หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 937 การต่อสู้โกลาหล
“ไอ้พวกหมาจิ้งจอกเฒ่า”
ด้านนอกเกาะหิน มั่นถัวหลัวมองผู้ใต้บังคับบัญชาที่ถูกส่งเข้าไปโดยประมุขคนอื่นก็เบ้ปาก
“ฮ่าๆ สมกับเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันหลายปีจริงๆ ท่าทางรู้ไส้รู้พุงกันดีทีเดียว” ประมุขหมู่ตึกเทวะยิ้มบาง ก่อนที่จะเหลือบคนทั้งหก
แต่ละคนพอได้ยินก็ผิวยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม
“เอาล่ะ ในเมื่อต่างคนต่างมีความคิดก็อย่าแกล้งทำอะไรอีกเลย ตอนนี้เราต้องรับมือกับหุ่นวิญญาณของจอมพลสี่เอาไว้ สำหรับของเหลวหลิงเสินก็ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปค้นหาเถอะ” มั่นถัวหลัวส่งเสียงร้องอย่างเย็นชา
ประมุขคนอื่นๆ ก็พยักหน้า ตอนแรกพวกเขาก็คิดเช่นนี้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ได้เห็นของเหลวหลิงเสินก่อน ไม่งั้นจะเร็วไปที่ต้องทุ่มสุดพลัง
ในเมื่อทำข้อตกลงกันแล้ว ทั้งเจ็ดคนก็ไม่ลังเลอีกต่อไป แต่ละคนออกกระบวนท่าน่าสะพรึงกลัวจู่โจมท่านจอมพลสี่เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสไปขับไล่คนที่เข้าไปในเกาะหิน
บนเกาะหินลอย
ขณะที่ประมุขทั้งเจ็ดกำลังล้อมกรอบจอมพลสี่ไว้ รัศมีโบราณก็กำจายไปทั่ว ท่ามกลางเศษหิน ร่างแสงจำนวนมากก็ปรากฏขึ้น
คนกลุ่มนี้ก็คือจอมยุทธ์จากอาณาเขตกงเวทสวรรค์ เมื่อปรากฏตัวขึ้นมา แต่ละคนก็รีบหมุนเวียนคลื่นหลิงทันทีเพื่อป้องกันร่างกาย ก่อนที่สายตาจะกวาดมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากกลัวว่าจะมีสิ่งมีชีวิตน่ากลัวโผล่อยู่บนเกาะหินนี้
ทว่าการตั้งแนวป้องกันของพวกเขาก็ดูจะไม่จำเป็น ที่นี่เงียบสงบไม่มีเหตุการณ์อะไรทั้งสิ้น
เมื่อมู่เฉินเห็นภาพนี้ก็รู้สึกโล่งใจในใจ ทว่าขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหว ก็พบว่าจอมพลทั้งสามมีสีหน้าเปลี่ยนไปรุนแรงฉับพลัน
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” มู่เฉินตกใจไป
“มีบางอย่างผิดปกติ!” ซุยนอนกล่าวเสียงเคร่งขรึม ดวงตาที่มักจะหลับอยู่เป็นนิจกลับเปล่งแสงวูบไหวในตอนนี้ แรงกดดันที่น่ากลัวปล่อยออกมาจากร่างเขา เขากำมือแน่นพร้อมกับคิ้วขมวดเป็นปม “คลื่นหลิงของข้าถูกระงับไว้โดยมาก!”
เมื่อครู่ตอนที่เขาหมุนเวียนคลื่นหลิง เขาสัมผัสได้ถึงการปราบปรามทรงประสิทธิภาพกดคลื่นหลิงของเขาเอาไว้ การไหลเวียนของคลื่นหลิงตอนแรกที่ทรงพลังกลับช้าลงมาก
ดูเหมือนจะมีพลังงานแปลกประหลาดผนึกจุดจื้อจุนไห่ในร่างกายของเขา ทำให้การหมุนเวียนของคลื่นหลิงอ่อนแอลง
“คลื่นหลิงของข้าก็ถูกจำกัดด้วย!” เทียนจิ้วและหลิงถงพูดออกมาพร้อมกับสีหน้าเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
เมื่อเหล่าผู้บัญชาการได้ยิน ก็ลองหมุนเวียนคลื่นหลิงในร่างทันที หลังจากนั้นใบหน้าของพวกเขาก็น่าเกลียดลงเล็กน้อย เนื่องจากพวกเขาประสบสถานการณ์เดียวกันอย่างชัดเจน
มู่เฉินขมวดคิ้วแน่นเมื่อสัมผัสกับคลื่นหลิงในร่าง ตามคาดคลื่นหลิงอ่อนแอลง ทว่าผลกระทบไม่รุนแรงจนเกินไป โดยรวมยังอยู่ในจุดที่เขายอมรับได้
“พลังข้าถูกระงับเจ็ดส่วน!” ซุยนอนเผยสีหน้าน่าเกลียดยิ่ง การถูกผนึกไว้ถึงเจ็ดส่วนแบบนี้ ก็หมายความว่าพลังของเขาในตอนนี้อยู่ในระดับจื้อจุนขั้นเจ็ดเท่านั้น
“เราประมาณหกส่วน” จอมพลอีกสองคนแลกเปลี่ยนสายตากันพลางพูด
“พวกเราเกือบครึ่ง” เหล่าผู้บัญชาการที่อยู่ในขุมพลังจื้อจุนขั้นหกก็พูดออกมา
เมื่อมู่เฉินได้ยินก็อึ้งไปสั้นๆ ก่อนจะพูดว่า “ข้าก็ได้รับการระงับเช่นกัน แต่ว่าเล็กน้อยมาก น่าจะอยู่ที่สองส่วน…”
พูดถึงจุดนี้ ทุกคนก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ยิ่งคนที่มีขุมพลังสูงก็จะถูกระงับคลื่นพลังมากขึ้น
“เกาะหินนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ” ซุยนอนขมวดคิ้ว เมื่อเป็นเช่นนี้พลังในการต่อสู้ของกลุ่มก็ลดลงอย่างมีนัย
“กองทัพอื่นก็คงมีสถานการณ์เดียวกัน” เทียนจิ้วพูดออกมา เป็นไปไม่ได้ที่มีเพียงพวกเขากลุ่มเดียวต้องทนกับการระงับแบบนี้
“เราต้องไปด้วยกัน หาของเหลวหลิงเสินให้เจอก่อน” ซุยนอนเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในส่วนลึกของเกาะหินพลางกล่าวเสียงเคร่งขรึม
ทุกคนพยักหน้า ตอนนี้พลังถูกระงับลงหลายส่วน ความสามารถในการต่อสู้ก็อ่อนแอลงมาก พวกเขาต้องร่วมตัวกันไว้ถึงจะรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินได้
หลังจากตกลงกัน พวกเขาก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ร่างกลายเป็นลำแสงพุ่งสู่จุดศูนย์กลางของเกาะหิน ด้วยความระมัดระวังพวกเขาไม่ได้เหาะเหินระดับสูงสุด กลับเหินตัวอยู่ใกล้กับพื้นดินด้วยความสูงสิบกว่าจั้ง
ขณะที่บินผ่าน ทุกคนก็รับรู้ว่าเกาะหินนี้กว้างใหญ่เพียงใด ไม่เพียงแต่มีภูเขาและผืนป่าขนาดใหญ่เท่านั้น ทว่ายังมีส่วนของทะเลทรายอีกด้วย รัศมีแห้งแล้งกำจายออกมาจากพื้นที่เหล่านี้ ทำให้พวกเขาอดรู้สึกนับถือในใจไม่ได้
ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือพวกเขาไม่ได้ถูกขัดขวางหรือจู่โจมตลอดทาง ความราบรื่นในการเดินทาง ทำให้พวกเขารู้สึกไม่น่าเชื่อเล็กน้อย
แต่ไม่ว่าอย่างไรในที่สุดพวกเขาก็เริ่มชะลอตัวลงหลังจากผ่านไปได้สิบกว่านาที เนื่องจากเริ่มเข้าใกล้ศูนย์กลางของเกาะหินแล้ว
ร่างของพวกเขาปรากฏขึ้นบนภูเขา สายตาทั้งหมดเพ่งมองไปข้างหน้า ภาพทะเลสาบหมื่นจั้งเผยออกมา
ทะเลสาบแห่งนี้เป็นสีเขียวมรกตราวกับของเหลวหยก กลิ่นหอมโชยออกมาพร้อมกับหมอกคลื่นหลิงบางเบาลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ทำให้ภาพทะเลสาบเหมือนกับภาพฝัน
“ที่นี่น่าจะเป็นศูนย์กลางของเกาะหิน ซึ่งเป็นจุดที่มีคลื่นหลิงหนาแน่นที่สุด ของเหลวหลิงเสินต้องอยู่ที่นี่แน่!” ซุยนอนมองทะเลสาบขณะที่พูด
หลิงถงกวาดสายตาออกไปพร้อมกับแสงหลิงวูบไหวในดวงตา จากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “มีคนมา!”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา คนอื่นๆ ก็ได้ยินเสียงลมกรูเข้ามาอย่างรีบเร่ง จากนั้นพวกเขาเห็นลำแสงหลายสายทะยานลงบนยอดเขารอบทะเลสาบ
คนเหล่านั้นก็คือจอมยุทธ์จากขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ ที่ถูกส่งเข้ามายังเกาะหินผ่านรอยแตกมิติที่เปิดออกโดยประมุขสำนักของตน
“ไอ้พวกนี้ ตามติดไม่ปล่อยเลยจริงๆ” เลี่ยซันอดสาปแช่งไม่ได้ ด้วยการเข้ามาของคนเหล่านี้ คงไม่ง่ายที่พวกเขาจะคว้าของเหลวหลิงเสินแล้ว
มู่เฉินและจิ่วโยวแลกเปลี่ยนสายตากันและอดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ประมุขสำนักอื่นก็เคี้ยวยากไม่ต่างกัน
เมื่อสำนักทั้งหลายมารวมกันอีกครั้ง บรรยากาศที่นี่ก็ตึงเครียดลง แต่พวกเขาต่างระแวงซึ่งกันและกัน ทำให้ไม่ได้ระเบิดการต่อสู้ออกทันที
ซ่า! ซ่า!
ขณะที่จอมยุทธ์จากขั้วอำนาจทั้งหลายกำลังระแวดระวังกันอยู่นั้น ทันใดนั้นเสียงคลื่นกระเซ็นก็ดังก้องไปทั่วทะเลสาบ เสียงช่างน่าฟังยิ่งนัก เมื่อเข้ามาในโสตประสาทก็ทำให้จิตใจคนสงบ
เมื่อซุยนอนและคนอื่นๆ ได้ยินเสียงดังกล่าว สายตากลับหดเกร็ง รีบมองไปที่ทะเลสาบ หมอกคลื่นหลิงทำให้มองไม่เห็นด้านใน
ซุยนอนสะบัดมือ คลื่นหลิงไร้ขอบเขตก็กวาดออกไปราวกับพายุ ทำให้หมอกสลายหายไปโดยตรง ทันใดนั้นภาพทะเลสาบมหึมาก็แจ่มชัด
พร้อมกับทะเลสาบใสกระจ่างขึ้น มู่เฉินและคนอื่นๆ ก็ตระหนักได้ว่ามีกระแสน้ำวนขนาดใหญ่อยู่ใจกลางทะเลสาบ ซึ่งมีแสงเคลื่อนไหวอยู่ในกระแสน้ำวน จากนั้นก้อนแสงก็ปะทุออกมาจากมัน
ทุกคนมองไปที่ก้อนแสงที่ถูกพ่นออกมากะทันหัน ทันใดนั้นแสงหลิงมหาศาลก็พุ่งออกมาราวกับดวงอาทิตย์โชติช่วง
ก้อนแสงทุกก้อนมีคลื่นหลิงที่น่าอัศจรรย์แผ่ออกมา
“นั่นคือ…” มู่เฉินมองก้อนแสงทันใดนั้นดวงตาก็หดลง นั่นเป็นเพราะเขาเห็นวัตถุระยิบระยับราวกับม้วนคัมภีร์ หม้อกลั่น และของอื่นๆ อีกมากมาย
แม้ว่าพวกเขาจะบอกไม่ได้ว่ามีอะไรอยู่ในก้อนแสงเหล่านั้น แต่ตัดสินจากคลื่นหลิงทรงพลังกระเพื่อมไหว พวกเขาก็รู้ว่าวัตถุเหล่านั้นไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน
“นั่นน่าจะเป็นสมบัติล้ำค่าของขุมทรัพย์ตี้จื้อจุน!” ซุยนอนมีแสงกะพริบวูบวาบในดวงตา ขณะที่มองดูก้อนแสงที่โคจรอยู่ตลอดเวลา “ของเหลวหลิงเสินก็น่าจะอยู่ท่ามกลางของพวกนั้นด้วย!”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของผู้บัญชาการแต่ละคนก็เต้นไม่เป็นส่ำ ขณะที่ลมหายใจเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงโดยไม่รู้ตัว
หัวใจของมู่เฉินก็สั่นสะท้านในเวลาเดียวกันด้วย ก่อนที่จะกวาดสายตามองจอมยุทธ์จากขั้วอำนาจสูงสุดอื่นๆ เขาพบว่าดวงตาของคนเหล่านั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
แม้ว่าแต่ละคนจะกระเหี้ยนกระหือรือ แต่สถานการณ์กลับเงียบสงบผิดปกติโดยสิ้นเชิง…
มู่เฉินหรี่ตาลง เขารู้ดีว่าความเงียบนี้เป็นเพียงสัญญาณเตือนก่อนพายุจะเข้า เนื่องจากขุมทรัพย์ปรากฏเบื้องหน้าแล้ว ดังนั้นการต่อสู้ดุเดือดเพื่อแย่งชิงสมบัติจะเกิดขึ้นแน่นอน
เช่นเดียวกับที่มู่เฉินคาดไว้ ความเงียบที่เปราะบางกินเวลาเพียงไม่กี่สิบลมหายใจ ก่อนที่จอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละสำนักจะส่งเสียงคำรามเลื่อนลั่น
“ลงมือ! เราต้องคว้าของเหลวหลิงเสินให้ได้!”
ทันทีที่เสียงร้องดังขึ้น จอมพลทั้งสามก็พุ่งตัวออกไปในเวลาเดียวกัน เล็งเป้าไปที่ก้อนแสงในทะเลสาบ
ขณะเดียวกันจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของขั้วอำนาจต่างๆ ก็กระโจนตัวออกมาเช่นกัน
คลื่นหลิงป่าเถื่อนระเบิดขึ้นทั่วรอบทะเลสาบอย่างรวดเร็ว การต่อสู้โกลาหลของสำนักทั้งเจ็ดเริ่มขึ้นอย่างสมบูรณ์ในขณะนี้!
**สุภาษิต ผิวยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม แปลว่า ภายนอกยิ้มแต่ใจไม่ยิ้ม