หลินเช่อนอนหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวตลอดทั้งคืนนั้น
เธอนอนอยู่อย่างนั้นราวกับว่าเธอกำลังเห็นกู้จิ้งเจ๋อผู้กำลังมองมาด้วยใบหน้าอันอ่อนโยน นุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภายในดวงตาของเขาดูเหมือนวงผิวน้ำที่กระเพื่อมไหวเป็นระลอก
ริมฝีปากบางเชิญชวนบิดโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอันเหมาะเจาะ
เขาจับไหล่เธอแล้วดึงร่างเธอเข้าสู่อ้อมกอดราวกับกำลังมองหญิงผู้ที่เป็นที่รักยิ่ง
เสียงของเขาช่างปลุกเร้าอารมณ์เหลือเกินเมื่อเอ่ยกับเธอแผ่วเบาว่า “หลินเช่อ ฉันรักเธอ…”
หลินเช่อตกตะลึงเสียจนหัวใจเต้นโครมคราม แล้วจังหวะต่อมาเธอก็ได้เห็นริมฝีปากของกู้จิ้งเจ๋อที่โน้มต่ำลงมา
เธอขยับตัวขึ้นไปหา ไปให้ใกล้เขา
แต่กระนั้นในตอนนั้นเอง…
เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังสนั่นขึ้น
หลินเช่อผวาตื่น เธอผุดลุกขึ้นนั่งและได้รู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงความฝัน
บ้าเอ๊ย ทำไมเธอถึงฝันอะไรแบบนี้นะ
หลินเช่อรีบยกมือลูบผม เธอได้ยินโทรศัพท์ที่ยังคงส่งเสียงดังไม่ขาดสาย หญิงสาวรีบคว้ามาดู
เป็นสายจากอวี๋หมินหมิ่นนั่นเอง
[เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ ทำไมอยู่ๆ เธอถึงตกเป็นข่าวว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแบบนี้ได้ล่ะ]
แน่ละว่าหลินเช่อยังไม่ได้เห็นข่าว เธอไม่รู้เลยว่าโลกภายนอกกำลังพูดกันว่าอย่างไรบ้าง เธอยกมือขึ้นกุมศีรษะที่ปวดหนึบไว้แล้วตอบกลับไปว่า “ฉันถูกจัดฉากค่ะ!”
อวี๋หมินหมิ่นครุ่นคิดบางอย่างอยู่เป็นครู่ก่อนจะตอบว่า [ช่างมันเถอะ เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีตอนที่เธอเข้ามาที่บริษัทก็แล้วกัน]
“ก็ได้ค่ะ แต่พี่อวี๋คะ ฉันติดต่อหาพี่ไม่ได้เลยเมื่อวานนี้ พี่ไปอยู่ที่ไหนเสียละคะ”
อวี๋หมินหมิ่นเงียบอีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีวิธีบอกที่ดีกว่านี้ เธอจึงตัดสินใจตอบว่า [รถฉันเกิดอุบัติเหตุเมื่อวานนี้น่ะ]
“…” หลินเช่อร้อง “ทำไมถึงโชคร้ายอย่างนี้ละคะ นี่เราควรจะขึ้นไปไหว้พระบนเขากันบ้างแล้วนะ”
[ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันนั่นแหละ เอาเถอะ ยังไงก็ค่อยคุยกันอีกทีตอนที่เธอมาบริษัทก็แล้วกัน]
หลินเช่อกระวีกระวาดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะยังรู้สึกเวียนหัวอยู่บ้างเล็กน้อยแต่เธอก็รีบจัดแจงอาบน้ำและแต่งตัวด้วยความว่องไว
ทันทีที่เธอเปิดประตูห้องน้ำออกมา เธอก็บังเอิญเห็นกู้จิ้งเจ๋อกลับเข้ามาจากข้างนอกพอดี
เมื่อชายหนุ่มเห็นเธอในสภาพนั้น เขาก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าทันควัน
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดว่าขึ้นมาในห้วงคิดอย่างรวดเร็ว เขาเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “ลุกขึ้นมาทำไมล่ะ”
ด้วยความเร่งร้อน หลินเช่อรีบตอบว่า “ฉันจะเข้าไปที่บริษัทค่ะ”
“ที่บริษัทงั้นเหรอ” สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อขรึมลง “จะรีบเข้าไปที่นั่นทำไมแต่เช้า”
“มีปัญหาบางอย่างน่ะค่ะ ฉันต้องรีบเข้าไปจัดการ” หลินเช่อบอก
“เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น” เขาคว้าตัวเธอไว้ทันก่อนที่หญิงสาวจะวิ่งพรวดพราดออกไป
หลินเช่อหันกลับมามองอย่างข้องใจ “ทำไมละคะ”
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องไปที่นั่น” เขากวาดตาดูทั่วดวงหน้าที่ยังคงแดงระเรื่อเพราะฤทธิ์ไข้ “แค่ทำตัวเชื่อฟังแล้วก็อยู่บ้านแต่โดยดีเถอะวันนี้”
อยู่บ้านแต่โดยดีงั้นเหรอ
หลินเช่อนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มเมื่อวานนี้ ที่บอกว่าทำไมเธอถึงเอาแต่ก่อเรื่องอยู่เรื่อยขึ้นมาอีกครั้ง
แสดงว่าคราวนี้เขาคงคิดว่าเธอจะต้องก่อเรื่องอีกแน่ถ้าออกไปข้างนอก
หลินเช่อจึงตอบออกไปทันควัน “ไม่ค่ะ ฉันต้องไปจัดการปัญหานี้ที่บริษัทให้เรียบร้อย ถ้าฉันไม่ทำ อาชีพฉันได้จบเห่แน่”
“อาชีพหลักของเธอคือการทำตัวเป็นคุณผู้หญิงตระกูลกู้” กู้จิ้งเจ๋อมองดูผู้หญิงหัวดื้อด้วยสีหน้าเย็นชา
หลินเช่อเถียง “ไม่เอาน่า พอเราหย่ากัน ฉันก็เป็นได้แค่อดีตภรรยาที่ไม่ได้ความของคุณเท่านั้นแล้ว ถึงยังไงฉันก็ต้องมีอาชีพของตัวเองไว้เลี้ยงตัว ฉันไปก่อนนะคะ”
“หลินเช่อ ฉันบอกว่าฉันไม่อนุญาตให้เธอไปยังไงล่ะ!” สุ้มเสียงของชายหนุ่มเริ่มเข้มงวดขึ้น ดวงตาเป็นประกายวับ
หลินเช่อหันหน้ามาบอก “ฉันรู้น่า คราวนี้ฉันจะไม่ก่อเรื่องอีก ฉันจะไม่สร้างปัญหาให้คุณหรอกนะคะ แต่ฉันต้องไปจัดการธุระอะไรบางอย่างเท่านั้นเอง คุณไม่ต้องกังวลว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับฉันอีกหรอกค่ะ”
กู้จิ้งเจ๋อก้มลงมอง แม้กระทั่งหลังจากที่เธอก้มหน้าก้มตาสวมรองเท้าจนเสร็จเรียบร้อย คิ้วที่ขมวดมุ่นของชายหนุ่มก็ยังคงไม่คลายลง
“ฉันไปแล้วนะคะ” เธอหันกลับมาบอกกับเขาอีกครั้ง ท่าทางออกจะหวาดๆ เล็กน้อย
“อยากทำอะไรก็ตามใจแล้วกัน” กู้จิ้งเจ๋อบอกก่อนจะย่ำโครมๆ เข้าห้องนอนไป
หลินเช่อเบ้ปาก เธอก็เห็นอยู่แหละว่าเขาโกรธ แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เธอก็ตัดสินใจที่จะไม่เดินตามไป
หญิงสาวหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน แม้ว่าความทรงจำของเธอยังติดจะพร่าเลือนอยู่บ้างเพราะความง่วงงุนและมึนด้วยฤทธิ์ยา แต่เธอก็ยังจำได้ว่าทั้งมือและปากของเขาจาบจ้วงร่างกายเธอไปถึงไหนต่อไหนบ้าง…
ทันใดนั้นริมฝีปากของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย หญิงสาวสั่นหน้าโดยแรงเพื่อสลัดความรู้สึกวาดหวังถึงรสสัมผัสนั้นทิ้งไปและรีบเร่งเดินออกมา
ที่บริษัท
อวี๋หมินหมิ่นถึงขั้นยกมือกุมขมับและพูดว่า “นี่ดูเหมือนจะเป็นแผนการของเซนมิร่า สัญญาพรีเซนเตอร์ของเธอถูกยกเลิก แล้วหล่อนก็เป็นคนที่ได้เซ็นสัญญาใหม่แทนกับบริษัทนั้นอีกครั้ง”
หลินเช่อไล่อ่านข่าว ไม่มีตรงไหนที่ระบุชื่อของเธอออกมาตรงๆ เพียงแต่บอกว่าดูเหมือนจะมีดาราที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเมื่อเร็วๆ นี้และถูกจับเข้าคุกไปแล้ว เป็นดาราผู้หญิงที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว ‘ห’ เพิ่งจะเริ่มโด่งดังจากซีรีส์ทางโทรทัศน์เมื่อไม่นานมานี้ ถ้าหากว่าข่าวลือที่ว่านี่เป็นเรื่องจริงละก็ งานนี้จะต้องเกิดปัญหาแน่ว่าทางซีรีส์จะได้ถูกแพร่ภาพตามกำหนดการที่วางแผนไว้หรือเปล่า
บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายก็ฉลาดเหลือเกิน พวกเขานึกออกได้ในทันทีว่าบุคคลที่ถูกเอ่ยถึงในข่าวก็คือหลินเช่อนั่นเอง
อวี๋หมินหมิ่นทำท่าเหนื่อยใจ ท่าทางของเธอดูเป็นกังวลอย่างมาก “ทางบริษัทจะพยายามจัดให้เธอไปปรากฏตัวในสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อที่เธอจะได้บอกทุกคนให้รู้ว่าเธอไม่ได้ติดคุก แต่เธอจะต้องจัดการเคลียร์กับทางสถานีตำรวจนั่นให้ชัดเจนก่อนว่าจะไม่มีใครพูดอะไรเรื่องนี้ แล้วนี่เธอไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดใช่มั้ย”
อวี๋หมินหมิ่นมองหลินเช่ออย่างติดจะแคลงใจ
“ไม่แน่นอนค่ะ” หลินเช่อว่า
อวี๋หมินหมิ่นพยักหน้า ในเมื่อเธอว่าอย่างนั้น อวี๋หมินหมิ่นก็เชื่อเธอ เพราะหล่อนเองก็ไม่คิดว่าหลินเช่อจะเป็นคนแบบนั้นเหมือนกัน
“แล้วตอนนี้ฉันควรทำยังไงคะ”
“เราจะไปที่บริษัทโฆษณานั่นเพื่ออธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟังก่อน”
หลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นมาถึงบริษัทโฆษณาภายในเวลาอันรวดเร็ว
แต่ดูเหมือนโลกจะกลมไปหน่อยเพราะว่าพวกเธอก็ได้พบกับหญิงสาวผู้เป็นศัตรูที่นั่น ขณะก้าวลงจากรถ ทั้งสองก็ได้เห็นเซนมิร่าเดินออกมาจากบริษัทด้วยรองเท้าส้นสูงลิบ
“อ้าว หลินเช่อ มาได้ยังไงกันล่ะ ฉันได้ข่าวว่าเธอถูกขังอยู่ไม่ใช่เหรอจ๊ะ ออกมาเร็วดีนี่”
เมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่าย หลินเช่อก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้เห็น
“ใช่ ฉันออกมาแล้ว แต่พวกหน้าโง่อย่างเธอยังเดินเตร่อยู่ข้างนอกแบบนี้ได้ จะให้ต้องติดคุกฉันก็คงไม่แคร์หรอก”
“นี่แก…หลินเช่อ ยังจะทำยโสไปอีกนะ ฮึ กว่าจะได้เข้าวงการก็ป่านนี้ แถมยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ หัดเรียนรู้จากรุ่นพี่เสียบ้างสิ สิ่งที่เธอต้องมีน่ะเขาเรียกว่ากลยุทธ์จ้ะ”
“หึ นั่นสินะ คนที่ไม่มีความสามารถที่แท้จริงอะไรเลยอย่างเธอก็คงกล้าทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ” หลินเช่อว่า
อวี๋หมินหมิ่นยืนยิ้มอยู่ข้างหลินเช่อ เธอมองดูเซนมิร่าแล้วพูดว่า “มิร่า จะว่าไปเธอเองก็อยู่ในวงการนี้มานานแล้วนะ แต่ฉันจะขอแนะนำอะไรสักอย่างเถอะ ใช้วิธีสกปรกให้น้อยลงหน่อย ไม่อย่างนั้นเธอจะทำตัวเองพังเสียเปล่าๆ”
เซนมิร่าพ่นลมพรืดอย่างเยาะหยัน “นี่เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้ ใช่ฉันทำเอง แล้วยังไงล่ะ พวกเธอจะทำอะไรได้ หือ พาแม่ดาราหางแถวของเธอกลับไปนอนไส้แห้งต่อซะเถอะ กล้ามาลองดีกับฉันแบบนี้นี่ไม่รู้จักตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูตัวเองบ้างเลยรึไง”
เมื่อพูดจบหล่อนก็เดินจงใจเอาไหล่เบียดกระแทกอวี๋หมินหมิ่นแล้วเดินผ่านทั้งคู่ไป
หลินเช่อกัดริมฝีปากอย่างโกรธแค้นแล้วหันมาพูดกับอวี๋หมินหมิ่นว่า “ฉันทนดูแม่นี่ทำตัวยโสโอหังแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะคะ”
อวี๋หมินหมิ่นตอบว่า “ไม่ช้าก็เร็ว หล่อนจะได้ขุดหลุมฝังตัวเองแน่ๆ”
ผู้หญิงทั้งสองเดินเข้าไปในตัวอาคาร แต่ผู้บริหารของบริษัทกลับพูดขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ต้อนรับว่า “อย่าได้มาที่นี่อีกเลย เราทำอะไรอีกไม่ได้แล้ว บริษัทของเราจะไม่เลือกใช้ศิลปินที่ชื่อเสียงมัวหมองแบบนี้”
หลังจากพูดจบเขาก็รีบออกปากไล่พวกเธอทั้งคู่โดยไม่รีรอ บริษัทแห่งนี้คุ้นเคยดีกับการที่มีศิลปินดารามาคอยเฝ้ารบกวนสร้างความรำคาญใจอยู่เสมอ
“ออกไปซะ ไปไป๊ เร็วสิ ออกไปได้แล้ว”
ทว่าในช่วงจังหวะนั้นเอง ใครบางคนเดินเข้ามาจากด้านนอกและกระซิบอะไรบางอย่างกับพนักงานที่พยายามเสือกไสพวกเธอในตอนแรก
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปฉับพลัน สายตาที่มองมายังหลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นเองก็พลอยเปลี่ยนไปด้วย
เขาผุดลุกขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหลินครับ ผมต้องขออภัยกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ด้วย เราเพิ่งได้ข่าวจากทางตำรวจที่แจ้งมาว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดและคุณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับยาเสพติด ก่อนหน้านี้เราพูดจาไม่เหมาะสมออกไป ทางเราต้องขออภัยอย่างยิ่ง”
ผู้บริหารของบริษัทยกมือลูบหน้าผาก เหงื่อเย็นๆ เริ่มผุดขึ้นมาเต็มแผ่นหลัง เขายังคงครุ่นคิดกับสิ่งที่เลขาเพิ่งกระซิบบอกมาเมื่อครู่และยังคงคาดไม่ถึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ก่อนหน้านี้ เลขาของเขาบอกว่า “ฉินเฮ่าโทรมาเป็นการส่วนตัวและบอกว่าเขาของานโฆษณาตัวนี้ในฐานะตัวแทนของหลินเช่อ”
ฉินเฮ่าเป็นบุคคลลึกลับที่ยากจะเข้าใจเสมอมาสำหรับเขา ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่
เขาคือคนสนิทของกู้จิ้งเจ๋อ และใครบางคนที่พวกเขาไม่อาจเอื้อมถึงได้ แต่ตอนนี้เขากลับโทรศัพท์มาเป็นการส่วนตัวเพื่อของานโฆษณาให้แม่หลินเช่อคนนี้…