“พลังอำนาจนี้!”
เซี่ยปิงกำหมัดขึ้นมา เขารู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในพลังอำนาจของตนเอง พลังเวทมนตร์ภายในราชวังสีม่วงก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก อยู่ในจุดที่น่าสะพรึงกลัว
คาดการณ์ได้ว่าหากพูดถึงเรื่องพลังอำนาจเพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถที่จะเทียบได้กับผู้บ่มเพาะในระดับหล่อหลอมสมบัติขั้นเริ่มต้น
แน่นอนว่าสิ่งที่พัฒนามากที่สุดนั้นก็คือจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขา การที่บ่มเพาะภายในชีพจรมังกรนั้น ทำให้จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาพัฒนาขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
อีกทั้งการพัฒนาของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็ทำให้ประสาทสัมผัสการรับรู้ของเขาอยู่ในจุดที่น่าอัศจรรย์เช่นกัน
“นี่คือค่ายกลของโลกหรือ?”
เซี่ยปิงนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้กระจายออกไป ทำความเข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วน สัมผัสได้ถึงค่ายกลของโลก
เขาก็เข้าใจว่าทำไมระดับหล่อหลอมสมบัติถึงทรงอำนาจยิ่งกว่าระดับกายาศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก เป็นเพราะว่าระดับหล่อหลอมสมบัตินั้นมีความเข้าใจในค่ายกลของโลก สามารถที่จะดึงพลังอำนาจของสวรรค์และโลกมาได้ มีพลังการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นมานับสิบนับร้อยเท่า
ทว่าระดับกายาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเพียงแค่การใช้พลังอำนาจของตนเอง เป็นไปได้อย่างไรที่จะต่อกรกับระดับหล่อหลอมสมบัติได้
“ขั้นตอนต่อไป แปรเปลี่ยนรูนความสามารถศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นค่ายกลและผสมผสานเข้ากับร่างกาย” เซี่ยปิงล่วงรู้ว่าระดับหล่อหลอมสมบัตินั้นจะทำการหลอมรวมค่ายกลของโลกเข้ากับร่างกายตนเอง พัฒนาไปอยู่ในจุดที่เป็นหนึ่งเดียวกับโลก
หากเป็นเช่นนี้ ภายในร่างกายก็จะมีค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ไหลเวียนอยู่ ทุกท่วงท่าทุกการเคลื่อนไหวจะมีพลังอำนาจที่สามารถสื่อสารกับโลกได้ แม้แต่ในแต่ละลมหายใจก็จะสามารถกระตุ้นพลังอำนาจของสวรรค์และโลก นี่คือพลังอำนาจที่มหาศาล
แน่นอนว่ายิ่งค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ในร่างกายมีมากแค่ไหน พลังอำนาจของสวรรค์และโลกที่สามารถดึงดูดมาได้ก็จะยิ่งน่าสะพรึงกลัวเท่านั้น
ทว่าการที่ต้องการจะผสมผสานร่างกายเข้ากับค่ายกลที่ยิ่งใหญ่นั้น มันไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่าย จำเป็นที่จะต้องมีสมรรถภาพร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด
หากสมรรถภาพร่างกายไม่แข็งแกร่งพอ เมื่อผสมผสานเข้ากับค่ายกลที่ยิ่งใหญ่นั้น มันจะส่งผลให้ร่างกายสูญสลายและเปลี่ยนกลายเป็นเถ้าถ่าน
ทว่าการที่เซี่ยปิงสามารถควบแน่นร่างอีกานรกทองคำและร่างจักรพรรดิพงไพรได้นั้น ร่างกายของเขาในตอนนี้ทรงอำนาจยิ่งกว่าลูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์เสียอีก มีพลังอำนาจที่สามารถแบกรับภูเขาทั้งใบ แน่นอนว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกังวลถึงจุดๆนี้
“ดูเหมือนว่าชีพจรมังกรจะเจือจางลงมาก”
เซี่ยปิงขมวดคิ้วขึ้นมา รู้สึกได้ว่าออร่าของชีพจรมังกรแห่งนี้อ่อนแอลงมาก เป็นไปได้ว่าพลังฉีของชีพจรมังกรนี้ได้ถูกดูดกลืนเข้าไปมากเกินไป ซึ่งแม้แต่ชีพจรมังกรแห่งนี้ก็ไม่สามารถที่จะรองรับได้
เดิมทีชีพจรมังกรแห่งนี้ที่สามารถสนับสนุนการบ่มเพาะได้นานหลายร้อยปีนั้น ตอนนี้มันกลับหลงเหลือไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ
นี่ทำให้เขารู้สึกผิดเล็กน้อย เดิมทีผู้คนของเมืองร้อยลี้เต็มใจที่จะให้เขาบ่มเพาะในชีพจรมังกรแห่งนี้ นี่คือเจตนาที่ดีของพวกเขา ทว่าตอนนี้กลับถูกเขากลืนกินพลังฉีของชีพจรมังกรไปเกือบทั้งหมด
หากชีพจรมังกรแห่งนี้ไร้ประโยชน์ขึ้นมาล่ะก็ จากนั้นชีวิตการบ่มเพาะของมนุษย์ในเมืองนี้ก็คงจะยากลำบากอย่างมาก สถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่ที่มีพลังฉีธรรมชาติอันน้อยนิด จำเป็นที่จะต้องมองหาสถานที่ที่มีพลังฉีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ใหม่อีกครั้ง
เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยเนรคุณ เขาจะต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้และช่วยเหลือพวกเขาให้ได้
หลังจากนั้นไม่กี่วัน
ในที่สุดเซี่ยปิงก็สามารถที่จะทำให้แกนพลังฉีในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงเสถียรได้ จากนั้นเขาก็ได้เดินออกมาจากชีพจรมังกรแห่งนี้โดยตรง
ทว่าในตอนนี้ ระยะที่ห่างออกไปมีกลุ่มของเจ้าหน้าที่เมืองร้อยลี้ที่เดินเข้ามา รวมถึงผู้ปกครองเมืองบาหลีหู่เช่นกัน
หลังจากที่พักฟื้นเป็นระยะเวลาหลายวัน เห็นได้ชัดว่าบาหลีหู่แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างมาก อีกทั้งยังมีความเฉียบแหลม เป็นเหมือนกับพยัคฆ์ร้ายที่กำเนิดขึ้นมาใหม่ก็ว่าได้ เหมือนกับว่าจะพัฒนาตนเองไปในทางหนึ่ง
ถึงแม้ว่าบาหลีหู่จะพ่ายแพ้ไปในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทว่ามันกลับทำให้เขาเข้าใจได้ถึงปริศนาบางอย่างและก้าวเข้าใกล้ในระดับหล่อหลอมสมบัติมากขึ้นไปอีก
เดิมทีเขาไม่ได้หวังว่าตนเองจะสามารถเลื่อนขั้นไปในระดับหล่อหลอมสมบัติได้ ทว่าในตอนนี้มันมีความเป็นไปได้สูง
“หืมม? เซี่ย เจ้าเลื่อนขั้นหรือ?”
บาหลีหู่สัมผัสได้ถึงออร่าของร่างกายเซี่ยปิงทันที แตกต่างจากไม่กี่วันก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เหมือนกับจะล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้ ทุกท่วงท่าทุกการเคลื่อนไหวมีกลิ่นไอของการผสมผสานเข้ากับโลก
ออร่าเช่นนี้ เขาเคยรู้สึกจากยอดฝีมือระดับจักรพรรดิของเมืองศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ทว่าเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เซี่ยปิงเป็นเพียงแค่ยอดฝีมือในระดับราชันเท่านั้น ทำไมถึงได้มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดเช่นนี้ได้
“ใช่ เลื่อนขั้น”
เซี่ยปิงพยักหน้า
“ขอแสดงความยินดี ขอแสดงความยินดี ไม่คาดคิดว่าจะพัฒนาแกนพลังฉีไปได้อีกขั้น”
“การบ่มเพาะในชีพจรมังกรสามารถที่จะช่วยได้มากจริงๆ”
“ดูเหมือนว่าในอนาคตเซี่ยจะมีโอกาสในการเลื่อนขั้นไปในระดับจักรพรรดิอย่างมาก”
เจ้าหน้าที่ของชนเผ่าบาหลีมากมายก็มีความสุข สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น การที่มียอดฝีมือมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น โดยเฉพาะยอดฝีมือในระดับจักรพรรดินั้น พวกเขาปรารถนาที่จะให้ปรากฏขึ้นมานับสิบคนอย่างกะทันหัน
มีเพียงแค่การที่ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์ปรากฏขึ้นมาเรื่อยๆเท่านั้น นี่จึงจะมีโอกาสที่จะสามารถเอาชนะสงครามกับเผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนได้ ไม่อย่างนั้นชะตากรรมของมนุษย์ก็คงจะมีเพียงการที่จะถูกฆ่าล้างจนสูญพันธุ์ไป
“เลี้ยงฉลอง คืนนี้จะต้องจัดงานเลี้ยงฉลอง แสดงความยินดีให้กับเซี่ย!”
บาหลีหู่หัวเราะออกมา มือของเขาได้ตบไหล่ของเซี่ยปิงอย่างรุนแรงพอสมควร ตึบ ตึบ ส่งเสียงดังขึ้นมา
“ใช่ ต้องจัดงานเลี้ยงฉลอง”
“การที่มียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอีกคนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ”
เจ้าหน้าที่จำนวนมากก็พยักหน้า แสดงความเห็นด้วย
เห็นคนเหล่านี้ที่มีท่าทางเป็นมิตรนั้น เซี่ยปิงก็แอบรู้สึกว่ามนุษย์ในทวีปแห่งนี้มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์ในยุคสมัยโบราณ ถึงแม้ว่าในช่วงเวลานั้นจะเป็นช่วงเวลาที่เผ่าพันธุ์มนุษย์อ่อนแอ ทว่าพวกเขาก็อยู่กันอย่างเรียบง่าย สามัคคีปรองดองกัน น้อยมากที่จะมีความขัดแย้งเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเรืองที่ธรรมดา ภายใต้การกดขี่จากเผ่าพันธุ์อื่นโดยที่เป็นวิกฤติที่เผ่าพันธุ์จะถูกฆ่าล้างได้ตลอดเวลานั้น ใครกันที่จะกล้าสร้างความขัดแย้งกันภายใน
ซึ่งเขาเองก็ชื่นชอบที่จะอาศัยอยู่ในสังคมเช่นนี้มาก
……………
ในผืนป่าข้างนอกเมืองร้อยลี้ ห่างออกไป500กิโลเมตร
ในช่วงเวลานี้ดราโกเนี่ยนระดับราชันได้มารวมตัวกันกว่าร้อยคน รอบๆนั้นมีออร่าสีแดงที่ปกคลุมอยู่ ดูเหมือนว่าจะมีมังกรยักษ์คำรามอยู่บนท้องฟ้า เป็นกองทัพที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก ล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้
ในระยะ500กิโลเมตรรอบตัวพวกเขานั้น อสูรดุร้ายทั้งหมดต่างก็หวาดกลัวจนหลบหนีออกไป เกือบที่จะหายไปทั้งหมด
“เหว่ยซื่อเท่อ!”
ดราโกเนี่ยนระดับราชันที่สวมชุดเกราะสีแดงได้เริ่มพูดออกมา “เจ้าเรียกรวมพลดราโกเนี่ยน เรียกข้าและคนอื่นๆมาที่นี่ ต้องการที่จะทำสงครามกับเมืองร้อยลี้ แผนการทั้งหมดพร้อมแล้วหรือยัง? อย่ายั่วยุให้ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์เคลื่อนไหวเด็ดขาด”
“สบายใจได้”
เหว่อซื่อเท่อพูดออกมา “ข้าได้เตรียมพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิทั้งสามคนของเผ่าพันธุ์มนุษย์กำลังถูกปิดกั้นไว้โดยจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนของพวกเราอยู่ในเมืองศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวออกมาได้”
“เมืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์อื่นๆก็อยู่ห่างไกลออกไปอย่างถึงที่สุด การที่ต้องการจะเข้ามาช่วยเหลือนั้น ไม่มีเวลาที่เพียงพอ”
“ดังนั้น สงครามครั้งนี้ พวกเราเพียงแค่ต้องรับมือกับมนุษย์ของเมืองร้อยลี้เพียงเท่านั้น”
“ครั้งนี้การที่พวกเราจะโจมตีเมืองของเผ่าพันธุ์มนุษย์นี้นั้น ข้าจะไม่รับผลประโยชน์ใดๆไปแม้แต่นิดเดียว ข้าจะมอบให้พวกเจ้าทั้งหมด ตราบใดที่ข้าสามารถสังหารกลุ่มของพวกมนุษย์ที่สังหารน้องชายของข้าได้นั้น มันก็ถือว่าเพียงพอ!”
บนตัวของเขามีจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมา ทำให้คนอื่นๆรู้สึกหนาวสั่น เพื่อที่จะแก้แคนให้กับน้องชายของตนเองนั้น เขาไม่สนใจเรื่องผลประโยชน์ใดๆ ตราบใดที่กลุ่มของมนุษย์เหล่านั้นตายไป ถูกกำจัดไปจนสิ้นซาก
“ฮ่าฮ่า สหายเหว่ยซื่อเท่อช่างเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมาจริงๆ”
“หากต้องจัดการกับมนุษย์ของเมืองร้อยลี้เพียงอย่างเดียวนั้น แน่นอนว่ามันจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก”
“ตามข้อมูลที่ได้รับมา เมืองรอยลี้มีราชันมนุษย์อยู่ประมาณ30คน ทว่าพวกเรามีถึงหนึ่งร้อยคน เพียงแค่การใช้จำนวนวิ่งทับพวกเขาก็เพียงพอที่จะบดขยี้พวกเขาทั้งหมด”
“ใช่ ต่อให้จะมีจำนวนเท่ากัน พวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเราอยู่ดี อย่าพูดถึงว่าตอนนี้พวกเรามีจำนวนราชันมากกว่าถึงสามเท่า”
“ฮ่าฮ่า ตราบใดที่ราชันมนุษย์ตายไปทั้งหมด พวกเราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวมนุษย์ไร้ค่าคนอื่นๆอีก ด้วยกองทัพดราโกเนี่ยนนับล้านของพวกเรา เพียงพอที่จะฆ่ามนุษย์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย”
“กุญแจสำคัญก็คือราชันของเผ่าพันธุ์มนุษย์ มีเพียงแค่ผู้ปกครองเมืองบาหลีหู่นั่นที่เป็นปัญหาอยู่เล็กน้อยรวมถึงบาหลีหั่นนั่นเช่นกัน พวกเขามีพลังการต่อสู้ที่เทียบได้กับดราโกเนี่ยนในระดับเดียวกัน คนอื่นๆนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องสนใจ”
“ไม่ต้องกังวล ข้าและคนอื่นๆจะส่งดราโกเนี่ยนระดับราชันสิบคนไปรับมือกับพวกเขา เมื่อมนุษย์ระดับราชันที่อ่อนแอที่เหลือถูกสังหารไปทั้งหมดนั้น ท้ายที่สุดพวกเราก็จะห้อมล้อมพวกเขาทั้งสองคน พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนีออกไปอย่างแน่นอน”
“คราวนี้ที่พวกเราจะกวาดล้างเมืองมนุษย์แห่งนั้น เผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องเผชิญกับความสูญเสียที่ร้ายแรง คาดว่าอีกไม่นาน พวกเราก็จะสามารถฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดได้”
ดราโกเนี่ยนระดับราชันจำนวนมากต่างก็มีจิตสังหารที่เดือดดาลออกมา พวกเขานั้นไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เหมือนกับเห็นเมืองร้อยลี้เป็นจานอาหาร จะกินอย่างไรก็สามารถที่จะกินได้ตามอำเภอใจ