เพลิงอมตะเบื้องขวา ฤทัยปีศาจเบื้องซ้าย
มิติเหนือจุดจื้อจุนไห่ฉีกขาด
ขณะสายฟ้าไร้รูปร่างพุ่งลงมาจากทุกทิศทาง เสียงคำรามดังสนั่นราวกับเสียงโหยหวนของภูตผีดังก้องไปทั่วจุดจื้อจุนไห่ ยกคลื่นบนพื้นผิวทะเลพลังขึ้น
นี่เป็นฉากที่ดูราวกับวันสิ้นโลก
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองภาพนี้ สีหน้าก็เคร่งเครียดลงหลายส่วน สายฟ้าไร้รูปร่างนับไม่ถ้วนตกลงมาราวกับฝนอุกกาบาต พุ่งเข้าไปในจุดจื้อจุนไห่ของเขา
ปุ! ปุ!
คลื่นหลิงขนาดใหญ่ยกตัวขึ้น ทุกจุดที่สายฟ้าฤทัยปีศาจดำพุ่งลงมา คลื่นหลิงประกายสีม่วงก็เลือนหายไป เปลวเพลิงสีม่วงพวยพุ่งขึ้นแล้วสลายตัวลงอย่างรวดเร็วจากสายฟ้าไร้รูปร่าง
ริ้วสีผิดปกติต่างๆ แล่นพล่านในจุดจื้อจุนไห่ที่เป็นสีม่วงแต่เดิม
นี่เป็นผลจากการทำลายของสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ
นอกจากนี้เมื่อพิจารณาจากรูปการณ์นี้ สายฟ้าฤทัยปีศาจดำกับเพลิงอมตะไม่ถูกกันแน่นอน แต่ก็สมเหตุสมผลเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชนิดของไฟกับสายฟ้านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งธรรมดา มิหนำซ้ำยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้พอมาอยู่ในสถานที่เดียวกัน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ร่วมกัน
มู่เฉินถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ในหัวใจ เขาสามารถคาดเดาถึงเรื่องยุ่งยากที่ต้องเผชิญต่อไปได้แล้ว
ตู้ม! ตู้ม!
บนท้องฟ้า สายฟ้าฤทัยปีศาจดำยังคงฟาดลงมาไม่ยั้ง การโจมตีน่ากลัวอย่างยิ่ง ดังนั้นสีไร้รูปร่างจึงได้กระจายออกไปอย่างรวดเร็วบนจุดจื้อจุนไห่กว้างใหญ่ไพศาล
เผชิญกับการโจมตีรุนแรงจากสายฟ้าฤทัยปีศาจดำ แม้แต่เพลิงอมตะก็เริ่มพ่ายแพ้ทีละน้อย คลื่นหลิงสีม่วงจางหายไปอย่างต่อเนื่อง
พลังงานสองสายปะทะกันในจุดจื้อจุนไห่ พยายามลบล้างซึ่งกันและกัน แต่ในกระบวนการนี้ พลังงานทั้งสองก็ค่อยๆ รวมเข้ากับคลื่นหลิงไปด้วย เพราะที่นี่คือจุดจื้อจุนไห่ของมู่เฉิน หากพวกมันต้องการเอาชนะอีกฝ่ายก็ต้องอาศัยคลื่นหลิงที่นี่ ยิ่งพวกมันรวมตัวกับคลื่นหลิงมากเท่าใด ก็จะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น เป็นฝ่ายเหนือกว่าได้ง่ายขึ้น
แล้วเหตุการณ์เช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่มู่เฉินต้องการเห็น
ตอนนี้เขาต้องรอให้สายฟ้าฤทัยปีศาจดำค่อยๆ รวมเข้ากับคลื่นหลิงของเขา มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นเขาถึงจะมีโอกาสลงมือและปรับสมดุลพลังงานทั้งสอง ทำให้สามารถควบคุมพวกมันได้
และแล้วการรอคอยก็ใช้เวลาไปสิบวันเต็ม
ระหว่างสิบวันนี้ สายฟ้าฤทัยปีศาจดำก็เติบโตขึ้นในเขตจุดจื้อจุนไห่อย่างต่อเนื่อง จนในวันสุดท้ายมันก็ได้กินพื้นที่จุดจื้อจุนไห่ไปครึ่งหนึ่ง สามารถต้านทานเพลิงอมตะได้อย่างแท้จริง
แต่เมื่อถึงจุดนี้ การขยายพื้นที่ของสายฟ้าฤทัยปีศาจดำก็ชะงักลง เพราะเพลิงอมตะก็ไม่ใช่ธรรมดา หลังจากต้านทานการโจมตีดุเดือดในตอนแรกของสายฟ้าฤทัยปีศาจ มันก็ตั้งหลักได้อย่างมั่นคง ไม่ให้อีกฝ่ายได้ก้าวเพิ่มมาอีกแม้แต่น้อย
ร่างดวงจิตของมู่เฉินยืนอยู่บนท้องฟ้าก้มลงมองจุดจื้อจุนไห่ที่ตอนแรกอัดแน่นด้วยสีม่วง ทว่าตอนนี้แยกออกเป็นสองสี หนึ่งสีม่วงหนึ่งโปร่งใส สองสีที่ต่างกันสิ้นเชิงทำให้จุดจื้อจุนไห่ถูกแบ่งไปอย่างชัดเจน
บริเวณที่สีทั้งสองสัมผัสกันระเบิดออกอย่างดุเดือด เพลิงสีม่วงกับสายฟ้าไร้รูปร่างปะทะกันอย่างหนักหน่วง เสียงระเบิดดังเสียดหู
คลื่นเชี่ยวกรากต่างสีปะทะซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนเบาๆ ทั่วทั้งจุดจื้อจุนไห่
มู่เฉินมองจุดจื้อจุนไห่ที่แยกส่วนอย่างชัดเจนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังงานสองชนิดต่างครองพื้นที่จุดจื้อจุนไห่ไปอย่างละครึ่ง แต่ขณะเดียวกันคลื่นหลิงในร่างของเขาก็ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หากเขาใช้คลื่นหลิงที่รวมตัวกับเพลิงอมตะ คลื่นหลิงที่รวมตัวกับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำก็จะไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขา
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ไม่เพียงพลังของเขาจะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย กลับทำให้คลื่นหลิงของเขาอ่อนแอลงอีกด้วย
นอกจากนี้ด้วยความขัดแย้งระหว่างพลังทั้งสอง หากเขาไม่เข้าควบคุมพวกมันอาจทำให้หลุดการควบคุมไป ถึงตอนนั้นเขาก็จะได้รู้สึกถึงการถูกคลื่นหลิงสะท้อนกลับมาอย่างแท้จริง
แต่ถ้าเขารวมพลังทั้งสองนี้ไว้ด้วยกันในตอนนี้ มู่เฉินแน่ใจว่าผลลัพธ์ก็คือการล่มสลายของจุดจื้อจุนไห่ เนื่องจากเขายังไม่มีความสามารถที่จะทำในตอนนี้
“ในเมื่อยังไม่อาจรวมพวกมันเข้าด้วยกันในตอนนี้ งั้นก็ควบคุมแยกไปก่อนแล้วกัน”
ทว่ามู่เฉินก็ไม่ใช่คนที่ไร้ความสามารถ เขาคิดหาทางแก้ไขอย่างรวดเร็ว สายตาเขาเป็นประกายขณะพึมพำกับตัวเอง “แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ต้องให้เพลิงอมตะกับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำยอมรับซึ่งกันและกัน”
เขาต้องทำให้พลังงานทั้งสองไม่โจมตีซึ่งกันและกันอีก ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องคอยระวังสถานการณ์ในร่างอยู่ตลอด
แต่เห็นชัดว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เนื่องจากเพลิงอมตะกับสายฟ้าฤทัยปีศาจดำไม่ได้อ่อนแอ ปกติถ้าพวกมันปะทะกัน ก็ย่อมสู้กันจนตายไปข้าง แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ต่างจากการนำเสือสองตัวมาอยู่ในภูเขาเดียวกัน
“เสือสองตัวในภูเขาเดียวกันงั้นหรือ?”
แววตาของมู่เฉินวูบไหว ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่เสือสองตัวจะอยู่ในที่เดียวกัน เขาเพียงแค่ต้องหาอะไรบางอย่างมาไว้ในภูเขาเพื่อช่วยกำราบเสือทั้งสองตัวให้สงบลง
แต่ตอนนี้เขาจะหาสิ่งที่ช่วยกำราบเสือสองตัวได้จากที่ไหนกันล่ะ?
แม้ว่าหน้ารายการนิรันดร์จะน่าสะพรึงกลัว แต่ชัดว่าไม่เหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้ แล้วเขาควรใช้วิธีไหนกันล่ะ?
มู่เฉินยืนกลางอากาศขณะจมอยู่ในความภวังค์ความคิด สถานการณ์ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดกลางคัน ถ้าเขาสามารถจัดการปัญหานี้ได้ เขาก็สามารถควบคุมคลื่นหลิงทรงพลังสองกลุ่มที่มีคุณลักษณะต่างกันได้ แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ เขาก็ไม่กล้าสู้กับใครหน้าไหนเลย
ครืน!
ขณะที่มู่เฉินกำลังครุ่นคิด คลื่นหลิงกลุ่มใหญ่สองกลุ่มที่หลอมรวมกับเพลิงอมตะและสายฟ้าฤทัยปีศาจดำก็ยังคงสู้กันไม่หยุด กัดกร่อนคลื่นหลิงที่ได้มาจากการฝึกฝนอันยากลำบากของมู่เฉินอย่างต่อเนื่อง
รูม่านตาของมู่เฉินสะท้อนเพลิงสีม่วงและสายฟ้าไร้รูปร่าง ครู่หนึ่งเขาก็หรี่ตาลง พูดถึงการกำราบ เขาลืมวัตถุนี้ไปสนิทเลย
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของมู่เฉิน จากนั้นเขาก็วาดตราประทับ เสียงกระหึ่มดังจากจุดจื้อจุนไห่ ขณะที่เจดีย์เก้าชั้นขนาดมหึมาค่อยๆ ปรากฏบนขอบฟ้า
เจดีย์เก้าชั้น
นี่เป็นวัตถุที่ถูกชำระด้วยการฝึกวิชามหาเจดีย์ และเป็นสิ่งเดียวที่มารดาของมู่เฉินทิ้งไว้ให้ มู่เฉินไม่สงสัยถึงพลังที่มันมีเลย ทว่าตอนนี้ตัวเขายังไม่สามารถดึงพลังที่มีทั้งหมดของมันออกมาได้
แต่คงไม่ใช่เรื่องยากในการปราบเสือสองตัวที่อยู่ในจุดจื้อจุนไห่ของเขาตอนนี้
มู่เฉินมองเจดีย์เก้าชั้นลึกลับสีดำตรงหน้าก็พลิกนิ้ว เจดีย์เก้าชั้นพุ่งหวือแล้วพลิ้วลงมา สร้างเงาขนาดใหญ่ทับเขตแดนระหว่างพลังงานหลิงทั้งสองชนิดอย่างหนักหน่วง
ชี่! ชี่!
เมื่อเจดีย์เก้าชั้นกดทับลงมา แสงสีดำก็ระเบิดตามแนวเขตแดน ไม่กี่อึดใจคลื่นหลิงทั้งสองกลุ่มก็ถูกแยกจากกัน
แสงสีดำราวกับแยกคลื่นหลิงที่ขัดแย้งกันทั้งสองกลุ่มออก คลื่นเชี่ยวกรากตรงเขตแดนก็ค่อยๆ สงบลง
ความรุนแรงถูกสยบได้ด้วยเจดีย์เก้าชั้น!
มู่เฉินมองภาพนี้ด้วยแววตาปีติ เขาไม่คิดว่าความสามารถในการปราบปรามของเจดีย์เก้าชั้นจะทรงพลังเพียงนี้ จนถึงจุดที่ว่าสามารถแก้ปัญหาใหญ่ของเขาได้อย่างง่ายดาย
เจดีย์เก้าชั้นตั้งตระหง่านเงียบๆ บนพื้นผิวจุดจื้อจุนไห่กว้างใหญ่ แสงสีดำที่แผ่ออกไปขวางกั้นคลื่นหลิงทั้งสองกลุ่มกลายเป็นเส้นกั้น
ในอนาคตเมื่อมู่เฉินฝึกฝน เขาก็เพียงเทคลื่นหลิงที่ชำระลงไปในเจดีย์เก้าชั้น มันก็จะแบ่งคลื่นหลิงออกเป็นสองกลุ่มได้เองโดยทันที ให้พวกมันคงสมดุลเอาไว้
มู่เฉินรู้สึกโล่งใจอย่างมาก การหลอมรวมสายฟ้าฤทัยปีศาจดำในครั้งนี้สำเร็จได้ดีเหนือความคาดหมาย ทว่าเขาเข้าใจดีนี่เป็นเพราะเจดีย์เก้าชั้นล้วนๆ ถ้าเขาต้องการประสบความสำเร็จด้วยตัวเอง ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใด
ร่างดวงจิตของมู่เฉินมองจุดจื้อจุนไห่ที่สงบลงด้วยรอยยิ้มพึงใจก่อนจะค่อยๆ จางหายไป ทิ้งไว้เพียงจุดจื้อจุนไห่ยิ่งใหญ่และทรงพลัง
ลึกลงไปในทะเลสายฟ้าสีดำเมื่อม
จิ่วโยวนั่งนิ่งไม่ไกลจากมู่เฉิน ดวงตาหงส์เหลือบมองมู่เฉินเป็นระยะด้วยความห่วงและร้อนใจฉายในส่วนลึกของนัยน์ตา
มู่เฉินคงอยู่ในสภาพนี้ตลอดระยะเวลาสิบกว่าวัน แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าจะสิ้นสุด
สายฟ้าฤทัยปีศาจดำที่เคยปกคลุมร่างของมู่เฉินก็หายไปแล้ว จริงๆ ก็ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เข้าไปในร่างกายของมู่เฉิน
แม้ภายนอกเขาจะดูสงบ แต่จิ่วโยวรู้ว่าจุดจื้อจุนไห่ของเขาจะต้องปั่นป่วนมากแน่ แต่นางก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้กับมู่เฉินได้ เขาต้องจัดการด้วยตัวเอง
จิ่วโยวกำหมัดแน่นขณะที่กัดริมฝีปากสีแดง เตือนตัวเองว่าอย่าพึ่งร้อนใจ แต่ครั้งนี้นางทำได้เพียงนั่งลงอยู่ครึ่งวันก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนอย่างอดรนทนไม่ไหว
ทว่าจังหวะที่นางลุกขึ้น นางก็เห็นว่าดวงตาของมู่เฉินที่ปิดมาตลอดสิบกว่าวันสั่นไหวแล้วเปิดขึ้นทีละน้อย…ละน้อย
ความยินดีปรีดาฉายบนใบหน้าของจิ่วโยว นางรีบพุ่งเข้าไปหาถามอย่างเป็นห่วง “เป็นยังไงบ้าง?”
ตอนนี้ท่าทางของมู่เฉิน ทำให้มองไม่ออกว่าประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นคลี่ยิ้มให้จิ่วโยว รอยยิ้มดูสงบและมั่นใจ จากนั้นเขาก็ยืนขึ้นเหยียดมือออกก่อนจะกำขึ้นในทันที
ชี่!
เมื่อมู่เฉินกำหมัด คลื่นหลิงแฝงเพลิงสีม่วงก็ลุกโชนบนมือด้านขวา ส่วนบนมือซ้ายเป็นคลื่นหลิงโปร่งใสแต่ลึกลงไปราวกับมีเสียงสายฟ้าคำรามดังออกมาเงียบๆ
เพลิงอมตะเบื้องขวา ฤทัยปีศาจเบื้องซ้าย!
คลื่นหลิงต่างกันสองชนิดไหลเวียนบนมือของมู่เฉิน ภาพนี้ทำให้แม้แต่คนอย่างจิ่วโยวก็ยังมีแววตาเจิดจ้าอย่างไม่เคยเป็น
เจ้านี่ชักสุดยอดขึ้นจริงๆ