดด้วยความสงบนิ่ง

มู่เฉินพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก เขาข่มหัวใจให้สงบ มองการโรมรันพันตูระหว่างยักษ์ใหญ่สองตัวต่อ

เป็นอย่างที่หั่วเม่ยเอ๋อคาดการณ์ไว้ ศึกนี้กินเวลายาวนาน พายุคลื่นหลิงกวนตัวอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ความผันผวนจะค่อยๆ อ่อนกำลังลง

มู่เฉินกับหั่วเม่ยเอ๋อจ้องเขม็งไปที่นั่น จากนั้นมู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจลึก

ในลาวาร่างยักษ์ทั้งสองยืนประจันหน้ากัน แต่ว่าตอนนี้บนตัวของพวกมันมีแต่บาดแผล สองหัวของอสรพิษเพลิงวิญญาณถูกตัดขาด ส่วนแมงป่องมังกรเพลิงก็มีแต่บาดแผลเต็มตัวได้รับบาดเจ็บไม่ต่างกัน

พวกมันอ่อนกำลังลงอย่างสิ้นเชิง แสงดุร้ายในดวงตาลดลงหลายส่วน แต่ก็ยังหวาดระแวงอีกฝ่ายอยู่

แม้พวกมันจะไม่มีสติปัญญา แต่สัญชาตญาณบอกว่าไม่มีประโยชน์อะไรหากยังคงสู้กันต่อ

ดังนั้นทั้งสองตัวจึงแสดงสัญญาณว่าเตรียมล่าถอย

“พวกมันจะถอยแล้ว!” ใบหน้าของมู่เฉินเปลี่ยนไปเมื่อเห็นภาพนี้ หากพวกมันถอยหนี ก็เท่ากับพวกเขาเสียเวลาไปครึ่งวันเปล่าๆ เลย

หั่วเม่ยเอ๋อมุ่นคิ้ว ก่อนที่นิ้วเรียวจะเหยียดออกดีดเบาๆ

ฮึ่ม!

พร้อมกับการดีดนิ้วของหั่วเม่ยเอ๋อ ลำแสงคลื่นหลิงสีแดงก็ยิงออก ขณะที่พุ่งก็หมุนคว้างฝ่าลาวาเกรี้ยวกราดยิงจากด้านหลังของอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวตรงไปยังแมงป่องมังกรเพลิง

ตึง!

ลาวาระเบิดบนร่างแมงป่องมังกรเพลิง เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น ก่อนที่มันจะเบนสายตาแดงฉานไปยังอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัว จากนั้นก็พุ่งตัวไปข้างหน้า

เพราะสมองมีน้อยนิด มันจึงคิดว่านี่เป็นการโจมตีจากอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัว

เมื่อเห็นแมงป่องมังกรเพลิงพุ่งมาข้างหน้า อสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวก็ส่งเสียงคำรามเตือน แต่เมื่อเห็นว่าไร้ผล แสงดุร้ายก็พวยพุ่งในดวงตาพร้อมกับพุ่งตัวออกไปโดยไม่เกรงกลัว

สองยักษ์ใหญ่ปะทะกันอีกครั้ง

เมื่อเห็นภาพนี้มู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้หั่วเม่ยเอ๋อพลางยิ้มออกมา “เบี่ยงความสนใจได้ยอดเยี่ยม”

หั่วเม่ยเอ๋อยิ้มตอบอย่างยั่วยวน รอยยิ้มทรงเสน่ห์นัก ทว่ากลับทำให้มู่เฉินรู้สึกว่าโฉมงามตรงหน้าเป็นกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามแหลม

แม่ทัพใหญ่หน่วยรบกงเวทสวรรค์ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร?

“เจ้าชื่ออะไรน่ะ?” มองการต่อสู้ดุเดือดที่เกิดขึ้นอีกครั้ง หั่วเม่ยเอ๋อก็ถามขึ้นมา

“มู่เฉินจากหอวิหคโลกันตร์” มู่เฉินยิ้ม

“อ้อ แม่ทัพคนใหม่ที่จิ่วโยวพากลับมางั้นหรือ?” พอได้ยินชื่อ หั่วเม่ยเอ๋อที่กำลังมองการต่อสู้ก็ช้อนดวงตามองมู่เฉินด้วยสายตาประหลาดเบาบาง

มู่เฉินพยักหน้า “เจ้ารู้จักจิ่วโยวด้วยเหรอ?”

“ฮ่าๆ เราเป็นเพื่อนรักกันเลยนะ พวกเราเข้ามาอาณาเขตกงเวทสวรรค์พร้อมกันน่ะ”

หั่วเม่ยเอ๋อหัวเราะคิกคักขณะที่ดวงตากวาดมองรอบตัวมู่เฉิน หลังจากนั้นก็เขยิบเข้ามาใกล้อีกหลายส่วนพลางหัวเราะชอบใจ “พูดมาสิ บอกพี่สาวว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ยังไงกับนาง”

มู่เฉินหัวเราะเสียงแห้งกลอกตาไปมา เขาไม่ค่อยเชื่อคำพูดของหั่วเม่ยเอ๋อ หากนางกับจิ่วโยวมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันทำไมเขาถึงไม่ได้ยินชื่อนางจากปากของจิ่วโยวเลย? ยิ่งกว่านั้นคำพูดของหั่วเม่ยเอ๋อยังมีนัยชิงดีชิงเด่นอยู่ในที

“ช่างเป็นหนุ่มน้อยขี้ระแวงจริงนะ”

หั่วเม่ยเอ๋อแตะหน้ามู่เฉินเบาๆ นางจือปากไม่พูดอะไรอีก หันหน้าไปมองสนามรบด้านนอก “อีกประเดี๋ยวเมื่อพวกมันบาดเจ็บหนัก ข้าจัดการได้แค่ตัวหนึ่ง หากเจ้าต้องการแก่นเพลิงวิญญาณ ก็ต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อฆ่าอีกตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

มู่เฉินอึ้งไปพร้อมกับขมวดคิ้ว ไม่ว่าจะเป็นอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวหรือแมงป่องมังกรเพลิงก็แข็งแกร่งกว่าเขามาก ต่อให้พวกมันบาดเจ็บหนัก ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเขาเลย ไม่ต้องพูดถึงจัดการพวกมันด้วยความเร็วสูงสุด

ทว่าแม้จะเป็นเรื่องยากสักหน่อย แต่มู่เฉินก็ไม่ท้วงสักคำ เนื่องจากเขาบอกได้ว่าน้ำเสียงของหั่วเม่ยเอ๋อไม่มีเจตนาที่จะช่วยเหลือ เหตุผลที่นางเปลี่ยนใจฉับพลันคงเป็นเพราะจิ่วโยว

ท่าทางจะมีเรื่องไม่กินเส้นระหว่างหั่วเม่ยเอ๋อกับจิ่วโยวแน่

ทว่ามู่เฉินก็ไม่มีอารมณ์จะมาสืบเสาะความสัมพันธ์อะไร แม้เขาอาจจะดูอ่อนโยนภายนอก แต่คนที่รู้จักเขาจะตระหนักดีว่าชายหนุ่มคนนี้มีความทระนงลึกถึงกระดูก ในเมื่อหั่วเม่ยเอ๋อไม่คิดจะช่วยเหลือ เขาก็จะไม่คุกเข่าขอร้องให้เหนื่อย

ดังนั้นมู่เฉินจึงพยักหน้าเบาๆ กับคำพูดของหั่วเม่ยเอ๋อ

แม้ว่าดวงตาหั่วเม่ยเอ๋อจะมองการต่อสู้ด้านนอก แต่หางตาก็แอบเหลือบมองมู่เฉินอยู่ตลอด เมื่อนางเห็นมู่เฉินขมวดก่อนจะคลายลง นางก็อดเลิกคิ้วไม่ได้

นางมีความสัมพันธ์อิรุงตุงนังกับจิ่วโยวจริงๆ ในอดีตตอนที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์เลือกผู้บัญชาการใหม่ นางกับจิ่วโยวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายจิ่วโยวก็ได้ตำแหน่งผู้บัญชาการ ส่วนนางเลือกเข้าหน่วยรบกงเวทสวรรค์ไต่เต้าขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ทีละก้าว…ละก้าว

แต่เมื่อนางคุมหน่วยรบกงเวทสวรรค์ได้ จิ่วโยวกลับหายตัวไป ทำให้กำปั้นของนางราวกับชกลงบนสำลี ความพยายามหลายปีเหมือนไร้ซึ่งความหมาย ความรู้สึกนั้นซับซ้อนจนทำให้นางแยกแยะไม่ออก

ตอนนี้เมื่อจิ่วโยวกลับมา ไฟแห่งการต่อสู้ก็ถูกจุดขึ้นใหม่ นางต้องการให้จิ่วโยวรับรู้ว่านางหั่วเม่ยเอ๋อแข็งแกร่งกว่า!

จากความสัมพันธ์แบบคู่แข่งนี้ เมื่อนางได้ยินว่ามู่เฉินเป็นแม่ทัพคนใหม่ของหอวิหคโลกันตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างรวดเร็ว นางก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งเขาบ้างเล็กน้อย

ที่จริงนางก็ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ ตราบใดที่มู่เฉินมีท่าทียอมก้มหัวห้สักเล็กน้อย นางก็ไม่เกี่ยงที่จะช่วยเหลือ แต่ใครจะคิดว่าชายหนุ่มที่เหมือนจะอ่อนโยนคนนี้ กลับมีความทะนงตนแรงกล้าถึงแกนกระดูกปานนี้

“งั้นเจ้าก็ดื้อไปแบบนี้แหละ”

หั่วเม่ยเอ๋อเบ้ปากสีกุหลาบอย่างไม่รู้ตัว ในสายตาของนางความภาคภูมิใจที่ไร้เหตุผลของมู่เฉินเป็นเพียงความดื้อรั้นที่ไร้ประโยชน์ เขาไม่เข้าใจสถานการณ์และอดทน สุดท้ายเขาก็จะยังอ่อนต่อโลกเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่เข้าใจว่าจิ่วโยวเห็นอะไรในตัวเขาถึงได้พากลับมาที่อาณาเขตกงเวทสวรรค์

หรือเขาจะเป็นขยะอีกคนเหมือนอย่างเฉาเฟิง?

ไอเย็นเยือกวาบขึ้นในดวงตาของหั่วเม่ยเอ๋อ หากเป็นเช่นนั้นก็ตายไปซะดีกว่า จะได้ไม่ต้องสร้างความอับอายให้จิ่วโยวอีก

ขณะที่ความคิดเหล่านั้นแล่นอยู่ในใจของหั่วเม่ยเอ๋อ มู่เฉินก็จับจ้องไปที่การต่อสู้ ความคิดที่ควรทำอย่างไรถึงจะได้รับความสำเร็จแล่นอยู่ในใจไม่รู้จบ

เพราะเขารู้ดีว่าการฆ่าแมงป่องมังกรเพลิงและอสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวที่ได้รับบาดเจ็บอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับหั่วเม่ยเอ๋อ แต่เป็นเรื่องยากราวกับขึ้นสู่สวรรค์สำหรับเขาเลย

การโจมตีเบาๆ จากยักษ์พวกนี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหนักได้เลยทีเดียว

โฮก!

ขณะที่ดวงตาของมู่เฉินวูบไหว เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้นในลาวา จากการปะทะกันอย่างโหดร้ายชุดใหญ่ สัตว์ทั้งสองก็มีแต่บาดแผลฉกรรจ์ แม้แต่คลื่นหลิงแก่กล้าลุกโชนก็อ่อนกำลังลงจนถึงขีดสุด

พวกมันสาดสายตาก่อนที่แสงดุร้ายในดวงตาจะหายไป การเสียพลังไปเก้าส่วนทำให้พวกมันสูญเสียความดุร้ายไปจนหมดสิ้น ดังนั้นแต่ละตัวจึงหันหลังกลับหลบหนีไป

“ลงมือ!”

ทันทีที่พวกมันเคลื่อนไหว หั่วเม่ยเอ๋อก็ตะโกนเสียงเย็นพร้อมกับลูกทรงกลมที่เกิดจากลาวาระเบิดตัวออก ร่างนางพุ่งตรงไปที่อสรพิษเพลิงวิญญาณสามหัวที่กำลังหลบหนี

มู่เฉินกัดฟันไม่ลังเลที่จะทะยานไปหาแมงป่องมังกรเพลิงที่ได้รับบาดเจ็บหนัก

ไม่ว่าอย่างไรเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะถอยหนี!

เมื่อใดที่เขาได้แก่นเพลิงวิญญาณจากแมงป่องมังกรเพลิง เขาก็จะบรรลุขุมพลังจื้อจุนขั้นสามได้อย่างแท้จริง!

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

The Great Ruler | หนึ่งในใต้หล้า

หนึ่งในใต้หล้าจากปลายปากกาของเทียนฉานถูโต้ว กล่าวถึงมู่เฉิน เด็กหนุ่มจากสำนักศึกษาเป่ยหลิง ผู้ที่ได้รับเลือกให้เข้าฝึกในสงครามเทพยุทธ์ซึ่งเต็มไปด้วยเหล่าคนเก่งกาจ ทว่า… อยู่ดีๆ เขากลับถูกขับไล่ออกมาด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครล่วงรู้ มู่เฉินพยายามฝึกหนักอีกครั้งเพื่อจะพาตัวเองกลับเข้าไปในเส้นทางแห่งนี้ เขาจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้เป็นใบเบิกทางเพื่อเข้าศึกษาที่ภาคเบญจภาคี เพื่อ… ปกป้องหญิงสาวที่ตนรัก และยิ่งกว่านั้นคือเพื่อค้นหาเบาะแสของมารดาที่หายสาบสูญไป ‘มหาพันภพ’ เป็นที่ที่มิติทั้งหลายเชื่อมต่อกันในระบบสุริยจักรวาล สถานที่แห่งนี้มีขั้วอำนาจมากมายอาศัยอยู่ จักรพรรดิที่มาจากพิภพเขตล่างต่างเป็นตำนานที่ผู้อื่นปรารถนาขึ้นไปบนเส้นทางแห่งกฎของโลกไร้ขอบเขตนี้ แคว้นหวู่จิ้งฮั่ว เทพจักรพรรดิอัคคีควบคุมเปลวเพลิงกวาดข้ามสวรรค์ แคว้นหวู เทพจักรพรรดิสงครามผู้ยิ่งใหญ่ที่ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกหวาดกลัว ตำหนักซีเทียน จักรพรรดิสัประยุทธ์ที่แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดเทียบเท่า ในเนินเขารกร้างทางเหนือ ดินแดนวั้นมู่ของจักรพรรดิอมตะครองเหนือภพ เด็กหนุ่มจากมณฑลเป่ยหลิงออกท่องยุทธภพกับวิหคโลกันตร์คู่ใจ มุ่งหน้าสู่โลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสัน ใครกันที่จะเป็นผู้กุมชะตากรรมในเส้นทางการเป็นหนึ่ง? ในมหาพันภพที่สงครามนับหมื่นอุบัติ ข้าคือผู้กุมชะตาฟ้าดิน… The Great Thousand World. It is a place where numerous planes intersect, a place where many clans live and a place where a group of lords assemble. The Heavenly Sovereigns appear one by one from the Lower Planes and they will all display a legend that others would desire as they pursue the road of being a ruler in this boundless world. In the Endless Fire Territory that the Flame Emperor controls, thousands of fire blazes through the heavens. Inside the Martial Realm, the power of the Martial Ancestor frightens the heaven and the earth. At the West Heaven Temple, the might of the Emperor of a Hundred Battles is absolute. In the Northern Desolate Hill, a place filled with thousands of graves, the Immortal Owner rules the world. A boy from the Northern Spiritual Realm comes out, riding on a Nine Netherworld Bird, as he charges into the brilliant and diverse world. Just who can rule over their destiny of their path on becoming a Great Ruler? In the Great Thousand World, many strive to become a Great Ruler.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset