ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน
มืออสูรแดงฉานบดขยี้ลงมาจากท้องฟ้า
ดูราวกับปีศาจที่หมายจะล้างชีวิตออกจากแผ่นดิน กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นกระจายไปทั่วพื้นที่
จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนมีสีหน้าเคร่งเครียดลงเมื่อมองกระบวนท่าสุดยอดของฉิงเปย ระดับการโจมตีนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นสี่ตัวจริงยังต้องหลีกเลี่ยง
มู่เฉินสามารถสกัดกระบวนท่านี้ได้อย่างไร?
สายตานับไม่ถ้วนยกขึ้นมองชายหนุ่มอ่อนวัยบนท้องฟ้า ภายใต้การจ้องมองหลากหลาย มู่เฉินก็วาดตราประทับในมือขึ้นพร้อมกัน
โฮก!
เสียงมังกรและช้างคำรามก้องจากจุดจื้อจุนไห่กว้างใหญ่ไพศาล จากนั้นก็เห็นคลื่นลูกเชี่ยวกรากกวาดไปทั่วในจุดจื้อจุนไห่
ซ่า!
มังกรยักษ์ที่ปกคลุมด้วยเพลิงสีม่วงทะยานออกจากจุดจื้อจุนไห่ปรากฏตัวขึ้น ขณะเดียวกันคชสารยักษ์ขนาดใกล้เคียงกันที่ปกคลุมด้วยสายฟ้าไร้รูปร่างก็ตะลุยออกจากผิวมหาสมุทรด้วยเช่นกัน
มังกรและคชสารพุ่งออกจากจุดจื้อจุนไห่ ลอยอยู่บนอากาศเหนือมู่เฉิน ทันใดนั้นคลื่นหลิงทรงพลังก็กำจายออกมาจากร่างของพวกมัน ทำให้กลิ่นคาวเลือดจางลงไปอย่างมากในทันที
จอมยุทธ์นับไม่ถ้วนดวงตาหดเกร็ง พวกเขาบอกได้ชัดเลยว่ากระบวนท่านี้ของมู่เฉินทรงพลังเพียงใด ทันใดนั้นทุกคนก็กลั้นหายใจ หรือว่าชายหนุ่มคนนั้นจะมีความสามารถในการสกัดการโจมตีสุดพลังของฉิงเปยได้จริงๆ?
“ฮึ่ม!”
มังกรและชคชสารยืนอยู่บนขอบฟ้า จากนั้นก็ปะทะกัน ทันใดนั้นเพลิงสีม่วงและสายฟ้าก็พลุ่งพล่าน ขณะที่รัศมีแสงทั้งสองระเบิดออก พวกมันก็ราวกับก่อร่างเป็นจานแสงที่มีมังกรและคชสารพันไขว้กัน คุณสมบัติแตกต่างกันสิ้นเชิงของพลังงานทั้งสองหลอมรวมเข้ากันด้วยวิธีนี้ ทันใดนั้นพายุเฮอริเคนคลื่นหลิงน่าสะพรึงกลัวก็กวาดออก
จานแสงมังกรคชสารลอยอยู่บนอากาศขณะที่คลื่นพลังที่ปลดปล่อยออกมาทำให้หนังตาของจอมยุทธ์นับไม่ถ้วนกระตุก พวกเขาบอกได้ว่าแม้กระบวนท่านี้ของมู่เฉินจะทรงพลัง แต่ก็ยังขาดอะไรไปบางอย่างหากต้องเผชิญหน้ากับฝ่ามืออสูรโลหิตของฉิงเปย
จอมยุทธ์จำนวนมากฝั่งอาณาเขตกงเวทสวรรค์มีสีหน้าวิตกกังวล กระทั่งเหล่าผู้บัญชาการยังหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ หากพลังการโจมตีของมู่เฉินอยู่แค่ระดับนี้ ก็คงไม่สามารถจะต้านฉิงเปยได้
ประมุขอาณาเขตกงเวทสวรรค์ยังคงนั่งบนบัลลังก์ ไม่มีริ้วความผันผวนประหลาดรอบกายเลย ท่าทางดูราวกับไม่กังวลถึงความล้มเหลวของมู่เฉิน
ฝั่งแดนร้อยสงคราม หลิ่วเทียนเต้ายืนเอามือไพล่หลังขณะมองวงแสงมังกรคชสารที่มู่เฉินสร้างขึ้นบนท้องฟ้า คิ้วของเขากลับค่อยๆ ย่นเข้าหากันพร้อมกับแสงวูบไหวในดวงตา
เมื่อความสนใจทั้งหมดพุ่งไปหา มู่เฉินก็เงยหน้าขึ้นมองจานแสงมังกรคชสารที่ลอยอยู่ด้านบน จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึก เขารู้ดีว่ายังเป็นไปไม่ได้ที่จะปะทะกับฉิงเปยด้วยจานแสงมังกรคชสารที่เพิ่งสร้างขึ้นนี้
หากเป็นในอดีต มู่เฉินก็คงอับจนปัญญาแน่นอน แต่ตอนนี้เขาได้หลอมรวมพลังเข้ากับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำเรียบร้อย ทำให้พลังอำนาจของวิชาเก้ามังกรคชสารถูกปลดปล่อยออกมาได้อย่างแท้จริง
ลมหายใจขาวขุ่นพรูออกจากปากมู่เฉิน ดวงตาสีดำสนิทเปลี่ยนเป็นคมกริบ ตราประทับในมือเปลี่ยนไป!
ตู้ม!
คลื่นเชี่ยวกรากพัดกระหน่ำในจุดจื้อจุนไห่ขณะที่แสงระเบิดออกจากทุกทิศทาง หลุมวนขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นเหนือจุดจื้อจุนไห่ พร้อมกับแสงมหึมาสองสายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
โฮก!
เสียงสัตว์อสูรทั้งสองแผดร้องดังขึ้นอีกเสียง ที่เสาแสงมังกรและคชสารก็ระเบิดออกเปลี่ยนเป็นลำแสงเจิดจ้าสองสายเข้าไปในวงแสงมังกรคชสารที่อยู่เหนือร่างมู่เฉิน
ปัง! ปัง!
เมื่อมังกรคชสารอย่างละหนึ่งพุ่งเข้าไป จานแสงมังกรคชสารก็จะขยายขนาด ขณะเดียวกันคลื่นหลิงป่าเถื่อนก็เพิ่มขึ้นรวดเร็ว
ผู้คนมีสีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน
สีหน้าของมู่เฉินซีดลง คิดว่าคงเป็นภาระยิ่งใหญ่สำหรับเขาหลังการสำแดงพลังของวิชาเก้ามังกรคชสาร แต่เวลานี้เขาจะต้องทนไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
“ก่อนหน้าไม่ได้ แล้วตอนนี้ล่ะ?!”
ไอเย็นเยือกพวยพุ่งในดวงตาของมู่เฉิน ไม่มีอาการลังเลใดเขาก็ซัดฝ่ามือออกไปทันที จานแสงมังกรคู่และคชสารคู่พุ่งออกไปทันที
วาบ!
ความเร็วของจานแสงมังกรคชสารอยู่ในระดับที่ไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ทะลวงผ่านมิติในพริบตา เมื่อทุกคนมองเห็นอีกครั้งจานแสงมังกรคชสารก็ปรากฏใต้ฝ่ามืออสูรโลหิตที่กำลังซัดลงมาแล้ว
“แตกซะ!”
ฉิงเปยคำรามพร้อมกับเบิกตาโพลง เขาเร้าคลื่นหลิงจนถึงขีดสุด พร้อมกับกลิ่นคาวเลือดรุนแรง จากนั้นก็ตบลงมาบนจานแสงมังกรคชสาร!
ตู้ม!
ทันทีที่ปะทะกันก็ราวกับอุกกาบาตสองลูกฉีกผ่านขอบฟ้าพุ่งเข้าชนกันด้วยพลังทำลายล้าง คลื่นกระแทกที่มองเห็นด้วยตาเปล่ากวาดออกเป็นชั้น ทำให้มิติถล่มลงทีละชั้น…ละชั้น เศษมิติคมกริบนับไม่ถ้วนกระจายไปทุกทิศทาง
เกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ดังนั้นจอมยุทธ์ทั้งสองฝั่งจึงรีบลงมือ พริบตาเดียวม่านพลังนับไม่ถ้วนก็สะบัดไหว สร้างแนวป้องกันทรงพลังสกัดเศษมิติที่แตกกระจาย
ส่วนมู่เฉินกับฉิงเปยที่อยู่ในจุดกำเนิดของคลื่นกระแทก ก็ไม่กล้าถูกความน่ากลัวนั้นเข้าเล่นงาน พวกเขาจึงรีบถอยเข้าไปในร่างเทห์สวรรค์ทันที
มู่เฉินเข้าไปในร่างเทพสุริยะใช้การป้องกันที่ทรงพลังต่อต้านเศษมิติที่ปลิวว่อน แต่ถึงกระนั้นก็มีรอยบาดลึกปรากฏบนร่างเทพสุริยะ ดูจากท่าทางแล้วหากมู่เฉินไม่มีร่างเทพสุริยะ แค่คลื่นกระแทกอย่างเดียวก็ทำให้ร่างเทห์สวรรค์เสียหายใหญ่หลวงได้แล้ว
ขณะที่คลื่นป่าเถื่อนกวาดอาละวาดไปทั่ว คนมากมายก็ยังคงจับจ้องการปะทะบนท้องฟ้า แสงจากจานมังกรคชสารเจิดจ้ามากขึ้น สัตว์อสูรสี่ตัวก็คำรามอย่างเกรี้ยวกราด จานแสงหมุนควงเร็วจี๋ ราวกับเลื่อยคมกริบที่สุดในโลก
ยกเว้นว่าใบเลื่อยนี้เกิดจากมังกรและคชสาร
เผชิญหน้ากับพลังทำลายล้างน่ากลัวของจานแสงมังกรคชสาร ฝ่ามืออสูรโลหิตก็แตกร้าว รอยร้าวเล็กๆ ปรากฏขึ้น
ใบหน้าของฉิงเปยเปลี่ยนไปรุนแรงในทันที
รอยแตกกระจายออกด้วยความเร็วที่น่ากลัว ไม่กี่อึดใจก็ปกคลุมมือใหญ่สีแดงฉานไปทั่ว สุดท้ายมือสีแดงฉานทั้งคู่ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป แตกออกเป็นสองส่วน!
โห่!
ความปั่นปวนประหลาดใจดังขึ้นในบริเวณนี้
หลังจากที่จานแสงมังกรคชสารฉีกผ่านฝ่ามืออสูรโลหิต แม้ว่าประกายจะหม่นลงไปมาก แต่ก็ยังพุ่งต่อไปพร้อมกับความเร็วชวนตะลึง เล็งเป้าไปที่ร่างอรหันต์หลัวฮั้น เห็นชัดว่ามู่เฉินใช้โอกาสนี้ในการกำจัดฉิงเปย
เมื่อฉิงเปยเห็นการเคลื่อนไหวของมู่เฉินในร่างอรหันต์หลัวฮั้น แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเขียวคล้ำแต่ก็ไม่ได้ตื่นตกใจ เขาขบฟันแน่นวาดประทับ ขนาดของฝ่ามืออสูรโลหิตที่แตกออกเป็นสองส่วนหดลงเท่าหนึ่ง คลื่นหลิงภายในเปลี่ยนเป็นไร้ระเบียบ แต่ก็ไม่ได้หายไป กลับทะยานตรงไปที่ร่างเทพสุริยะ
ทั้งสองไม่สนใจตัวเองเลือกปลดปล่อยการโจมตีครั้งสุดท้ายใส่ศัตรู!
ผู้คนจำนวนมากหนังตากระตุกเมื่อเห็นภาพที่ทั้งสองเด็ดขาดและไร้ปรานีเช่นนี้
ตึง!
จานแสงมังกรคชสารพุ่งเข้ากระแทกร่างอรหันต์หลัวฮั้น แต่ก่อนที่จะเกิดการปะทะร่างอรหันต์หลัวฮั้นก็เบี่ยงตัวหลบ ดังนั้นเมื่อแสงวาบผ่าน ครึ่งหนึ่งของไหล่ร่างอรหันต์หลัวฮั้นก็ถูกเฉือนออก
ขณะเดียวกันฝ่ามืออสูรโลหิตที่ผ่าออกเป็นสองซีกก็ซัดร่างเทพสุริยะหนักหน่วง ทันใดนั้นแสงสีทองก็กระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า เสียงโลหะกระทบกันดังกังวาน
ร่างเทห์สวรรค์ทั้งสองกระเด็นออกไปนับหมื่นเมตรก่อนที่จะทรงตัวได้
ผู้คนเบนสายตามองตาม บนหน้าอกของร่างเทพสุริยะมีรอยฝ่ามือประทับลึกสองรอย แม้พลังการโจมตีจะน่ากลัว แต่การป้องกันของร่างเทพสุริยะก็อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนแล้ว
ขณะที่ร่างอรหันต์หลัวฮั้นของฉิงเปยถูกเฉือนไหล่ออกไปครึ่งหนึ่ง คลื่นหลิงก็รั่วไหลออกจากบาดแผลแสดงสัญญาณไร้ระเบียบพร้อมกับร่างเทห์สวรรค์เริ่มจางหายไป
มู่เฉินปรากฏตัวบนศีรษะของร่างเทพสุริยะขณะเลือดปรากฏบนมุมปาก จากนั้นเขาก็ปาดคราบเลือดออกเบาๆ พร้อมกับสายตาเย็นชาจับจ้องที่ร่างอรหันต์หลัวฮั้นของฉิงเปยที่ได้รับบาดเจ็บหนัก
สู้มาถึงจุดนี้ ชัดว่าทั้งสองก็แสดงอาการอ่อนกำลังลงแล้ว
ตู้ม!
แสงดุร้ายวาบผ่านในดวงตาของมู่เฉิน เขากระทืบเท้า ร่างเทพสุริยะที่เจ็บหนักก็ทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้าปรากฏตัวตรงหน้าร่างอรหันต์หลัวฮั้นซัดหมัดใหญ่ลงมาอย่างไร้ปรานี
ฉิงเปยรีบควบคุมร่างอรหันต์หลัวฮั้นตั้งรับ แต่ร่างที่เหลือมีเพียงมือข้างเดียวจะต้านทานการโจมตีของร่างเทพสุริยะได้อย่างไร? เมื่อหมัดข้างหนึ่งซัดเข้าที่แขนของร่างอรหันต์หลัวฮั้นจนหัก อีกข้างหนึ่งก็ซัดทะลุหน้าอกร่างอรหันต์หลัวฮั้นเลย
ปัง!
ในที่สุดร่างอรหันต์หลัวฮั้นก็มาถึงขีดสุด แตกออกเป็นประกายแสง ร่างสะบักสะบอมร่วงลงมากระอักเลือดเต็มปากก่อนจะกระแทกกับยอดเขาจังใหญ่ พลังรุนแรงทำลายยอดเขาจนราพณาสูร
ครืน!
ภูเขาขนาดใหญ่ถล่มลงขณะที่ผู้คนจากทั้งสองฝั่งอยู่ในความเงียบ ดวงตาแตะละคู่แทบถลนออกมาบ่งบอกถึงความตกใจในหัวใจ
ไม่เพียงแต่มู่เฉินจะสามารถต้านทานกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของฉิงเปยได้ เขายังเอาชนะฉิงเปยได้อีกด้วย!
เมื่อร่างอรหันต์หลัวฮั้นสลายตัว ผลลัพธ์ก็ถูกตัดสินแล้ว!
นี่เป็นผลลัพธ์ที่แทบไม่มีใครคาดคิดมาตั้งแต่ต้น…
บนท้องฟ้า ร่างเทพสุริยะก็โยกไปมาก่อนที่จะจางหายไปในที่สุด มู่เฉินโซซัดโซเซออกมา ใบหน้าเขาซีดลงเช่นกัน เลือดไหลออกจากมุมปาก
เห็นชัดว่ามู่เฉินได้รับบาดเจ็บไม่น้อยจากการต่อสู้กับฉิงเปย ชายหนุ่มคนนั้นทรงพลังแท้จริง แต่โชคดีที่ในการต่อสู้ใช้ชีวิตเป็นเดิมพันครั้งนี้ เขาสามารถหัวเราะได้เป็นคนสุดท้าย
มือเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก สายตากวาดมองกองทัพทั้งสองที่เงียบไป จากนั้นเขาก็หันไปทางอาณาเขตกงเวทสวรรค์ ประสานมือคำนับต่อประมุขพร้อมกับรอยยิ้มฝืดเฝื่อนผุดบนใบหน้าซีดชาว
“ท่านประมุข ข้าโชคดีที่ไม่แพ้”