หนึ่งในใต้หล้า 大主宰
บทที่ 873 ความสามารถของจินไถหลิวหลี
ตึง!
เหนือที่ราบมืดมิด ธงรบโบกสะบัดพร้อมกับรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตที่เสื่อมทรามแผ่ขยายไปทั่วขอบฟ้า แต่ในขณะนี้คลื่นขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในกองทัพใหญ่
กองทัพพันธมิตรที่ประกอบด้วยจอมยุทธ์จำนวนมากจนน่าสะพรึงกำลังทำลายแนวป้องกันของกองทัพนักรบผีดิบออกจากกันอย่างบ้าคลั่ง รัศมีจั้นยี่ทรงพลังกวาดออกไป ทำให้นักรบผีดิบที่ขวางทางกลายเป็นเถ้าถ่าน
นี่คือกองทัพพันธมิตรที่มีหมู่ตึกเทวะเป็นหัวเรือใหญ่
ความปั่นป่วนที่เกิดจากกองทัพพันธมิตรใหญ่มาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเฉียบคมที่ทรงพลังตั้งแต่เริ่มต้นฉีกแนวป้องกันทัพหน้านักรบผีดิบได้อย่างง่ายดาย กองทัพพันธมิตรราวกับคลื่นสึนามิที่ฉีกแนวป้องกันแล้วพุ่งเข้ามา
จากนั้นก็พุ่งผ่านไม่หยุดยั้ง บุกเข้าไปในส่วนลึกของกองทัพนักรบผีดิบอย่างรวดเร็ว
เมื่อมู่เฉินที่อยู่ในกองทัพมองฉากสงครามเบื้องหน้า ใบหน้าของเขาก็นิ่งสงบโดยไม่มีความยินดีใดๆ เหมือนกับกองทัพอื่น นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าความราบรื่นนี้ไม่มีทางคงอยู่ตลอดไป
แม้แต่การป้องกันของทัพหน้านักรบผีดิบก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะต่อกร ความสำเร็จที่ผ่านมาเมื่อสักครู่เป็นเพียงเพราะการป้องกันด่านหน้าของอีกฝ่ายอ่อนแอเกินไป
มิหนำซ้ำถึงกองทัพพันธมิตรจะไม่อ่อนแอ แต่ก็ต่อสู้ในส่วนของตัวเองเท่านั้น รัศมีของพวกเขาไม่สามารถควบรวมกันได้ ในขณะที่กองทัพนักรบผีดิบมีความสมบูรณ์แบบในการประสานงาน แม้ว่าจำนวนพลทั้งสองกองทัพจะใกล้เคียงกัน แต่ก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพลัง
หากไม่ใช่เพราะกองทัพนักรบผีดิบสูญเสียสติสัมปชัญญะไป ตราบใดที่กองทัพนักรบผีดิบเปิดใช้งานรัศมีจั้นยี่ กองทัพพันธมิตรก็จะประสบกับปัญหาล้มตายนับไม่ถ้วนแน่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝ่าแนวป้องกันนี้เข้าไปได้
และก็เป็นอย่างที่มู่เฉินคาดไว้ กองทัพพันธมิตรเริ่มชะลอลงหลังจากการโจมตีในช่วงแรกแรก รัศมีจั้นยี่เน่าเปื่อยอันเกรี้ยวกราดโหมกระหน่ำเข้ามาจากทุกทิศทาง ราวกับการรวมตัวของเมฆพายุฟ้าคะนอง พลังอำนาจทำให้โลกถึงกับสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
เมื่อเผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่ หมู่ตึกเทวะที่พุ่งเข้าโรมรันที่เบื้องหน้าก็เริ่มถูกระงับไว้ รัศมีจั้นยี่ที่ไร้ขอบเขตถูกค่อยๆ ตีกลับ ชัดว่าไม่สามารถเผชิญหน้ากับรัศมีจั้นยี่ที่ครอบงำจากกองทัพนักรบผีดิบได้
“สำนักรุ่งอรุณ แดนอสุรา เร้ารัศมีจั้นยี่ออกมา!”
แต่ขณะที่รัศมีจั้นยี่หมู่ตึกเทวะอ่อนลง จินไถหลิวหลีก็ตะโกนออกมา น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงไปด้วยการสังหาร
เมื่อได้ยินเสียงหญิงสาว แม่ทัพสำนักรุ่งอรุณและแดนอสุราที่อยู่เบื้องหลังก็พยักหน้ารับแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว รัศมีจั้นยี่ที่ทรงพลังกวาดออกไปทั่วพร้อมกับต้านรัศมีจั้นยี่ที่เบื้องหน้าร่วมกับหมู่ตึกเทวะ
ตู้ม! ตู้ม!
รัศมีจั้นยี่ยิ่งใหญ่ปะทะกันอย่างรุนแรง คลื่นกระแทกซัดออก ทำเอามิติถึงกับบิดเบือนไม่มีสิ้นสุด ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้กระทั่งจอมยุทธ์ขุมพลังจื้อจุนขั้นห้ายังขยาดเลย
“ประมุขน้อยหลิ่วเหยียน ฝากปีกขวาให้ตำหนักสุดนภาจัดการนะ!” จินไถหลิวหลีมองไปยังกองทัพตำหนักสุดนภาซึ่งอยู่ทางปีกขวาของกองทัพพันธมิตร บริเวณนั้นรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตกำลังกวาดล้างเพื่อพยายามฉีกกองกำลังพันธมิตรออกจากกัน
หลิ่วเหยียนพยักหน้ายามนี้กองทัพพันธมิตรถูกล้อมกรอบเสียแล้ว เขาไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก เพราะถ้าเกิดกองทัพพันธมิตรถูกตีแตก กระทั่งพวกเขาก็ต้องจ่ายมหาศาลถึงจะถอยหนีออกไปได้
ดังนั้นเขาจึงพยักหน้ามองไปที่เซียวเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายโบกมือ กองทัพมากมายของตำหนักสุดนภาก็ระเบิดรัศมีจั้นยี่ออกมา ทำเอาโลกสั่นสะเทือน มหาสมุทรรัศมีจั้นยี่ไร้ขอบเขตกวาดออกไป ซึ่งทรงพลังมากจนสามารถต้านรัศมีจั้นยี่เน่าเปื่อยของกองทัพนักรบผีดิบทางปีกขวาเอาไว้ได้
เมื่อเห็นภาพนี้คิ้วของมู่เฉินก็เลิกขึ้น แม้ว่าเซียวเทียนจะเป็นคนน่ารังเกียจ แต่ก็มีความสามารถใช้ได้เลย เขาสามารถรักษาปีกขวาของกองทัพพันธมิตรได้ด้วยพลังของตำหนักสุดนภา
“ผู้บัญชาการมู่ ข้าจะมอบแนวหลังกองทัพพันธมิตรให้กับอาณาเขตกงเวทสวรรค์” จินไถหลิวหลีเบนสายตา น้ำเสียงอ่อนโยนถูกส่งเข้าไปยังโสตประสาทของมู่เฉิน
มู่เฉินประสานมือจากระยะไกลพลางพยักหน้า “พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว อาณาเขตกงเวทสวรรค์จะทำให้ดีที่สุด”
“ขอบใจ”
จินไถหลิวหลีพยักหน้าน้อยๆ น้ำเสียงที่ช้าชัดดังกึกก้องไปทั่วกองทัพพันธมิตร “ทุกคนรักษาตำแหน่งไว้ให้มั่น ถ้าตึงมือรับไม่ไหวให้แจ้งทันที”
น้ำเสียงอ่อนโยนของนางแสดงถึงความสงบ ตัวนางไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับการถูกล้อมกรอบจากกองทัพนักรบผีดิบ ดังนั้นคลื่นความสงบนี้จึงทำให้กองทัพพันธมิตรเป็นไปอย่างมีระเบียบ การป้องกันก็แน่นหนามากขึ้น แม้แต่มู่เฉินยังอดชื่นชมในใจไม่ได้กับความสามารถของสตรีนางนี้ เขาตระหนักได้ว่าแม้นางจะดูเป็นหญิงอ่อนแอแต่กลับมีความสามารถอย่างมากในการจัดกระบวนทัพ
อย่างน้อยมู่เฉินก็รู้ว่าถ้าเป็นตนเองคงไม่สามารถปรับกระบวนทัพของกองทัพพันธมิตรที่ต่างมีความคิดไม่เหมือนกันมาเป็นระบบได้ในระยะเวลาอันสั้น
“หญิงสาวคนนี้มีความสามารถอย่างแท้จริง” ที่ข้างมู่เฉิน จิ่วโยวก็เอ่ยชื่นชมออกมา เมื่อได้ยินคำพูดของนาง เหล่าผู้บัญชาการก็พากันพยักหน้ารับและชื่นชม หญิงสาวคนนี้เป็นทั้งอัจฉริยะรัศมีจั้นยี่และยังสามารถบัญชาการสงครามได้ ช่างเป็นสตรีที่น่าเกรงขามอย่างแท้จริง
ดูท่านางอาจจะสามารถนำกองทัพพันธมิตรบุกฝ่ากองทัพจตุเทวะเพื่อเข้าไปประจัญบานกับค่ายกลจตุเทวะได้จริง…
ตู้ม! ตู้ม!
ขณะที่พวกมู่เฉินกำลังชื่นชม ความปั่นป่วนขนาดใหญ่ก็ปะทุออกมาจากกองทัพพันธมิตรอีกครั้ง รัศมีจั้นยี่ทุกเส้นสายกำลังโรมรันรัศมีจั้นยี่นักรบผีดิบจากทุกทิศทาง
ทั้งสองฝ่ายเริ่มเผชิญหน้ากันด้วยรัศมีจั้นยี่โดยไม่มีทักษะใดเข้ามาเสริม การปะทะกันทุกครั้งส่งผลให้นักรบผีดิบนับไม่ถ้วนกลายเป็นเถ้าถ่าน ในเวลาเดียวกันเหล่าจอมยุทธ์ในกองทัพพันธมิตรก็เริ่มบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งจำนวนผู้สละชีวิตยังอยู่ในระดับที่ทุกคนรับได้ นั่นเพราะพวกเขารู้แจ้งว่าถ้าไม่ใช่จินไถหลิวหลีสั่งการได้ดี ต่อให้พวกเขาล้มตายไปหมด ก็คงไม่สามารถบุกเข้ามาในกองทัพนักรบผีดิบเหล่านี้ได้
ภายใต้ผลกระทบของรัศมีจั้นยี่จำนวนมาก กองทัพนักรบผีดิบก็ถูกตีแตกเป็นส่วนๆ แล้วถูกกองทัพพันธมิตรบุกเข้าสู่ส่วนลึกที่เป็นที่ราบมืดมิดไปเรื่อยๆ
ด้านหน้ากองทัพพันธมิตรต้านรับแรงกกดดันใหญ่หลวง ถ้าเป็นกองทัพอื่นอยู่ในตำแหน่งนี้ คงมีคนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน ทว่าจินไถหลิวหลีฉลาดมาก มีกองทัพหลายสิบกองทัพอยู่ภายใต้คำสั่งของนาง พวกเขาผลัดกันบุกตะลุยไปเบื้องหน้า เมื่อใดที่กองทัพหนึ่งไม่สามารถต้านได้ อีกกองทัพก็จะเข้ามาแทนที่ ด้วยวิธีการนี้ก็สามารถรักษาแนวรบของตนและฉีกแนวป้องกันกองทัพจตุเทวะได้
ขณะที่เฝ้ามองเบื้องหน้า จินไถหลิวหลียังสามารถแยกสมาธิมองดูกระบวนทัพของปีกทั้งสองข้าง ทุกส่วนการโจมตีได้รับการประสานงานจากนาง
แต่ในการบุกลุยนี้ เหล่าขั้วอำนาจชั้นสูงสูญเสียมากที่สุด ส่วนหมู่ตึกเทวะ อาณาเขตกงเวทสวรรค์และตำหนักสุดนภาทำเพียงรักษาสถานการณ์โดยรวม ในแง่ของจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายจึงน้อยกว่ากองทัพอื่นๆ
ในสถานการณ์เช่นนี้ จินไถหลิวหลีก็พูดประโยคหนึ่งออกมาเบาๆ ซึ่งทำให้พวกกองทัพอื่นๆ ได้แต่หุบปาก
“เราทั้งสามกองทัพจะต้องรักษาพลังให้ได้มากที่สุดเพื่อเตรียมรับมือกับค่ายกลจตุเทวะ ถ้าเราสูญเสียรัศมีจั้นยี่ไปมากในตอนนี้ แล้วอะไรคือจุดสำคัญของงานนี้ล่ะ?”
พอได้ฟังคำพูดนี้ กองทัพอื่นๆ ก็ได้แต่กลืนคำพูดลงคอ นั่นเพราะพวกเขารู้ว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ก็ต่อเมื่อค่ายกลจตุเทวะแตกแล้วเท่านั้น
และเพื่อที่จะทำลายค่ายกลศึก พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาพลังของจินไถหลิวหลี มู่เฉินและเซียวเทียน
ตอบสนองต่อความคิดนั่น มู่เฉินก็ยิ้มบาง สายตามองไปทางจินไถหลิวหลีอย่างมีความหมายลึกซึ้ง จากนั้นก็ส่งยิ้มให้พวกจิ่วโยว “คงไม่ยากที่จะผ่านแนวป้องกันด้านนอกไปได้”
เมื่อได้ยินพรรคพวกก็พยักหน้า แต่ละคนสัมผัสได้ว่ารัศมีจั้นยี่เน่าเปื่อยโดยรอบเริ่มอ่อนตัวลง เนื่องจากพวกเขาใกล้จะฝ่าแนวป้องกันไปได้แล้ว
แต่แม้พวกเขาจะผ่านแนวป้องกันทัพหน้านักรบผีดิบไปได้ พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกโล่งใจกลับตึงเครียดยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกหลายส่วน สายตาของพวกเขาพุ่งไปในความมืดเวิ้งว้างที่มีธงรบตั้งอยู่ ราวกับมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่อยู่ในความมืด ต่อให้มองไม่เห็น พวกเขาก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก
ค่ายกลจตุเทวะถูกซ่อนไว้ที่นั่น ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดของซากอารยธรรมความตายนี้
ไม่มีใครมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำลายค่ายศึกได้ไหม ถ้าพวกเขาล้มเหลวความสูญเสียที่ต้องเผชิญจะไม่เหมือนกับการเสียชีวิตระหว่างทางมาที่นี่
ครืน!
ฟ้าดินสั่นสะเทือนไม่มีที่สิ้นสุดภายใต้ผลกระทบของรัศมีจั้นยี่ ทำให้เกิดรอยแตกกระจายไปบนพื้นดิน นักรบผีดิบจำนวนนับไม่ถ้วนกลายเป็นเถ้าถ่านเมื่อได้รับผลกระทบนี้ ในเวลาเดียวกันก็มีจอมยุทธ์กองทัพพันธมิตรนับไม่ถ้วนกระอักเลือดล้มลงจบชีวิตเช่นกัน
แม้ว่าจินไถหลิวหลีจะสั่งการยอดเยี่ยม แต่ผลกระทบของรัศมีจั้นยี่ก็ทรงพลัง ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็ทำให้กองทัพเสียหายยับเยินได้
ทว่าขณะที่กองทัพหัวเรือใหญ่ทั้งสองของกองทัพพันธมิตรกำลังเปิดใช้งานรัศมีจั้นยี่เพื่อต่อสู้ แรงกดดันรัศมีจั้นยี่ที่อยู่เบื้องหน้าก็หายวับไปกับตา
ยามนี้ราวกับว่าภูเขาที่กดทับร่างหายไป
ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงใจ ก็พบว่ากองทัพนักรบผีดิบมหาศาลที่เบื้องหน้าหายไปหมดแล้ว บริเวณที่พวกยืนอยู่ตอนนี้เป็นพื้นที่ว่างเปล่า ที่เบื้องหลังยังเห็นมีเหล่านักรบผีดิบยืนอยู่ แต่พวกมันกลับไม่ได้ก้าวออกมาแม้แต่ก้าวเดียว ราวกับว่ากลัวอะไรบางอย่าง
“เราลุยผ่านมาได้แล้ว!”
หัวใจของทุกคนเต้นไม่เป็นส่ำ ความปีติกระจายบนใบหน้า หลังจากสองชั่วโมงแห่งการเข่นฆ่า ในที่สุดพวกเขาก็ผ่านทัพหน้าจตุเทวะมาได้
ทว่าขณะที่คนอื่นๆ กำลังแสดงความยินดีบนใบหน้า สีหน้าของจินไถหลิวหลี มู่เฉินและเซียวเทียนที่อยู่ด้านหน้าก็เปลี่ยนไป ทั้งสามเงยหน้าขึ้นมองไปในระยะไกลด้วยสายตาเคร่งเครียด
แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวในความมืดแผ่ปกคลุมมาราวกับเมฆพายุฟ้าคะนองที่ครอบงำจนหายใจไม่ออก
ที่นั่นก็คือค่ายกลจตุเทวะ!