กู้จิ้งเจ๋อไม่ได้ใส่ใจคำพูดของลู่ชูเซี่ยนัก
เขาเดินออกมาและก้าวขึ้นนั่งบนรถ
แต่เมื่อคิดถึงการกระทำของลู่ชูเซี่ยเมื่อครู่นี้แล้ว เขาก็อดคิดไม่ได้ว่า เขาเองเป็นคนที่มักถูกมองด้วยสายตาแสดงความรักใคร่มาโดยตลอด แต่กลับมีไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่จะมีคนกล้ามาสารภาพกับเขาตรงๆ แบบนี้
บางทีอาจเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ค่อนข้างจะกลัวกับสถานะของเขา ส่วนคนอย่างลู่ชูเซี่ยก็อยากจะรักษาหน้าของตัวเองไว้จนไม่กล้าทำเช่นนี้
แต่ดูเหมือนจะมีเพียงคนเดียวที่คอยเกาะติดเขาไม่ยอมปล่อยและไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาปฏิเสธ
คนนั้นก็คือหลินเช่อ
ถ้าหากว่าเธอไม่ทำเรื่องร้ายๆ อย่างการวางยาเขา เธอก็อาจจะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้เขาเลยก็ได้ บางทีอาจจะไม่มีใครในโลกนี้ที่จะทำเรื่องบ้าบอได้เหมือนเธออีกแล้ว ไอ้เรื่องการวางตัวงดงาม รักษาภาพลักษณ์อะไรนั่นไม่เคยมีอยู่ในหัวของหลินเช่อ เธอดูจะไม่เคยแคร์เรื่องพวกนี้ ที่บ้านตระกูลกู้ เธอกล้าพูดตรงๆ ใส่หน้าเขา เล่นงานเขา และเขาก็ไม่เคยสู้เธอได้เลย
เมื่อคิดถึงหลินเช่อ ชายหนุ่มก็ส่ายหน้าด้วยความระอา
หลินเช่อกำลังกินอาหารอยู่กับกู้จิ้งอวี่
ชายหนุ่มเลือกร้านที่ค่อนข้างเงียบและไกลหูไกลตา ไม่มีแฟนคลับมาคอยกรีดร้องอยู่รอบๆ ไม่มีสมาชิกในทีมคอยมาสอดส่อง หลินเช่อจึงรู้สึกผ่อนคลาย ขณะที่รับประทานอาหาร กู้จิ้งอวี่ก็เตือนว่า “กินช้าๆ สิ ไม่มีใครแย่งกินหรอกน่า”
“พวกคนตระกูลกู้นี้เจ้าปัญหากันจริงเลยนะคะ ฉันกินเร็วเป็นนิสัยแบบนี้อยู่แล้ว พวกคุณต่างหากล่ะที่กินกันช้าเอง” หลินเช่อคิดถึงกู้จิ้งเจ๋อเวลากินอาหาร เขาจะค่อยๆ กินอย่างช้าๆ เคลื่อนไหวด้วยท่วงท่าอันสง่างามละเมียดละไม
กู้จิ้งอวี่มองเธออย่างแปลกใจ “พวกคนตระกูลกู้เหรอ…นี่เธอเคยเจอพวกเรากี่คนแล้ว”
“อา…ฉันหมายถึง ใครบ้างที่ไม่รู้จักท่านประธานาธิบดีล่ะคะ ฉันเคยเห็นเขากินอาหารในงานเลี้ยง แล้วก็กินช้าเอามากๆ”
กู้จิ้งอวี่ว่า “ฮ่า นี่เธอกล้านินทาพี่ชายฉันต่อหน้าฉันงั้นเหรอ”
“ทำไมล่ะคะ เขาอาจจะเป็นประธานาธิบดี แต่ฉันก็ยังเป็นพลเมืองนะคะ ประธานาธิบดีก็ต้องรับใช้ประชาชนสิ หรือว่าไม่จริง”
กู้จิ้งอวี่รู้สึกได้ว่าคำพูดของหญิงสาวชักจะน่าสนใจมากขึ้นทุกที
เขาเอื้อมมือออกไปหยิกแก้มเธอ
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ กู้จิ้งอวี่ ถ้ามาแตะฉันอีกทีละก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ”
กู้จิ้งอวี่หัวเราะเสียงดัง แล้วตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มรับสายโดยไม่ใส่ใจว่าหลินเช่อก็นั่งอยู่ด้วย
“ชูเซี่ยเหรอ ทำไมถึงว่างโทรหาฉันได้ล่ะเนี่ย”
คนที่ชายหนุ่มพูดสายด้วยคือลู่ชูเซี่ยนั่นเอง
ลู่ชูเซี่ยบอกว่า “ไม่มีเหตุผลอะไรหรอก ฉันแค่อยากถามเกี่ยวกับพี่ชายคนรองของนายหน่อยน่ะ ว่าเขาเลิกกับโม่ฮุ่ยหลิงแล้วจริงๆ เหรอ”
“พี่ชายรองของฉันน่ะเหรอ ใช่ เขาแต่งงานแล้วนี่นา ก็น่าจะเลิกแล้วสิ”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘พี่ชายรอง’ หลินเช่อก็หยุดตะเกียบทันที เธอเงยหน้าขึ้น
ลู่ชูเซี่ยถามต่อไป “ถ้าเป็นแบบนั้น เธอคิดว่าฉันมีโอกาสจะได้เป็นแฟนเขามั้ย”
“ไม่มีทาง ทำไมถึงไปนึกชอบผู้ชายหัวโบราณแบบนั้นได้นะ”
“ผู้ชายแบบนั้นมีบางอย่างที่ดึงดูดผู้หญิงน่ะสิ เธอไม่เข้าใจหรอก”
“ก็ไม่เข้าใจน่ะสิ เขาใช้เวลาทั้งวันสู้รบตบมืออยู่ในโลกธุรกิจ วันๆ เอาแต่หน้าดำคร่ำเครียดวางแผนไม่รู้จบ ทำไมใครๆ ถึงชอบเขากันนักนะ”
“บอกมาแล้วกันว่าฉันมีโอกาสหรือเปล่า”
“ก็พอจะเป็นไปได้อยู่นะ เธอเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคมนี่ ใครบ้างไม่รู้จักลู่ชูเซี่ย มีผู้ชายตั้งเยอะพร้อมจะมาหมอบแทบเท้าเธอ พยายามต่อไปก็แล้วกัน ฉันตั้งตารอที่จะได้เห็นต้นไม้แก่ออกดอกออกผลเสียที อยากจะเห็นนักวันที่คนอย่างเขาถูกผู้หญิงพิชิตลงได้”
“จริงเหรอ นี่เธอไม่ได้หลอกฉันใช่มั้ย”
“แต่ว่าพี่ชายรองของฉันแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ นี่เธอพยายามจะทำอะไรกันแน่น่ะ”
“เธอจะไปรู้อะไรล่ะ เขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นเลยซักนิด เธอน่ะออกจากบ้านมานานเกินไปแล้ว แล้วก็ไม่เคยสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวด้วย อืม ค่อยมั่นใจขึ้นมาหน่อย เอาละฉันจะวางสายละ”
กู้จิ้งอวี่วางโทรศัพท์และมองเห็นสายตาประหลาดใจของหลินเช่อ
หญิงสาวมองหน้าเขา “ใครกันคะ…เธออยากจะ…อยากจะทำอะไรกับพี่ชายรองของคุณเหรอ”
กู้จิ้งเจ๋อเล่า “โอ้ ลู่ชูเซี่ยน่ะ ฉันไม่รู้ว่าเธอเคยได้ยินชื่อเขาหรือเปล่านะเพราะว่าเธอซื่อบื้อแบบนี้ แต่ก็น่าจะเคยได้ยินมาบ้าง เขาเป็นลูกสาวของตระกูลลู่ ชาวสังคมคนดัง เธอโด่งดังมากในแวดวงไฮโซแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของน้องสาวฉันเอง ฉันเพิ่งได้ยินเมื่อกี้นี้ว่าเธอพยายามจะตามตื๊อพี่ชายรองของฉัน เธอก็เลยถามฉันว่าเธอพอจะมีโอกาสบ้างหรือเปล่า”
หลินเช่อเผลอกำตะเกียบแน่นเข้าโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งเริ่มรู้สึกเจ็บ
“พี่ชายรองของคุณแต่งงานแล้วไม่ใช่หรือคะ”
“ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้นเลยซักนิด ดูเหมือนว่าจะเป็นการถูกบังคับให้แต่งงานน่ะ แถมสถานะทางสังคมก็ไม่เท่าเทียมกันด้วย บางทีเรื่องสถานะอะไรนั่นอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ได้ แล้วทางครอบครัวฉันเองก็ไม่ได้สนใจ แต่ฉันรู้สึกว่าผู้หญิงธรรมดาๆ ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่เข้ากับพี่ชายหัวโบราณของฉันได้ซักเท่าไหร่นะ”
กู้จิ้งอวี่มองเห็นแววตาที่สลดลงของหลินเช่อ จึงพูดว่า “เฮ้ อย่าคิดว่าฉันเป็นพวกหัวเก่านะ ฉันแค่รู้จักพี่ชายฉันดี เขาน่ะเป็นพวกหัวโบราณขั้นสุดแล้วก็ไม่เหมือนคนหัวสมัยใหม่ที่รักอิสระอย่างฉันเลยซักนิด แถมเขายังมีปัญหาเยอะแยะด้วย ถ้าเธอได้อยู่กับเขาซักสองสามเดือนละก็ เธอจะได้รู้ว่าฉันน่ะยอดเยี่ยมแค่ไหน”
“แล้ว…กับคุณลู่เขาเหมาะสมกันหรือเปล่าคะ” หลินเช่อถาม
กู้จิ้งอวี่ตอบ “สถานะทางสังคมของพวกเขาเท่าเทียมกัน นิสัยใจคอก็เหมาะสมกันดี ถึงแม้ว่าทางตระกูลกู้จะไม่ต้องพึ่งพาฐานะของฝ่ายหญิง แต่ตระกูลลู่เองก็น่าจะช่วยเอื้อประโยชน์ให้กับครอบครัวเราได้ไม่น้อย พี่ชายรองของฉันเคยชอบโม่ฮุ่ยหลิงซึ่งก็มีหลายอย่างคล้ายกันกับลู่ชูเซี่ยนี่แหละ ฉันก็เลยคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างกันเท่าไหร่”
กู้จิ้งอวี่เล่าไปเรื่อยก่อนที่จะเริ่มรู้สึกสะดุดใจ เขาเงยหน้ามองหลินเช่อและถามว่า “ทำไมเธอถึงสนใจเรื่องของพี่ชายรองนักล่ะ”
“โอ้ เปล่าหรอกค่ะ ก็แค่อยากรู้น่ะ” หลินเช่อยิ้ม “ทุกคนในประเทศซีนี่ต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับกู้ อินดัสทรี่แล้วก็ครอบครัวคุณกันทั้งนั้นนั่นแหละ พวกเขาดูลึกลับน่ะค่ะ”
“จริงรึ ฉันไม่คิดว่าจะต่างอะไรกับครอบครัวคนทั่วไปตรงไหนเลย”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินเช่อไม่ได้กินอาหารมากเหมือนตอนแรกอีกแล้ว
เพียงครู่เดียวเธอก็รู้สึกอิ่ม
พรุ่งนี้พวกเขายังต้องถ่ายทำกันต่อ ทั้งสองจึงบอกลาและแยกย้ายกันไป
ระหว่างทาง หยางหลิงซินสังเกตเห็นหลินเช่อจ้องมองออกไปข้างนอกอย่างคนใจลอย เด็กสาวจึงถามว่า “พี่เช่อคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ กินข้าวไม่สนุกหรือคะ”
หลินเช่อรู้สึกตัว “เปล่าจ้ะ ก็สนุกดี”
“ถ้างั้นทำไมถึงได้เหม่อนักล่ะคะ” หยางหลิงซินยังซักไซ้ “เมื่อกี้ฉันมองพี่อยู่ ใครๆ ต่างก็พากันอิจฉาพี่ทั้งนั้นที่ได้กินข้าวกับกู้จิ้งอวี่”
“จริงเหรอ พวกเราก็กินด้วยกันนี่นา ไม่เห็นมีอะไรให้ต้องอิจฉาเลย”
หลินเช่อเอนตัวพิงเบาะ เธอไม่อยากขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับว่าพลังงานเหือดหายออกไปจากร่างจนหมด
กู้จิ้งเจ๋ออาจจะเลิกกับโม่ฮุ่ยหลิง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยรักเธอ ผู้หญิงแบบที่เขาชอบก็คือผู้หญิงที่เพียบพร้อมเหมาะสมอย่างโม่ฮุ่ยหลิง ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเธอที่เอาแต่คอยเกาะเขาหนึบไปวันๆ
ทันใดนั้นหลินเช่อก็รู้สึกขึ้นได้ว่า ระยะห่างระหว่างเธอและกู้จิ้งเจ๋อไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะโม่ฮุ่ยหลิงเท่านั้น แต่เป็นเพราะโลกของเธอและเขาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วย