หยวนชิงหลิงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย นอกจากทำให้ตัวเองสบายใจแล้ว ยังรู้สึกโล่งใจกับคนอื่นๆด้วย
ถ้าหากเพราะอยู่ห่างไกลหน่อย หรือเป็นเพราะนางเคยกินผงอู๋โยวไปจึงทำให้ไม่เป็นอันตราย นั้นแสดงว่ายาพิษนี้ก็ไม่รุนแรง หมอหลวงอาจสามารถรักษาได้
แต่ว่าหยวนชิงหลิงยังคงให้ความร่วมมือแก่ฉู่หมิงชุ่ยเป็นอย่างดี ฉู่หมิงชุ่ยอคติไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว หากทำให้นางหงุดหงิด จะไม่เป็นผลดีต่อตัวนางเอง
และฉู่หมิงชุ่ยคงไม่ทำให้นางได้ตายดีแน่ คงหาที่ที่จะทรมานนางอย่างช้าๆแน่ ดังนั้นถึงได้เอาชีวิตของคนอื่นมาข่มขู่นาง
ถ้าหากนางรู้ว่าเป้าหมายนี้ทำไม่สำเร็จ ไม่แน่ว่าตอนนี้นางอาจจะลงมือเลยก็ได้
นางไม่รู้ว่าวิชาศิลปะการต่อสู้ขององครักษ์ลับผีนั้นสูงแค่ไหน ดังนั้นจึงไม่เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงง่ายๆ และจะดูว่านางต้องการจะทำอะไรกันแน่
รถม้าได้มาถึงท่าเรือ ฉู่หมิงชุ่ยลงจากรถก่อนแล้วเอื้อมมือรับหยวนชิงหลิง
หยวนชิงหลิงดันมือของนางลง กรรมกรทั้งสองคนก็ประกบนางซ้ายขวา
มีเรือสินค้าลำหนึ่งกำลังขนถ่ายสินค้า พวกคนขนของถือกระสอบวิ่งมาด้วยความเร็ว หนึ่งในนั้นเกือบจะวิ่งชนหยวนชิงหลิงแล้ว ด้วยสัญชาตญาณหยวนชิงหลิงจึงช่วยพยุงไว้ แต่มีกรรมกรคนหนึ่งรีบก้าวขึ้นไปขวางด้านหน้า พูดขึ้นอย่างดุดันว่า “เจ้าตาบอดหรือ เจ้าเกือบจะชนฮูหยินของข้าแล้ว”
คนขนของคนนั้นรีบขอโทษ พอได้ฟังเสียงแล้วกลับเป็นเสียงผู้หญิง
หยวนชิงหลิงถูกลากเดินไป แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางแสดงความไม่ให้ความร่วมมือ พูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ปล่อยข้า ข้าเดินเองได้”
ฉู่หมิงชุ่ยหันกลับมาดู ดวงตาที่จ้องมองไปยังใบหน้าของนางนั้นแหลมคมราวกับใบมีด พร้อมพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เจ้าควรรู้จักสถานการณ์ให้ดีกว่านี้หน่อย”
หยวนชิงหลิงก้มหน้าลงและเดินตามนางไปโดยดี ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆอีก
เมื่อเรือเทียบท่าที่ฝั่ง กรรมกรจึงจับแขนของหยวนชิงหลิงแล้วลากนางขึ้นไปบนเรือ ฉู่หมิงชุ่ยก็ขึ้นเรือทันที
นอกจากฉู่หมิงชุ่ยแล้ว ยังมีกรรมกรอีกหลายคนก็ขึ้นเรือด้วย เรือลำนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่ ต้องใช้คนขับเรือหลายคน
หยวนชิงหลิงที่ขึ้นเรือแล้ว รู้สึกแอบกังวล เพราะหากก่อนหน้านี้อยู่บนบก องครักษ์ลับผียังแอบตามมาได้ แต่ตอนนี้ องครักษ์ลับผีจะตามมาได้ยังไงกัน? คงไม่สามารถที่จะเหาะมาในอากาศ หรือจะดำน้ำตามมาได้
หากต้องการลงมือ ก็ควรที่จะลงมือก่อนขึ้นเรือแล้ว
ตอนนี้ฉู่หมิงชุ่ยรู้สบายใจเป็นอย่างมาก นั่งพิงเก้าอี้ในท้องเรือ แล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า “รอองครักษ์ลับผีอยู่หรือ?”
สีหน้าของหยวนชิงหลิงมองดูนาง ด้วยท่าทีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ดวงตาของฉู่หมิงชุ่ยดูราวกับน้ำแข็ง พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มจอมปลอมของนางว่า “เจ้าคิดว่าองครักษ์ลับผีกำลังตามเจ้าอยู่ข้าจะลงมือกับเจ้าได้หรือ? ตอนที่จวนอ๋องฉีเกิดเหตุไฟไหม้องครักษ์ลับผีต่างก็เข้าไปช่วยแล้ว ไฟเริ่มไหม้จากห้องของอ๋องฉีลามไปในบ้าน ชีวิตของอ๋องฉีตกอยู่ในอันตราย แน่นอนว่าองครักษ์ลับผีต้องไปช่วยแน่ แต่น่าเสียดาย ไปแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะอ๋องฉี ถูกลิขิตให้ตายแล้วเท่านั้น “
หยวนชิงหลิงมองไปยังผู้หญิงที่เหมือนดั่งอสรพิษก็ไม่ปาน พูดขึ้นอย่างอดที่จะกังวลไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นภรรยากับเขามาเป็นปียังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้าอีก เจ้ากลับลงมือได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้ ฉู่หมิงชุ่ย แม้แต่สัตว์เดรัจฉานเจ้าก็สู้ไม่ได้”
“รีบด่าเถอะ” ฉู่หมิงชุ่ยเอนหลังพิงเก้าอี้ ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย ราวกับว่าหยวนชิงหลิงไม่มีทางที่จะหนีพ้น พร้อมพูดขึ้นว่า “ด่าเสร็จ เจ้าก็ต้องตายไปพร้อมกับข้าแล้ว”
เรือแล่นออกไปแล้ว หยวนชิงหลิงเดินออกมาจากดาดฟ้า มองเห็นท่าเรือที่ไกลออกไป จะเรียกขอความช่วยเหลือก็ไม่มีประโยชน์
แม่น้ำสายนี้กว้างใหญ่ นางว่ายน้ำไม่เป็น ไม่สามารถว่ายกลับไปได้
“ข้าบังคับจับเจ้ามาตลอดทาง ก็เพียงเพราะแค่อยากให้เจ้าตายที่นี่เป็นเพื่อนข้า” ฉู่หมิงชุ่ยจู่ๆก็พูดดูเหมือนเหนื่อยล้าว่า “ตายคนเดียวมันเหงาเกินไป ถ้ามีเจ้าตายเป็นเพื่อนข้าก็ยอม”
นางค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มองไปยังหยวนชิงหลิงที่กำลังเดินกลับมา ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า “ก่อนหน้านี้ข้าถามเจ้าว่ากลัวไหม เจ้ายังไม่ได้ตอบเลย”
“พวกนางไม่ได้ถูกวางยาพิษใช่ไหม?” หยวนชิงหลิงถาม
ฉู่หมิงชุ่ยส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นแค่ยาสลบนิดหน่อย ให้พวกนางหลับไปสักพัก อยากจะจัดการอะไรสักเรื่องก็ต้องหาตัวการรับผิดชอบ ข้าไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้าหรอก”
หยวนชิงหลิงหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “ลูกน้องหลายคนในจวนอ๋องซุน ล้วนตายด้วยฝีมือของเจ้า นี่ไม่ใช่การฆ่าผู้บริสุทธิ์โดยไม่เลือกหน้าหรือ?”
ฉู่หมิงชุ่ยยิ้ม พร้อมพูดขึ้นอย่างดูถูกเหยียดหยามว่า “ก็แค่พวกไร้ค่าเท่านั้น เจ้าควรเป็นห่วงตัวเจ้าเองเถอะ”
หยวนชิงหลิงมองไปที่นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าจะฆ่าข้าอย่างไร?”
ฉู่หมิงชุ่ยจ้องมองมายังนางโดยตรงพร้อมยิ้มอย่างชั่วร้าย และพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องใจร้อน ก้นเรือลำนี้แตก น้ำจะค่อยๆ ไหลเข้ามา เมื่อถึงตอนนั้นเรือลำนี้จม เจ้ากับข้าก็จะตายกันไปเอง แต่แค่จะใช้เวลานานหน่อย เจ้าจะค่อยๆรู้สึกกลัวที่จะต้องตายที่นี่ ใครก็หาศพไม่เจอ เป็นผีใต้น้ำตลอดไป”
หยวนชิงหลิงรีบค้นหาน้ำเข้าไปทั่วทันที และในที่สุดก็พบว่าชั้นล่างมีรูขนาดเท่าแขนที่น้ำกำลังไหลเข้ามา
นางคาดการว่าหากเรือจะจมอย่างน้อยต้องใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
กรรมกรพวกนั้นไม่ตายที่นี่แน่ๆ พวกเขาต้องเตรียมเรือช่วยชีวิตไว้แล้ว นางหาจนถึงท้ายเรือ แล้วก็เจอเข้ากับเรือท้องแบน
พวกเขารอให้เรือไกลออกจากท่าเรือ แล้วก็จะปล่อยพวกนางทิ้งไว้แล้วหนีไป
นางว่ายน้ำไม่เป็น ดังนั้นถ้านางต้องการหนีเอาชีวิตรอด จะต้องใช้เรือท้องแบนลำนี้
แต่ว่าสเปรย์พริกของนาง อาจไม่สามารถจัดการคนเหล่านี้ได้ แม้ว่าจะทำได้ แต่นางตัวคนเดียวก็ไม่สามารถเอาเรือท้องแบนลงน้ำเพื่อหลบหนีเอาชีวิตรอดได้
หากจะเข้าไปบังคับให้ฉู่หมิงชุ่ยทำตามคงไม่ได้ผล นางมีใจที่จะตายอยู่แล้ว
นางหันกลับมามอง เห็นฉู่หมิงชุ่ยยืนอยู่ข้างหลังนาง
ฉู่หมิงชุ่ยมองไปที่แม่น้ำกว้างใหญ่ พร้อมพูดขึ้นเบาๆว่า “เจ้าหนีไม่พ้นหรอก เจ้าต้องตายที่นี่เป็นเพื่อนข้าเท่านั้น ฉะนั้นอย่าลำบากเลย เพื่อวันนี้ ข้าทุ่มเททำทุกอย่าง เดิมทีข้าแค่อยากจะฆ่าเจ้า หลังจากนั้น ก็อยากที่จะตามหาพี่เห้าเพื่อที่จะกลับมาคืนดีกัน แต่น่าเสียดายข้ารู้จักนิสัยของเขาดี เขาจะไม่มองมาที่ข้าอีก มันไม่มีความหมายอีกต่อไปที่ข้าจะมีชีวิตอยู่ ถือเป็นการยกผลประโยชน์ให้เจ้า ให้ข้าตายเป็นเพื่อนเจ้าเถอะ
นางมองไปยังหยวนชิงหลิงอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “คนที่ข้าไม่ได้ครอบครอง เจ้าก็อย่าคิดที่จะได้ครอบครอง”
หยวนชิงหลิงมีแผนอยู่ในใจแล้ว จะหลบหนีเอาชีวิตรอด นางทำได้เพียงแค่รอให้กรรมกรปล่อยเรือช่วยชีวิตที่เตรียมไว้ลงไป จากนั้นจึงฉีดสเปรย์ใส่พวกเขา แม้ว่าจะไม่สามารถทำให้พวกเขาบาดเจ็บได้ แต่นางก็สามารถที่จะถือโอกาสนี้ไหลลงไปก่อน
แม้ว่าโอกาสจะดูเลือนราง แต่ก็เป็นโอกาสเดียวในตอนนี้
นางไม่ได้สนใจฉู่หมิงชุ่ย นั่งลงอย่างช้าๆเพื่อเติมพลังของตนเอง
เมื่อฉู่หมิงชุ่ยเห็นว่านางไม่ได้แสดงความกลัวใดๆออกมาเลย ในที่สุดก็อดไม่ได้ พูดขึ้นด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่กลัวจริงๆหรือ?”
หยวนชิงหลิงมองนางอย่างเงียบๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ฉู่หมิงชุ่ย เจ้าจำที่ไท่ซ่างหวงป่วยหนักครั้งนั้นได้หรือไม่?”
ฉู่หมิงชุ่ยจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าต้องการจะพูดอะไร?”
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าเวลาผ่านมานานแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “จริงๆ ตัวข้าเองก็เกือบจะตายในวันนั้นแล้ว ข้ารักษาไท่ซ่างหวงเป็นการส่วนตัว หากข้าไม่สามารถรักษาให้หายได้ ข้าก็มีแค่ความตายเท่านั้น”
ฉู่หมิงชุ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอย่างไม่เป็นมิตรว่า “เจ้าต้องการจะพูดอะไรกันแน่?”
หยวนชิงหลิงมองมาที่นาง พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าอยากจะบอกว่า ข้าเคารพในการตาย หากข้าต้องตายจริงๆ ข้าก็ไม่กลัว แต่เมื่อใดก็ตามที่มีทางรอด ข้าก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อคว้าโอกาสที่จะอยู่รอด”
ฉู่หมิงชุ่ยหัวเราะขึ้นอย่างแปลกประหลาด พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่ในวันนี้เจ้าไม่มีโอกาสที่จะเอาชีวิตรอด”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าจะต้องตายก่อนหน้าข้าอย่างแน่นอน”
ฉู่หมิงชุ่ยหัวเราะอย่างมีเลศนัยว่า “ไม่ ข้าอยากเห็นเจ้าตายด้วยตาของข้าเอง”
หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ดังนั้น ที่จริงแล้ว เจ้ายังไม่ได้คิดที่จะตายไปพร้อมกับข้า เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะหนีไปพร้อมกับพวกเขาใช่หรือไม่? ไม่อย่างนั้นหากเรือลำนี้จม เจ้าก็ไม่มีทางที่จะเห็นข้าตายไปพร้อมกับตายเจ้าได้ เพราะตอนนั้น แม้แต่ตัวเจ้าเองก็เอาตัวไม่รอด”
บัลลังก์หมอยาเซียน – ตอนที่ 328 เจ้าไม่ได้คิดที่จะตาย
Posted by ? Views, Released on September 28, 2021
, บัลลังก์หมอยากเซียน
ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: "เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง"หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: "ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น"อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: "เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่" หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: "ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ"
Recommended Series
Comment
Facebook Comment