เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 200 อันที่จริง ฉันกับหลินเช่อมีอะไรกันมาตั้งนานแล้ว

กู้จิ้งเจ๋อไม่อยากพูดอะไรอีก จึงเพียงแต่บอกว่า “เอาเถอะ ฮุ่ยหลิง ฉันไม่ตำหนิเธอหรอก”
 
 
“จริงเหรอคะ” ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความยินดี
 
 
เธอมองดูเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
 
 
หัวใจของเธอพองโตเมื่อคิดว่า ลึกๆ ในใจเขาก็ยังคงรักเธออยู่
 
 
แต่ชายหนุ่มกลับพูดต่อไปว่า “ฉันต่างหากที่ทำให้เธอต้องผิดหวังก่อน”
 
 
“ไม่ค่ะ ไม่เลยซักนิด ฉันรู้ดีว่าคุณไม่มีทางเลือก คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับหลินเช่อ ฉันเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้เมื่อวานนี้เองว่า ในเมื่อเวลาที่คุณแตะต้องตัวเธอแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นน่าจะแปลว่าคุณหายดีแล้ว เพราะอย่างนี้ฉันถึงได้กล้าแตะต้องตัวคุณ ถ้าฉันรู้ว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นแบบนี้ละก็ ฉันก็คงไม่ทำหรอกค่ะ”
 
 
“เธอพูดถูก เวลาที่หลินเช่อแตะตัวฉัน อาการของฉันจะไม่กำเริบ” กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าอีกฝ่าย “ฉันต้องขอโทษด้วยที่ไม่เคยบอกเธอเลย สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นระหว่างฉันกับหลินเช่อน่ะ มันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว เพราะฉะนั้น คนที่ทรยศอีกฝ่ายหนึ่งก่อนตั้งแต่แรกน่ะ…อันที่จริงคือฉันเอง ฉันเป็นคนที่ทำให้เธอต้องผิดหวัง”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงตัวแข็งทื่อไปครู่ใหญ่ นึกสงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า
 
 
สิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นไปแล้วงั้นหรือ
 
 
นี่เขากับหลินเช่อ…
 
 
หญิงสาวแทบทรุดฮวบลงกับพื้น เธอซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว ดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองหน้ากู้จิ้งเจ๋อด้วยความตกตะลึง
 
 
เขาไม่ตั้งใจที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอเลย
 
 
ในตอนแรกเขาเคยคิดว่าเรื่องนี้ของเขากับหลินเช่อเป็นเพียงความบังเอิญที่เกิดขึ้นครั้งเดียวเท่านั้น อันเป็นสาเหตุมาจากฤทธิ์ยา
 
 
และหลังจากที่เขาหย่ากับหลินเช่อ ทุกอย่างก็จบลงแค่นั้นไม่มีอะไรต่อกันอีก การไม่บอกเรื่องนี้ให้รู้ จึงเป็นการป้องกันไม่ให้โม่ฮุ่ยหลิงต้องเสียใจ
 
 
หรือต่อให้เขากับโม่ฮุ่ยหลิงต้องเลิกรากัน เขาก็ยังอยากจะให้จากกันด้วยดี แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดผิดไป เขาควรจะบอกเรื่องนี้กับเธอมาตั้งนานแล้ว เพื่อให้เป็นการยุติธรรมกับเธอเอง
 
 
“คุณกับหลินเช่อ…มีอะไรกัน…มีอะไรกันแล้ว…” โม่ฮุ่ยหลิงยังคงไม่อยากจะเชื่อ และพร่ำพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น
 
 
“ฮุ่ยหลิง ฉันขอโทษ…” เขาทำได้แต่ขอโทษจากใจ
 
 
แต่โม่ฮุ่ยหลิงเริ่มกรีดร้อง
 
 
“ทำไม ทำไม…ทำไมคุณถึงเลือกเธอแต่ไม่ใช่ฉัน…”
 
 
“มันเป็นเพราะว่าฉันสามารถแตะเนื้อต้องตัวเขาได้ แต่ฉันทำแบบนั้นกับเธอไม่ได้ด้วย มันไม่ใช่เรื่องที่เราจะควบคุมมันได้ในตอนนี้ และเราก็ไม่รู้สาเหตุของมันเช่นกัน มันก็แค่ต้องเป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้น ฮุ่ยหลิง ได้โปรดเลิกทุ่มเทตัวเองให้ฉันซักทีเถอะ ฉันไม่ใช่กู้จิ้งเจ๋อคนที่เธอต้องการเหมือนในอดีตอีกแล้ว ขอให้คิดซะว่าฉันเป็นฝ่ายทรยศเธอ และหวังว่าเธอจะทำใจกับเรื่องนี้ได้ในไม่ช้า…”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงร่ำไห้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
 
 
หลังจากนั้น กู้จิ้งเจ๋อก็สั่งการให้คนไปส่งเธอกลับไป
 
 
หลินเช่อเมื่ออาบน้ำเสร็จก็ออกมา เมื่อเห็นชายหนุ่มยืนอยู่เธอจึงถามด้วยความแปลกใจว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”
 
 
เขาหันมายิ้มและบอกเธอว่า “ไปกันเถอะ ฉันบอกว่าวันนี้ฉันจะพาเธอไปลานสกีนี่”
 
 
“หา ตอนนี้เลยเหรอคะ”
 
 
“ก็ใช่น่ะสิ”
 
 
หลินเช่อหัวเราะเบาๆ พลางถามว่า “ร่างกายคุณหายดีพอแล้วหรือคะ…อย่าฝืนเลยดีกว่าค่ะ คุณควรจะนอนพักนะคะวันนี้”
 
 
วันพรุ่งนี้ก็ต้องเดินทางกลับกันแล้ว
 
 
เมื่อกู้จิ้งเจ๋อได้ยินเข้า ร่องรอยความใจดีบนใบหน้าก็หายวับไป “ทำไมจะไปไม่ได้ นี่เธอกำลังดูถูกร่างกายฉันเกินไปแล้วนะ สบายใจได้ ต่อให้คืนนี้ต้องจัดหนักกันอีกรอบ ฉันก็รับได้สบาย”
 
 
“…”
 
 
คนตัวใหญ่มองหน้าอย่างท้าทาย “จะลองดูเลยมั้ยล่ะ”
 
 
หลินเช่อเสยคางของเขาออกไป “ออกไปไกลๆ เลยนะ ใครจะอยากลองกับคุณมิทราบ”
 
 
ชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บ “เดี๋ยวนี้เธอชักจะกล้าดีใหญ่แล้วนะ”
 
 
หลินเช่อหน้าแดงและวิ่งหนีไป
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเงยหน้าขึ้น และได้เห็นว่าบรรดาบอดี้การ์ดทั้งหลายของเขาต่างพากันเบือนหน้าหนีอย่างพร้อมเพรียง เสแสร้งทำเป็นว่ามองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
 
 
เจ้าพวกนี้มันมีไหวพริบเรื่องแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
 
 
ปกติแล้ว ถ้ามีใครซักคนตั้งท่าจะทำอะไรเข้าใส่เขาแม้แต่นิด คนพวกนี้จะพร้อมใจกันพุ่งเข้ามาในชั่วพริบตา แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน คนของเขาต่างก็รับรู้ได้ถึงความสำคัญของคุณผู้หญิงที่มากขึ้นกว่าเดิม
 
 
พวกเขารู้แล้วว่า ไม่มีผู้หญิงที่ไหนดีได้เทียบเท่าหลินเช่อ ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับผู้หญิงที่ปัดความรับผิดชอบ เอาดีเข้าตัวแบบโม่ฮุ่ยหลิงอีกหรือเปล่า
 
 
เพราะฉะนั้น จะเป็นการดีกว่าที่จะคอยช่วยกันดูแลทะนุถนอมหลินเช่อเอาไว้ให้อยู่กับพวกเขานานๆ
 
 
บางทีลึกๆ ลงไป บอดี้การ์ดของเขาก็รู้สึกได้จริงๆ ว่าหลินเช่อคือคุณผู้หญิงตระกูลกู้โดยแท้ พวกเขาจึงมองเธอว่าเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และคอยเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เวลาที่เห็นคู่รักทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเรื่องจุกๆ จิกๆ แบบนี้
 
 
ชายหนุ่มไล่ตามหลินเช่อไปจนทัน
 
 
เธอหันมาขอร้องว่า “เอาละ เอาละ ปล่อยฉันก่อนค่ะ”
 
 
เขาหัวเราะและพูดว่า “ไหนดูซิว่าคราวหน้ายังจะกล้าปากดีแบบนี้อีกมั้ย”
 
 
“ไม่นะ ฉันไม่ทำแล้วค่ะ ไม่ทำแล้ว ตกลงมั้ย”
 
 
“ชอบดูถูกว่าฉันอ่อนแอดีนัก อย่างเธอจะทำอะไรฉันได้”
 
 
หลินเช่อส่ายหน้า พวกผู้ชายนี่อีโก้จัดกันสิ้นดี ทั้งที่เมื่อวานนี้ยังเปียกโชกไปทั้งเนื้อทั้งตัว แถมยังมี
 
 
สภาพใกล้ตายอยู่เลย
 
 
“เอาละ ไปลานสกีกันเถอะ”
 
 
ลานสกีในร่มนั้นมีสภาพอากาศแตกต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง
 
 
เมื่อทั้งสองก้าวเข้าไป ก็ได้เห็นว่าภายในนั้นมีผู้คนสวมชุดเล่นสกีเต็มยศอยู่มากมายเต็มไปหมด
 
 
หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อเข้าไปแต่งตัวด้วยกัน แต่ด้วยความที่นี่เป็นครั้งแรกของหลินเช่อ เธอจึงทำทุกอย่างด้วยความเงอะงะงุ่มง่าม และไม่รู้ว่าอะไรควรจะใส่กับอะไร
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจึงร้องขึ้นด้วยความรำคาญ “พอที อย่าขยับ เดี๋ยวฉันช่วยเอง ยัยบ๊องเอ๊ย”
 
 
หลินเช่อแลบลิ้นแผล็บ
 
 
เขาย่อตัวลงและจัดการพันสายรัดเข้ากับท่อนขาเรียวของเธอ
 
 
เมื่อก้มลงมองชายหนุ่มที่นั่งยองๆ อยู่ข้างตัว เธอก็อดไม่ได้ที่จะจับผมเขา
 
 
ผมของกู้จิ้งเจ๋อนั้นละเอียดนุ่มหนา มันทำให้เธออยากสัมผัสมันเมื่อเขามานั่งอยู่แบบนี้ ด้วยความที่เขาสูงใหญ่กว่าเธอมาก เมื่อเปลี่ยนมานั่งยองๆ แบบนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่เธอจะได้จับผมเขาเล่น
 
 
กู้จิ้งเจ๋อรู้ตัวว่าโดนแกล้ง เขาจึงเงยหน้ามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ “นี่เดี๋ยวนี้เธอชักจะเอาใหญ่แล้วนะ”
 
 
ไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้กับเขามาก่อน
 
 
หลินเช่อหัวเราะและบอกว่า “ทำไมล่ะคะ ฉันก็แค่จับผมคุณแค่นั้นเอง ผมคุณนิ่มกว่าผมเพื่อนฉันอีกนะเนี่ย”
 
 
“เพื่อนเหรอ” เขาถามด้วยความสงสัย “ใคร”
 
 
“เขาชื่อโดวโดวค่ะ”
 
 
“…” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “เพื่อนสมัยเด็กเหรอ”
 
 
“ใช่ค่ะ พี่เลี้ยงของฉันเลี้ยงหมาปักกิ่งไว้ตัวนึง ขนมันยุ่งๆ แล้วก็หยิกด้วย แต่ขนมันนิ่มมากเลยนะคะ”
 
 
หมานั่นเอง…”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อลุกขึ้นยืนพรวดพราด “เอาละ นี่เดี๋ยวนี้กล้าบอกว่าฉันเป็นหมาอีกต่างหาก อยากตายหรือไงฮึ”
 
 
หลินเช่อเถียง “บอกว่าเป็นหมามันเป็นการดูถูกตรงไหนกันคะ หมาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์นะ…”
 
 
“ฉันว่าเดี๋ยวนี้เธอชักกล้าดีใหญ่แล้ว น่าจะเป็นเพราะฉันไม่ได้อบรมสั่งสอนมานานละสิ” เขาพูดพลางขยับเท้าเข้ามาใกล้
 
 
“แหม ก็ในเมื่อฉันเคยเห็นทุกอย่างในตัวคุณหมดแล้วแบบนี้ ทำไมยังจะต้องทำตัวสุภาพกับคุณอีกล่ะคะ…” หลินเช่อพูดพลางชี้นิ้วไปยังร่างกายท่อนล่างของอีกฝ่าย “โทษทีนะพวก แต่ชีวิตคุณน่ะอยู่ในกำมือฉันตลอดทั้งคืนเลยนะจ๊ะ”
 
 
“…” นี่เดี๋ยวนี้หล่อนกล้ากระทั่งเอาเรื่องที่เกิดขึ้นมาล้อเลียนเขาเลยหรือนี่
 
 
กู้จิ้งเจ๋อพูด “ก็ได้ เธอพูดถูก แต่นี่ก็ผ่านมาได้พักใหญ่แล้ว ตอนนี้เพื่อนตัวน้อยนี่กำลังคิดถึงเธอ อยากจะทักทายหน่อยมั้ยล่ะ”
 
 
“…” เธอไม่ได้คิดถึงซักหน่อย!
 
 
หลินเช่ออยากจะวิ่งหนีอีก แต่กู้จิ้งเจ๋อคว้าตัวไว้เสียก่อน “กลับมานี่ คิดว่าจะหนีไปไหนฮึ นึกว่าเลิกกลัวฉันแล้วซะอีก ก็ในเมื่อเห็นมาหมดแล้วทุกส่วนแบบนี้ ก็แค่ทักทายกันหน่อยจะเป็นไรไป”
 
 
หลินเช่อยอมแพ้ เธอไม่หน้าด้านหน้าทนเท่าอีตาผู้ชายคนนี้
 
 
ในที่สุดทั้งคู่ก็แต่งตัวจนเสร็จ เขาสอนเธอให้เล่นสกี แต่เพราะหลินเช่อยังกล้าๆ กลัวๆ กู้จิ้งเจ๋อจึงต้องคอยประคองเอาไว้เกือบตลอดเวลา และการเล่นสกีก็เป็นไปอย่างเชื่องช้าเต็มที

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset