เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 131 ข้อดีอย่างเดียวของเธอก็คือเธอโชคดีนี่แหละ

หลินเช่อมองเขา “โอเคๆ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
 
 
เขาก็จัดการในสิ่งที่เขาอยากจะจัดการนั่นแหละ ผู้ชายคนนี้สามารถหาข้ออ้างได้สารพัดถ้าเขาอยากจะหาเหตุผลขึ้นมา
 
 
ด้วยเหตุนี้ หลินเช่อจึงไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
 
 
วันรุ่งขึ้น ทุกคนต่างเตรียมตัวกลับบ้าน
 
 
มู่หว่านฉิงแทบทนไม่ได้ที่ต้องแยกกับหลินเช่อ เธอบ่นกระเง้ากระงอดกับหนุ่มสาวทั้งสองว่ามัวแต่ทำงานยุ่งอยู่ตลอดเวลาจนไม่ได้พบหน้ากันเลยทั้งที่อยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียวแท้ๆ และยังย้ำให้หลินเช่อไปเยี่ยมบ่อยๆ ซึ่งหญิงสาวก็รับคำเป็นอันดี
 
 
จากนั้นผู้เป็นแม่สามีก็ขึ้นเครื่องไปก่อน หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อตามไปทีหลัง
 
 
บนเครื่องบิน หลินเช่อเอาแต่เลือกดูภาพถ่ายบนชายหาดอย่างขะมักเขม้น
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า “สวยทุกรูปนั่นแหละน่า ไม่ต้องเลือกหรอก”
 
 
หลินเช่อบอกว่า “แหม ผิวฉันนี่ดีจังเลยนะคะ เลยออกมาดูดีทุกรูปเลย
 
 
นั่นเป็นความจริง
 
 
แต่กู้จิ้งเจ๋อก็อดกระแนะกระแหนไม่ได้ว่า “นี่เธอกลายเป็นพวกหลงตัวเองไปแล้วนะ”
 
 
หญิงสาวเงยหน้ามองคนพูด “แหม ก็คิดว่าไงละคะ ถ้าฉันสามารถหาสามีดีๆ อย่างคุณได้ นั่นก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วไงล่ะว่าฉันเองก็ไม่เลวอยู่เหมือนกัน”
 
 
ดวงตาชายหนุ่มเป็นประกายวับเมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้นแต่ก็ไม่อาจจะหาถ้อยคำมาโต้แย้งได้ “จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิดหรอกนะ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อยังพูดต่อไปอีกว่า “นั่นอาจจะเป็นข้อดีเพียงข้อเดียวของเธอก็ได้”
 
 
“หือ”
 
 
“เธอเป็นคนโชคดีน่ะสิ และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้เธอได้เจอฉันไงล่ะ”
 
 
“ไปให้พ้นเลยไป”
 
 
ในเวลาไม่นานพวกเขาก็มาถึงบ้าน หลินเช่อเปิดดูข่าวและได้เห็นรายการเรียลลิตี้โชว์ที่เธอไปร่วมกำลังออกอากาศอยู่ มีผู้คนพากันเข้ามาแสดงความเห็นเกี่ยวกับท่าทางโก๊ะๆ บ๊องๆ แต่น่ารักของเธอกันมากมาย และมีกระทั่งภาพเธอตอนเปลือยหน้าสดต่อหน้าทุกคนแบบเต็มๆ เกือบทุกคนพากันชมชอบเธอ จะมีบ้างก็พวกที่อดหมั่นไส้ไม่ได้และพากันค่อนขอดว่าเธอทำศัลยกรรมพลาสติกมาเสียจนแทบดูไม่ได้ โดยเฉพาะจมูกที่ดูยังไงก็ปลอมเห็นๆ
 
 
หลินเช่อคิดเศร้าๆ คนพวกนี้นี่ใจร้ายกันเสียจริง ต่อให้เธอนึกอยากจะโกหกและอยากจะเห็นจริงๆ ว่าการศัลยกรรมจะช่วยเปลี่ยนโชคให้เธอได้ขนาดไหน เธอก็ไม่มีเงินจะไปทำอยู่ดีนั่นแหละ พวกเขาคิดว่าการทำศัลยกรรมนี่เป็นของที่ทำกันง่ายๆ หรือไงนะ กว่าจะได้หน้าสวยๆ ออกมานี่ต้องจ่ายเงินไม่น้อยนะยะ
 
 
ฉินหวานหว่านชวนเธอออกไปกินอาหารเย็นด้วยกันคืนนี้ หลินเช่อไม่ได้คิดอะไร การออกไปกับหล่อนคงจะช่วยให้เธอได้รู้จักสังคมให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เพราะหลินเช่อยังเป็นหน้าใหม่ในวงการ แวดวงคนรู้จักของเธอยังแคบเหลือเกิน และเธอก็รู้จักคนเพียงไม่มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีนักสำหรับอนาคตของตัวเธอเอง
 
 
นอกจากนี้ หลินเช่อยังคิดว่าฉินหวานหว่านเป็นคนดีทีเดียว หญิงสาวหวังว่าจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากหล่อนให้มากกว่านี้
 
 
ด้วยเหตุนี้ เมื่อตกกลางคืน หลินเช่อจึงตรงไปที่คลับ ลักษณะของคลับนี้เป็นแบบห้องสังสรรค์ส่วนตัว เธอได้เห็นผู้คนจากวงการบันเทิงมากมายมารวมตัวกันอยู่ที่นี่
 
 
ฉินหวานหว่านนั่งลงที่บาร์เครื่องดื่มแล้วพูดกับหลินเช่อว่า “ในนี้ไม่มีนักข่าวเข้ามาได้ เพราะฉะนั้นเธอสบายใจได้เลยจ้ะ คนในวงการส่วนใหญ่ก็มาสนุกกันที่นี่นี่แหละ เดี๋ยวเธอก็ค่อยๆ รู้จักคนมากขึ้นไปเอง”
 
 
ตรงกลางห้อง มีบรรดานักแสดงรุ่นใหญ่หลายคน บางคนเดินเข้ามาทักทายฉินหวานหว่าน
 
 
หลินเช่อหันมองอีกฝ่ายอย่างนึกอิจฉา “เธอนี่ดีจังเลยนะ ฉันไม่รู้จักใครที่นี่สักคน ฉันแย่มากเลยกับเรื่องนี้ เฮ้อ”
 
 
“แรกๆ ฉันเองก็เป็นคนไม่เข้าสังคมเหมือนกันนั่นแหละ แต่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นหลังจากนั้นเอง ไม่เป็นไรน่า ฉันจะค่อยๆ สอนเธอนะ” ฉินหวานหว่านแตะไหล่หลินเช่ออย่างปลอบใจ
 
 
แต่แล้วก็มีเสียงใครบางคนร้องเรียกขึ้นมาจากทางด้านหลัง “หลินเช่อ มาทำไมที่นี่น่ะ”
 
 
หญิงสาวหันไปตามต้นเสียง แล้วเธอก็ได้เห็นกู้จิ้ิ้งอวี่กำลังเดินตรงเข้ามา
 
 
หลินเช่อร้องทักอย่างประหลาดใจ” ทำไมคุณถึงมาที่นี่ละคะ น่าแปลกจัง ฉันรู้สึกอย่างกับคุณเป็นเงาตามตัวฉันงั้นแหละ ถึงได้บังเอิญเจอกันอยู่เรื่อยแบบนี้”
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่นั่งลงก่อนจะตอบว่า “ฉันน่ะนานๆ จะมาที่นี่สักที ถ้าเธอได้เจอฉันแบบนี้ก็แปลว่าชะตาเรามันถูกลิขิตให้ต้องเจอกันต่างหากล่ะ จะแปลกใจไปทำไม”
 
 
“ใครจะไปอยากโดนลิขิตให้ต้องเจอคุณไม่ทราบคะ ให้ตายสิ”
 
 
การได้เจอกู้จิ้ิ้งอวี่หมายถึงการต้องตกเป็นข่าวพาดหัวและโดนรุมด่าทอจากบรรดาแฟนๆ ของเขา แค่คิด หลินเช่อก็เพลียจะแย่แล้ว
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่ถามต่อไปอีกว่า “แล้วเธอรู้จักที่นี่ได้ยังไง”
 
 
นั่นแหละหลินเช่อจึงนึกขึ้นได้และรีบหันไปแนะนำบุคคลที่เป็นผู้ชักพาเธอมา “นี่ฉินหวานหว่านค่ะ”
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่เหลือบมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างหลินเช่อและยิ้มให้ “โอ้ หวัดดี”
 
 
ฉินหวานหว่านรีบพูดทันที “กู้จิ้ิ้งอวี่คะ ฉันเป็นแฟนตัวยงของคุณเลยละค่ะ ฉันได้ดูทั้งหนังทั้งรายการทีวีของคุณมาเพียบ ฉันไม่แน่ใจว่าคุณได้ข่าวมาหรือยังนะคะ ว่าเราอาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันแน่ะ”
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่ยิ้ม “อ้อ จริงเหรอ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับงาน ทางบริษัทจะเป็นคนจัดการให้น่ะ ฉันก็เลยไม่แน่ใจเหมือนกัน”
 
 
ฉินหวานหว่านฉีกยิ้ม “งั้นฉันหวังว่าทุกอย่างจะลงตัวนะคะ”
 
 
“อืม”
 
 
ฉินหวานหว่านดูกระตือรือร้นอย่างยิ่ง หล่อนร้องสั่งเครื่องดื่มและอาสาเป็นเจ้ามือ กู้จิ้ิ้งอวี่พูดคุยต่ออีกสองสามประโยคก่อนจะกระซิบกับหลินเช่อว่า “นี่จะไม่กลับบ้านเหรอ ฉันจะไปส่งเธอเอง” เมื่อหลินเช่อเห็นว่าเป็นเวลาดึกพอสมควรแล้ว เธอจึงหันไปบอกฉินหวานหว่านว่า “ฉันขอกลับก่อนละนะจ๊ะ” ฉินหวานหว่านมองทั้งสองคนแล้วพูดอย่างเสียดายว่า “พวกคุณนี่เป็นนักปาร์ตี้ที่ไม่เอาไหนเลยน้า ช่างเถอะ เอาไว้คราวหน้าเรานัดกันอีกนะคะ”
 
 
“โอเค”
 
 
ฉินหวานหว่านลุกขึ้นและเดินมาส่งคนทั้งสอง ขณะที่กู้จิ้ิ้งอวี่ไปเอารถ หล่อนก็แตะไหล่หลินเช่อและถามว่า “ดูเหมือนว่าเธอจะสนิทกับกู้จิ้ิ้งอวี่จังเลยนะ”
 
 
หลินเช่อตอบ “ก็คงงั้นแหละจ้ะ”
 
 
ฉินหวานหว่านว่า “ปกติแล้วกู้จิ้ิ้งอวี่เขาจะดูเย็นชา ไม่ค่อยจะเป็นเพื่อนกับใครง่ายๆ แม้แต่กับฉันเขาก็ยังไม่ค่อยจะแยแสเลย เห็นมั้ย”
 
 
หลินเช่อยิ้มแหย “เขาออกจะเป็นคนแปลกๆ น่ะ แต่ถ้าสนิทกันแล้วเขาก็เป็นมิตรใช้ได้อยู่นะ นี่เธอกำลังจะได้ร่วมงานกับเขาไม่ใช่เหรอ ตอนที่ถ่ายทำเสร็จ ตอนนั้นพวกเธออาจจะสนิทกันมากกว่านี้ก็ได้”
 
 
ฉินหวานหว่านยังบ่นต่อ “แหม แต่ฉันอิจฉาเธอจังที่ได้เป็นเพื่อนกับดาราดังระดับนี้ ไม่เลวเลยนะ”
 
 
“ก็ใช่แหละ แต่เราก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แค่เคยคุยกันบ้างเท่านั้นเอง”
 
 
“นี่เธอยังไม่เข้าใจนะเนี่ย การได้รู้จักมักคุ้นกับดาราระดับนี้น่ะไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเขาชอบคบหาแต่เฉพาะคนในแวดวงระดับเดียวกัน ครอบครัวของกู้จิ้ิ้งอวี่เองก็ร่ำรวยมาก เฮ้ๆ แล้วนี่ข่าวลือของเธอกับกู้จิ้ิ้งอวี่ล่ะเป็นข่าวลวงจริงหรือเปล่า อันที่จริงเธอบอกฉันได้นะ ฉันไม่บอกใครหรอกจ้ะ”
 
 
“ก็ต้องเป็นข่าวลวงสิ เธอเองก็เห็นแล้วนี่จ๊ะ ว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน!” หลินเช่อรีบบอก
 
 
“ก็ได้ๆ ไปเถอะ อย่าให้เขารอนาน แล้วคราวหน้านัดกันก็พาเขามาด้วยนะ”
 
 
“โอเค…”
 
 
หลินเช่อบอกลาฉินหวานหว่าน ก่อนจะเดินแยกออกมาขึ้นรถของกู้จิ้ิ้งอวี่ เธอบอกชื่อถนนที่จะให้ไปส่ง แล้วจากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า “ทำไมเธอถึงมากับผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
 
 
หลินเช่อตอบ “เราไปออกรายการเรียลลิตี้เดียวกันมาน่ะค่ะ แล้วเขาก็ดูแลฉันเป็นอย่างดีแถมยังต้อนรับฉันดีมาก มากชนิดนี่ฉันยังไม่สามารถทำได้ขนาดนั้นเลย”
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่ตอบ “นี่เธอพูดจิงหรือเปล่าเนี่ย…ด้วยระดับสติปัญญาอย่างเธอแล้ว จะเป็นการดีกว่าถ้าเธอไม่เข้าไปใกล้ชิดคนแบบนั้นนะ เพราะถ้าโดนหลอกขึ้นมาเธอก็คงไม่รู้ตัวหรอก”
 
 
“เป็นไปไม่ได้หรอกน่า…ฉันจะโดนหลอกได้ยังไงกัน แล้วพวกคุณทั้งหลายก็ช่วยเลิกพูดว่าฉันเป็นพวกไอคิวต่ำสักทีนะคะ”
 
 
กู้จิ้ิ้งอวี่ว่า “ยังมีคนอื่นที่เห็นตรงกับฉันด้วยเหรอเนี่ย งั้นแสดงว่าไอคิวเธอก็คงแย่จริงๆ …แต่ยังไงก็ตาม อย่าไปใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนนั้นนักจะดีกว่านะ”
 
 
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “เขาทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดบอกไม่ถูก ฉันรู้สึกไม่ค่อยชอบเลย”
 
 
หลินเช่อจึงสวนให้ว่า “ฉันก็ไม่เคยเห็นคุณจะชอบใครเลยนี่คะ…”

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset