“หินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสี? มันคือสิ่งใดกัน?”
เซี่ยปิงเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เจ้านาย นี่เรียกได้ว่าเป็นราชันของหินห้วงมิติจำนวนมาก เป็นหินศักดิ์สิทธ์ที่ควบแน่นขึ้นมาจากแก่นแท้ของหินห้วงมิติจำนวนนับไม่ถ้วน”
กระทิงสีครามพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “หินศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้สามารถใช้เป็นรูปแบบแรกเริ่มของพื้นที่ห้วงมิติได้ หากให้โอกาสมันได้พัฒนาอีกครั้ง มันก็มีโอกาสที่จะเจริญเติบโตกลายเป็นโลกห้วงมิติได้”
“ต้องรู้ด้วยว่าหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้เป็นแร่ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง สิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เชิงห้วงมิติที่อยู่ในระดับสิ่งประดิษฐ์เซนต์บางชิ้นก็ใช้หินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้เป็นวัสดุหลักของมัน เดิมทีเจ้านายเก่าของข้าเซนต์พิภพก็ใช้หินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้ในการหล่อหลอมสิ่งประดิษฐ์เซนต์—ลูกปัดพิภพนี้ขึ้นมา”
“วัสดุเช่นนี้เรียกได้ว่าล้ำค่าจริงๆ ต่อให้เป็นเซนต์ที่ได้รับข่าวของมัน บางทีก็อาจจะคิดแย่งชิงไปอย่างหน้าด้านๆ นี่คือสมบัติที่มหัศจรรย์ระดับจักรวาล มิอาจประเมินค่าได้”
อะไรนะ?!
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ร่างกายของเซี่ยปิงก็สั่นเทา เขาไม่คาดคิดว่าก้อนหินที่เปล่งประกายด้วยแสงเจ็ดสีนี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เป็นสิ่งประดิษฐ์เวทมนตร์เชิงห้วงมิติที่กำเนิดขึ้นมาตามธรรมชาติ ภายในตัวของมันก็กลายเป็นพื้นที่ได้ เป็นต้นแบบของโลกห้วงมิติ
“เจ้านาย จะต้องครอบครองหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้มาให้จงได้”
กระทิงสีครามพูดออกมาทันที “เมื่อใดที่ครอบครองหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้ได้ และหลังจากที่กลั่นกรอง ลูกปัดพิภพจะสามารถฟื้นฟูพลังอำนาจส่วนใหญ่ได้ในทันที หินห้วงมิติอื่นๆไม่สำคัญอีกต่อไป ทว่าหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้เป็นสิ่งที่จะต้องครอบครองมาให้ได้”
มันแทบอดทนรอไม่ไหวที่จะได้ครอบครองหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้
“แน่นอนว่าต้องครอบครองมาให้ได้ ทว่าดูจากท่าทางของกลุ่มราชันอสูรเวิ้งว้างเหล่านั้นแล้ว เห็นได้ชัดว่าหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างมากสำหรับพวกมัน เมื่อใดที่ถูกปล้นชิงไป บางทีอาจจะถูกไล่ล่าได้ จะต้องคิดหาวิธีการดีๆ”
เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง
บอกตามตรง เพียงแค่ในถ้ำใต้ดินแห่งนี้ ก็สามารถมองเห็นราชันอสูรเวิ้งว้างนับร้อยนับพันตัว อย่างน้อยก็มีพลังอำนาจในระดับลงทัณฑ์สายฟ้า แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
อย่าพูดถึงการที่พวกมันปกครองอสูรเวิ้งว้างตัวอื่นๆอีกเป็นจำนวนมหาศาล เมื่อใดที่คลุ้มคลั่งขึ้นมา นั่นก็คือการเผชิญหน้ากับอสูรเวิ้งว้างจำนวนนับไม่ถ้วน เป็นดั่งพายุอวกาศน่าสะพรึงกลัวที่กวาดเข้ามา ไม่มีเส้นทางให้หลบหนีได้เลย
“แน่นอนว่าต้องเป็นสมบัติที่ล้ำค่าสำหรับพวกมัน เพราะถึงอย่างไรแล้วหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้ก็มีพลังงานห้วงมิติที่บริสุทธิ์อย่างยิ่ง สำหรับอสูรเวิ้งว้างเหล่านี้ นี่คือพลังงานที่ดีที่สุดที่ช่วยในการพัฒนาของพวกมัน เมื่อเข้าไปใกล้หินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสี แกนพลังฉีของพวกมันจะเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติ คาดการณ์ได้ว่าสาเหตุที่มีราชันอสูรเวิ้งว้างปรากฏขึ้นมามากมายเช่นนี้ เป็นเพราะว่ามีหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้ดำรงอยู่”
แมวนักปราชญ์ก็พูดออกมาเช่นกัน
“เจ้านาย ข้าคิดว่าจะต้องใช้ประโยชน์จากกลุ่มคนของนิกายหยวนหมิง นิกายสวรรค์เบื้องบนและนิกายสวรรค์ชั้นฟ้าและนิกายอื่นๆเหล่านั้น หากมีพวกเขาเป็นแพะรับบาปของพวกเรา ล่อกลุ่มของราชันอสูรเวิ้งว้างออกไป บางทีพวกเราอาจจะมีโอกาสปล้นชิงหินศักดิ์สิทธิ์เจ็ดสีนี้ได้”
กระทิงสีครามเสนอความคิดเห็นของตนเองออกไป การที่มันติดตามเซี่ยปิงมานาน มันก็ได้เรียนรู้สิ่งที่ไม่ดีมามากมาย
“ทว่าก่อนหน้านี้ที่พวกเราก่อปัญหาขึ้นมากมาย กลุ่มผู้คนของนิกายสวรรค์เบื้องบนและนิกายอื่นๆก็กำลังเคียดแค้นพวกเราอย่างมาก อีกทั้งก็ยังต้องการที่จะจัดตั้งกับดักรอพวกเรา การที่คิดจะล่อลวงพวกเขา บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย” แมวนักปราชญ์ก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีเท่าไหร่นัก การที่จะกระทำความชั่วก็จำเป็นต้องมีพรสวรรค์เช่นกัน ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแต่จะหลอกลวงผู้อื่นไม่ได้ หนำซ้ำตนเองก็อาจจะพลาดท่าเสียเอง
“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา ข้ามีวิธีการบางอย่างที่จะทำให้พวกเขากินเหยื่อของพวกเราแต่โดยดี”
เซี่ยปิงกระพริบตา
แมวนักปราชญ์ก็กัดมุมปาก พูดอะไรไม่ออก หากพูดถึงเรื่องการหลอกลวงผู้อื่นนั้น เจ้าบัดซบนี่เรียกได้ว่าอยู่ในระดับปรมาจารย์ บางทีพรสวรรค์ในด้านนี้ของเขาก็อาจจะมากกว่าพรสวรรค์ในด้านการบ่มเพาะด้วยซ้ำ
………….
หลังจากนั้นหนึ่งวัน
นิกายหยวนหมิง นิกายสวรรค์เบื้องบน นิกายสวรรค์ชั้นฟ้าและนิกายอื่นๆก็บุกทะลวงฝ่าเข้าไปในสายแร่ขนาดเล็กได้สำเร็จ สังหารอสูรเวิ้งว้างไปทั้งหมด ครอบครองหินห้วงมิติมาเป็นจำนวนมาก
ทว่าพวกเขากลับไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังโศกเศร้าอย่างมาก เพราะว่าพวกเขาได้ยอมลงทุนไปอย่างมากเพื่อจัดตั้งกับดักขึ้นมา หวังว่าเจ้าอู๋ตี่จะเข้ามาติดกับดับของพวกเขา
ทว่ารอเป็นระยะเวลาหนึ่งวัน พวกเขาก็ไม่ได้เห็นว่าจะมีวี่แววที่เจ้าอู๋ตี่จะปรากฏตัวขึ้นมา เหมือนกับว่าเจ้าอู๋ตี่ได้หายตัวไปก็ว่าได้
ผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิงและนิกายอื่นๆก็หดหู่อย่างมาก หากเจ้าอู๋ตี่พึงพอใจกับผลประโยชน์ที่ได้แล้วและแอบหลบหนีออกไป จากนั้นความพยายามทั้งหมดของพวกเขาก็สูญเปล่า ความแค้นครั้งนี้ก็ไม่มีวันได้ชำระ ทำได้เพียงแค่กล้ำกลืนกับความอัปยศอดสูครั้งนี้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกหดหู่อย่างมาก ทว่าพวกเขาก็ไม่มีทางทำอะไรได้ เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถตามหาตำแหน่งของเจ้าอู๋ตี่ได้
“ท่านผู้อาวุโสหลิว”
ในตอนนี้ ณ แคมป์ของนิกายหยวนหมิง หน่วยลาดตระเวนหลายคนได้เข้าไปในที่พักของหลิวเหวินผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหยวนหมิงทันที
“นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกเจ้าเข้ามาทำไม ต้องการรบกวนเวลาพักผ่อนของชายชราผู้นี้หรือ?”
หลิวเหวินไม่สบอารมณ์อย่างมาก
“ไม่ ท่านผู้อาวุโสสูงสุด มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงาน ก่อนหน้านี้คนของพวกเราได้ออกลาดตระเวน หวังว่าจะสามารถตามหาร่องรอยของเจ้าอู๋ตี่ได้ ทว่าพวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะค้นพบเศษเสื้อผ้าที่ฉีกขาด ซึ่งเป็นเศษเสื้อผ้าของผู้อาวุโสหม่ากู่โป๋” ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“อะไรนะ? เสื้อผ้าของผู้อาวุโสหม่า? นี่มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างไร? การที่ก่อนหน้านี้เขาเข้ามาในดินแดนลี้ลับแห่งนี้และถูกไล่ล่าโดยกลุ่มของอสูรเวิ้งว้างนั้น การที่จะมีเศษเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่นั้น มันเป็นเรื่องที่ผิดแปลกอย่างไรกัน?”
หลิวเหวินขมวดคิ้ว คิดว่านี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก
“ที่ท่านกล่าวมาก็ถูก ทว่าพวกเรายังค้นพบรอยเท้าจำนวนหนึ่งเช่นกันและแม้กระทั่งออร่าที่หลงเหลืออยู่ของผู้อาวุโสหม่า รวมถึงร่องรอยของความสามารถศักดิ์สิทธิ์เฉพาะตัวของเขา พวกเราต่างก็คาดเดากันว่าผู้อาวุโสหม่าอาจจะยังไม่ตาย แต่ว่ามีชีวิตอยู่ในดินแดนลี้ลับแห่งนี้” ลูกศิษย์ของนิกายหยวนหมิงที่คาดเดาออกมา
“นี่มันเป็นไปไม่ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิวเหวินก็โต้แย้งออกไปทันที “กลุ่มของผู้อาวุโสหม่าหลบหนีการไล่ล่าของกลุ่มอสูรเวิ้งว้างจนเผชิญเข้ากับพายุอวกาศโดยบังเอิญ ตกเข้าไปในเขตพื้นที่ต้องห้ามของพายุ พวกเขาจะต้องตายไปแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะยังมีชีวิตอยู่?”
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงคำพูดของผู้อาวุโสหม่าเท่านั้น ใครจะไปรู้ความจริงกัน ถึงอย่างไรก็ไม่มีสักขีพยานที่ยืนยันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เขาต้องการที่จะพูดอย่างไรก็สามารถพูดได้ทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นพายุอวกาศก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมาก มีที่ไหนที่จะพบเจอได้อย่างง่ายดาย”
ผู้อาวุโสของนิกายหยวนหมิงก็พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
“ทว่าหากผู้อาวุโสหม่ายังไม่ตายและยังคงใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนลี้ลับแห่งนี้ ทำไมเขาถึงต้องโกหกพวกเรา บอกว่าตนเองตายไปแล้วและตกเข้าไปในพายุอวกาศ? นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี”
หลิวเหวินก็ไม่สามารถคิดถึงจุดๆนี้ได้ รู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผล
“เป็นไปได้ว่าเขาค้นพบสมบัติลับบางอย่างในดินแดนลี้ลับแห่งนี้ มีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อเขา เขาจึงเป็นกังวลว่าหลังจากที่กลับไปที่นิกาย สมบัตินี้อาจจะถูกค้นพบได้ ดังนั้นจึงได้โกหกบอกว่าตนเองตกเข้าไปในพายุอวกาศและตายไป”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่คาดเดาออกมา “เขาคงจะกำลังย่อยสลายสมบัติลับนี้อยู่ หลังจากการแปรเปลี่ยนพลังงานกลายเป็นพลังอำนาจของตนเองทั้งหมดแล้วนั้น เขาก็จะกลับไปที่นิกายหยวนหมิงอีกครั้ง บอกว่าตนเองโชคดีหลบหนีออกมาได้ จากนั้นก็จะไม่มีใครที่ตั้งคำถามใดๆอีก”
“ที่เจ้าพูดมาก็สมเหตุสมผลทีเดียว”
หลิวเหวินมีสายตาเป็นประกาย “ไม่คาดคิดว่าจะสมบัติลับที่ถึงขั้นทำให้ยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูปต้องยอมโกหกและเสแสร้งแกล้งตาย ดูเหมือนว่าสมบัติลับนั้นจะไม่ธรรมดาเลย แม้แต่พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องก็ยังโกหกได้”
บอกตามตรง หัวใจเขาก็สั่นไหว ปรารถนาที่จะตามหาตำแหน่งของหม่ากู่โป๋ทันทีและปล้นชิงสมบัติลับนั่นมา
เพราะว่าถึงอย่างไรสมบัติลับที่เพียงพอที่จะทำให้ยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูปยอมลงทุนเสี่ยงเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าอย่างมาก คาดการณ์ได้ว่าสมบัติเช่นนี้ก็จะต้องมีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อยอดฝีมือในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าเช่นกัน
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ข้าคาดเดาว่าผู้อาวุโสหม่าจะต้องปรากฏตัวอยู่ในบริเวณที่ไม่ไกลไปจากพวกเราอย่างแน่นอน หวังว่าท่านผู้อาวุโสสูงสุดจะสามารถใช้ทักษะลับออกมาได้และค้นหาตำแหน่งของเขา”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
“สบายใจได้ ข้าเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญความสามารถศักดิ์สิทธิ์ในการค้นหาจิตวิญญาณของนิกายหยวนหมิงที่สุด ต่อให้จะมีเพียงแค่ออร่าที่หลงเหลืออยู่ ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากการแกะรอยของข้าได้” หลิวเหวินก็มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม บอกตามตรง สาเหตุที่เขายอมแพ้ให้กับเจ้าอู๋ตี่นั้น เป็นเพราะว่าเจ้าบัดซบนั่นไม่ได้ทิ้งร่องรอยของออร่าไว้ด้วยซ้ำ