อย่าพูดแบบนี้กับผู้ชายคนไหน
“นี่พูดให้มันชัดๆ เลยนะ ฉันอยากวางยากู้จิ้งอวี่ต่างหาก ไม่ใช่คุณ!” หลินเช่อยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ
หญิงสาวไม่ทันสังเกตเห็นว่าคำพูดนั้นทำให้ใบหน้าของกู้จิ้งเจ๋อแปรเปลี่ยนเป็นไร้ความรู้สึกจนดูราวกับก้อนหิน
“ลองพูดอีกครั้งสิ!” กู้จิ้งเจ๋อบอกด้วยน้ำเสียงเข้มข้น
หลินเช่อรู้สึกได้ถึงสุ้มเสียงที่ไม่เหมือนเดิมของอีกฝ่าย เธอหันกลับมา แล้วก็ได้เห็นใบหน้าถมึงทึงและเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็งนั้นกำลังขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นทุกขณะ
หลินเช่อเริ่มตระหนก
จริงสิ ที่เธอพูดถึงนั่นมันน้องชายเขานี่นา ไม่ว่าเธอจะวางยาใครก็คงไม่เข้าท่าสำหรับเขาทั้งนั้นนั่นแหละ
หลินเช่อรีบพูดว่า “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะวางยาเขา ฉันแค่ได้ยินจากคนอื่นมาว่ายานั่นจะทำให้หลับไป ฉันก็เลยวางแผนว่าจะแอบถ่ายรูปสักสองสามรูปแล้วค่อยออกมา ใครจะไปรู้ละว่าฉันจะกลายเป็นเหยื่อซะเอง แล้วคุณก็กลายเป็นพวกหื่นกามทันทีหลังจากที่กินยานั่นเข้าไป…”
หื่นกามงั้นเหรอ
ใบหน้าของกู้จิ้งเจ๋อค่อยคลายความขึงเครียดลง
ถึงแม้เขาจะยังโกรธอยู่ที่เธออยากวางยากู้จิ้งอวี่ แต่คำพูดนั้นของหลินเช่อก็ทำให้ความโกรธของเขามลายลงอย่างน่าประหลาด
ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ แล้วบอกว่า “หื่นมากเลยงั้นเหรอ”
หลินเช่อตกใจอีกรอบ ปากที่อ้าค้างเผยให้เห็นไรฟันเรียบขาวเป็นระเบียบ “เอ่อ คือ…”
ความรู้สึกของความเป็นเพศชายที่ชัดเจนและรุนแรงค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ หลินเช่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกต้อนจนมุม หญิงสาวสัมผัสได้ว่ากู้จิ้งเจ๋อกำลังขยับใกล้เข้ามาทุกทีและทุกที
เธอรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่เคล้าเคลียอยู่ข้างแก้ม
นิ้วยาวของเขาแตะลงที่ปลายคางของเธอ ขณะที่เขาก้มหน้าลงมองและส่งรอยยิ้มเยาะๆ ให้
หลินเช่อรีบบอก “ใช่ค่ะ ก็ตอนนั้นคุณหื่นสุดๆ ไปเลยไม่ใช่เหรอคะ นี่เป็นคำชมนะ…ก็อย่างที่รู้กันนั่นแหละว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ยาก็จริง แต่…”
สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ยัยบื้อนี่
หล่อนไม่รู้เรื่องรู้ราวเอาจริงๆ ว่าควรพูดจายังไง
หลินเช่อยังถามต่อ “คุณจะมาโกรธเพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้นะคะ หรือว่ายังมีอย่างอื่นอีก นี่โรคคุณกำเริบหรือเปล่าคะ”
เธอสังเกตเห็นว่าสายตาของเขาดูแปลกไป มันร้อนแรงราวกับไฟราวกับสามารถแผดเผาใครก็ตามที่เขาจ้องมองให้มอดไหม้ไปได้
เขาเหมือนถูกผีสิง ดวงตาดำสนิทของกู้จิ้งเจ๋อเลื่อนลงมาตามเรือนร่างเธอ เขาก้มหน้าลง มองดูริมฝีปากที่กำลังขยับของหลินเช่อ ลิ้นของเธอดูบอบบางและน่ารักน่าใคร่ ริมฝีปากนั้นแดงก่ำอย่างคนมีสุขภาพดี ผิวใสกระจ่าง
หลินเช่อมองอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะหลุดลอยหายไปในห้วงความคิดของตัวเอง เธอรู้สึกราวกับกำลังถูกดึงดูดเข้าไปหาเขา เท้าของเธอยืนนิ่งสนิทติดพื้น ไม่อยากเคลื่อนที่ไปไหน ยิ่งคิดว่าอยากจะหนีไป เธอก็ยิ่งขยับตัวไม่ได้
ปลายนิ้วกร้านของเขาแตะลงบนริมฝีปากเธอเบาๆ จ้องลึกเข้ามาในดวงตาสว่างสดใสเป็นประกายแล้วพูดว่า “ฉันจะบอกอะไรให้ เธอจะเที่ยวไปพูดกับผู้ชายว่าเขาเป็นพวกหื่นกามแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“หือ”
“ต่อให้มันเป็นความจริงก็ตาม”
“…”
“มันจะทำให้เขาเข้าใจเธอผิดได้ง่ายๆ รู้รึเปล่า”
“อืม…”
เขาแตะริมฝีปากลงจูบอย่างแผ่วเบา
ริมฝีปากของหลินเช่อชาหนึบจนแทบไร้ความรู้สึก เธอรีบผลักเขาออกไปแล้วหันหน้ามาทำเสียงฟึดฟัดใส่ก่อนที่จะวิ่งหลบเข้าไปในห้อง
หญิงสาวปิดประตูตามหลัง พยายามทำใจให้สงบ
เมื่อนึกถึงภาพความมีเสน่ห์เย้ายวนของกู้จิ้งเจ๋อเมื่อกี้นี้แล้ว หัวใจของเธอแทบจะหลุดโลดออกมาจากอก
นี่เขาไม่รู้หรือไงว่าการยั่วเย้าของผู้ชายมันอันตรายถึงตายได้เลยนะ
ต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ทีเดียวกว่าความรู้สึกของเธอจะกลับเป็นปกติได้
วันต่อมา
หลินเช่อต้องถ่ายทำหลายๆ ฉากที่สำคัญของตัวเอง ทีมงานพยายามเร่งมือทำงานเพื่อให้ทันเวลาออกอากาศ เพราะซีรีส์เรื่องนี้จะต้องทำให้เรตติ้งของสถานีดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องถ่ายทำอย่างหนักหลายวันติดกัน
เธอมองเห็นกู้จิ้งอวี่ที่เดินเข้ามาในกองถ่ายแต่ไกล แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เธอก็รู้สึกผิดเกินกว่าที่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อกู้จิ้งอวี่สังเกตเห็นเธอเข้า เขาก็ส่งยิ้มให้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หัวใจหลินเช่อเต้นแรงเมื่อเธอนั่งอยู่ในที่ของตัวเอง หญิงสาวกำลังยกแก้วน้ำขึ้นดื่มพอดีเมื่อเธอได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นเหนือศีรษะ “นี่ เธอเป็นอะไรไปน่ะ นี่ไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วงั้นเหรอ”
หลินเช่อแทบสำลักน้ำ เธอเงยหน้าขึ้นมองกู้จิ้งอวี่ “ฉัน…ฉัน…ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ”
กู้จิ้งอวี่มองเห็นความรู้สึกผิดที่ระบายอยู่ทั่วใบหน้าอีกฝ่าย เขาพินิจดูเธอก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งและเอ่ยว่า “นี่ เธอแต่งงานแล้วจริงๆ เหรอ เธอดูไม่เหมือนผู้หญิงแต่งงานแล้วเลยสักนิด ออกจะยังเด็กขนาดนี้”
หลินเช่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนและข้อความบ้าบอที่อีตากู้จิ้งเจ๋อเป็นคนส่งไป เธอเกลียดเขาชะมัด แต่ก็ทำได้เพียงตอบออกไปด้วยความรู้สึกผิดว่า “ขอโทษด้วยค่ะ เมื่อวานฉันอารมณ์ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ ก็เลยทำให้พูดอะไรไม่ดีออกไปทั้งที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ ฉันรู้สึกแย่มากจริงๆ แต่ฉันแต่งงานแล้วค่ะ แล้วฉันก็ไม่คิดว่าอายุจะเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการแต่งงานด้วย ฉันคิดว่ามันขึ้นอยู่กับการที่เราได้เจอคนที่ใช่หรือเปล่าต่างหาก”
กู้จิ้งอวี่ลังเลเล็กน้อย เขามองดูหญิงสาวแล้วถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ ฉันจะไม่ทำให้เธอต้องลำบากใจอีก ขอให้เธอโชคดี แต่ฉันไม่ใช่จิ๊กโก๋จริงๆ นะ”
“…” หลินเช่อสั่นหัวทันที “ไม่ค่ะ ไม่ คุณไม่ใช่แน่ๆ”
กู้จิ้งอวี่ขมวดคิ้วแล้วถามต่อไป “งั้นก็เป็นเพราะว่าฉันไม่ใช่สเป็กเธอล่ะสินะ เธอถึงทำเป็นมองไม่เห็นฉันแบบนั้น”
“ฉัน…มันเป็นเพราะว่า…ฉันแต่งงานแล้วน่ะค่ะ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยไม่สนใจมองผู้ชายคนไหนอีก ฉันนับถือและชื่นชมคุณมากเลยนะคะ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น คุณเป็นเหมือน…เป็นเหมือนพ่อของฉันน่ะค่ะ คุณเป็นคนที่ฉันยกย่องมาก จริงๆ นะคะ” หลินเช่อไม่อยากจะทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่เขามีต่อเธอต้องถูกทำลายไป หญิงสาวจึงพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำให้เขาพอใจและไม่โกรธเธอด้วยเรื่องนี้
เมื่อได้เห็นท่าทีชื่นชมที่เสแสร้งจนออกนอกหน้าของหลินเช่อแล้ว กู้จิ้งอวี่คิดว่ามันทั้งน่าขำและน่าเอ็นดูไปพร้อมกัน เขาจึงทำได้แค่ส่ายหัวเงียบๆ
“ฉันไม่อยากเป็นพ่อเธอ!” กู้จิ้งอวี่ว่า “สบายใจได้ ฉันจะลบโพสต์ในเวยป๋อนั่นเอง แล้วฉันก็จะไม่พูดถึงมันอีก เธอจะได้ไม่ต้องคอยหลบหน้าฉันเพราะเรื่องนี้ แต่ถึงยังไงฉันก็ยังอดสงสัยเรื่องสามีของเธอไม่ได้ ว่าเขาเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดไหนถึงได้ทำให้เธอตกหลุมรักเขาได้อย่างนี้ เขาคงจะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เป็นคนที่มั่นคงมากจนเธอกล้าที่จะแต่งงานด้วยตั้งแต่ยังอายุแค่นี้สินะ”
“…” หลินเช่อคิดในใจ ก็ไปถามพี่ชายคุณเอาเองสิ ว่าทำไมถึงกล้าชมตัวเองอย่างหน้าไม่อายแบบนั้นได้
พอลองคิดๆ ดูแล้ว กู้จิ้งอวี่ออกจะดูเป็นผู้ใหญ่แล้วก็มั่นคงยิ่งกว่ากู้จิ้งเจ๋อด้วยซ้ำ
“ไม่ได้มีอะไรยอดเยี่ยมขนาดนั้นหรอกค่ะ อีกหน่อยคุณก็คงได้พบเขาเอง”
“โอเค…” กู้จิ้งอวี่แตะไหล่เธอแล้วยิ้มให้
หลังจากนั้นกู้จิ้งอวี่ก็ลบโพสต์ในเวยป๋อของเขา จากนั้นบริษัทก็ออกแถลงการณ์ตามมาทีหลังโดยบอกว่านั่นไม่ใช่การสารภาพรักแต่อย่างใด เป็นแค่เพียงการแสดงความรู้สึกและความคิดส่วนตัวเท่านั้น กู้จิ้งอวี่และหลินเช่อเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและหวังว่าสาธารณชนจะไม่ทำลายมิตรภาพของคนทั้งคู่