“ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นที่ได้ครอบครองทักษะลับ: ทักษะผนึกวิญญาณ!”
ทันใดนั้นเสียงของระบบก็ได้ดังขึ้นมา
“ทักษะผนึกวิญญาณ?!”
เซี่ยปิงรู้สึกได้ว่ามีข้อมูลมากมายที่กำลังพรั่งพรูเข้ามาในความคิดของเขาอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะเป็นอักขระโบราณและลวดลายที่นับไม่ถ้วน เหมือนกับว่าในช่วงเวลานี้ทั่วทั้งอาณาเขตจิตใต้สำนึกของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีทอง
ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าอักขระและลวดลายเหล่านี้หมายความว่าอะไร ทว่าด้วยความช่วยเหลือของระบบนั้น เขากลับสามารถทำความเข้าใจมันได้อย่างสมบูรณ์
ทักษะผนึกวิญญาณ นี่คือทักษะพลังวิญญาณที่ครั้งหนึ่งเซนต์โลหิตวิญญาณเคยใช้ในการกดขี่และควบคุมสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน!
ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆที่มีจิตวิญญาณนั้น จะไม่สามารถหลบหนีไปจากการควบคุมของทักษะผนึกวิญญาณนี้ได้
ทักษะนี้จะใช้พลังอำนาจของจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ในการควบแน่นขึ้นมากลายเป็นผนึกวิญญาณ มีการประทับตราวิญญาณของตนเองอยู่ นี่คือผนึกวิญญาณที่สามารถหลอมรวมเข้าไปในส่วนลึกของจิตวิญญาณศัตรูได้
เมื่อใดที่หลอมรวมเข้าไปสำเร็จ ผนึกวิญญาณนี่ก็จะสามารถควบคุมความเป็นความตายของฝ่ายตรงข้ามได้ ตราบใดที่เจ้านายรู้สึกไม่สบอารมณ์ ก็สามารถที่จะปลิดชีวิตของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างกะทันหัน นี่คือทักษะลับในการควบคุมทาสระดับสุดยอด
อีกทั้งสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของทักษะผนึกวิญญาณนั้น ก็คือมันสามารถที่จะมีอิทธิพลต่อจิตวิญญาณของทาสได้โดยที่ไม่รู้ตัว ทำให้ทาสแสดงความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายโดยที่ไม่รู้ตัว เป็นเหมือนกับการล้างสมองก็ว่าได้
ต่อให้จะมีความแค้นที่เทียบได้กับการสังหารพ่อแม่ของตนเองนั้น ทว่าภายใต้อิทธิพลของผนึกวิญญาณนั้น ก็จะกลายเป็นทาสผู้จงรักภักดีทันที มีเพียงแค่การที่เจ้านายปลดผนึกวิญญาณเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้ตลอดชีวิต
เดิมทีเซนต์โลหิตวิญญาณก็ใช้ทักษะผนึกวิญญาณนี้ในการทำให้เซนต์แต่ละคนกลายเป็นทาสของเขา ทำให้พวกเขากลายเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์และเข้ายึดครองอาณาเขตต่างๆของจักรวาล
“ช่างซับซ้อนจริงๆ”
เซี่ยปิงถอนหายใจออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม หากไม่มีระบบที่ช่วยเหลือนั้น คาดการณ์ได้ว่าต่อให้ทักษะผนึกวิญญาณนี้จะถูกวางอยู่ตรงหน้าของตนเอง ทว่าการที่ต้องการจะเรียนรู้และทำความเข้าใจมันนั้นอย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลากว่าสิบปี ซึ่งระยะเวลานี้ก็อาจจะเข้าใจได้เพียงแค่เบื้องต้นเท่านั้น
เพราะว่าการที่ต้องการควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมานั้นจำเป็นที่จะต้องใช้การดำเนินการที่ซับซ้อน จะต้องไหลเวียนจิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์และวาดเส้นอักขระโบราณที่ซับซ้อนในความว่างเปล่า ซึ่งแต่ละเส้นนั้นจะไม่สามารถมีข้อผิดพลาดได้เด็ดขาด
หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา มันจะเป็นเหมือนกับการที่เรือล่มเมื่อจอด ส่งผลให้ผนึกวิญญาณล่มสลายไปทันที
อีกทั้งเส้นของอักขระโบราณเหล่านี้ มีกว่าหลายแสนเส้น มีจำนวนที่มากมาย ซึ่งดูซับซ้อนและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าใยแมงมุมเสียอีก
ดังนั้นต่อให้ศิลาจารึกนี้จะดำรงอยู่ในทวีปโลหิตวิญญาณมาเป็นระยะเวลากว่าล้านปีนั้น ก็ยังคงไม่ค้นพบผู้สืบทอดที่เหมาะสม เพราะว่าการที่ต้องการจะหาผู้มีพรสวรรค์ดั่งปีศาจที่เรียนรู้ทักษะผนึกวิญญาณได้นั้น เป็นเรื่องที่ยากอย่างถึงที่สุด
“อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จึงจะควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมาได้และเรียนรู้ทักษะลับนี้จนสำเร็จ?!”
เซี่ยปิงก็ค้นพบว่าด้วยพลังอำนาจของตนเองในตอนนี้นั้น การที่ต้องการจะควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมาจนประสบความสำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องอยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์จึงจะมีความเป็นไปได้ในการที่จะเรียนรู้จนสำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จะเรียนรู้ทักษะลับนี้จนสำเร็จได้ ก็ไม่สามารถที่จะควบคุมศัตรูเป็นจำนวนมากได้เช่นกัน
เพราะว่าการที่ต้องการควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมานั้น จำเป็นที่จะต้องแยกพลังอำนาจทางจิตวิญญาณบางส่วนออกมา นี่จะสร้างความเสียหายให้กับตนเองอย่างมาก ดังนั้นจำนวนในการที่จะควบแน่นผนึกวิญญาณขึ้นมานั้นก็มีจำกัดเช่นกัน
บางทีหากไม่มีขีดจำกัดล่ะก็ เซนต์โลหิตวิญญาณก็คงจะกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานและกลายเป็นเจ้านายของเซนต์ทั่วทั้งจักรวาลแล้ว
ประการต่อมา พลังอำนาจทางจิตวิญญาณของผู้ที่ใช้ทักษะผนึกวิญญาณนั้นจะต้องทรงอำนาจมากกว่าทาส ไม่อย่างนั้นมันจะส่งผลให้ผนึกวิญญาณล่มสลายในทันที อีกทั้งยังส่งผลสะท้อนกลับมาที่ตนเองเช่นกัน
ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำการคิดและคำนวณอย่างรอบคอบก่อนที่จะใช้ทักษะนี้ สิ่งมีชีวิตที่มีศักยภาพที่ไร้ที่สิ้นสุดและเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจมากกว่าตนเองนั้น ไม่สามารถที่จะใช้ทักษะผนึกวิญญาณกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ทว่านี่ก็ยังคงเป็นทักษะพลังวิญญาณในด้านการควบคุมที่น่าสะพรึงกลัว
หากใช้อย่างเหมาะสม มันจะนำพาผลประโยชน์มหาศาลมาสู่ตนเองอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมลูกของอสูรศักดิ์สิทธิ์ ควบคุมผู้นำของกลุ่มอิทธิพลระดับสุดยอดหรือว่าควบคุมเซนต์บางคนก็ทำได้หากว่าตัวผู้ใช้มีพลังอำนาจที่เพียงพอ สรุปก็คือนี่เป็นไพ่ตายที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ทำให้เซนต์จำนวนนับไม่ถ้วนรู้สึกเกรงกลัว ถือว่าเป็นทักษะต้องห้ามของจักรวาล ไม่สามารถที่จะให้ใครได้ครอบครอง
เมื่อใดที่ถูกค้นพบ จะต้องถูกหมายหัวโดยเซนต์ทั่วทั้งจักรวาลในทันที จะกลายเป็นบุคคลที่ชั่วร้ายที่สุดของจักรวาลและตายไปโดยที่ไร้ซากศพ
ทว่าพลังอำนาจของผนึกวิญญาณนั้นเป็นความลับสุดยอด หลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ การที่ต้องการค้นพบมันนั้นไม่ใช่เรื่องที่เรียบง่าย
“ทักษะผนึกวิญญาณนี่ช่างวิเศษจริงๆ มีประโยชน์ใช้งานที่ไร้จุดสิ้นสุด”
เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกาย การที่ทักษะลับนี้สามารถที่จะควบคุมสิ่งมีชีวิตได้นั้น เพียงแค่นี้ก็ถือว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก ทว่าในความเป็นจริงนั้นมันก็ยังมีประโยชน์ใช้งานอื่นๆอีก
อย่างเช่นสามารถที่จะฝังประทับตราวิญญาณภายในร่างของศัตรู ไม่ว่าศัตรูจะหลบหนีไปที่ใด ก็สามารถที่จะไล่ตามไปได้
ดังนั้นเดิมทีศัตรูที่ได้ท้าทายเซนต์โลหิตวิญญาณจึงถูกจับตัวและสังหารไปทั้งหมด ไม่มีใครรอดชีวิตทั้งนั้น
อีกทั้งมันก็สามารถที่จะปกป้องจิตวิญญาณได้เช่นกัน ปกป้องอาณาเขตจิตใต้สำนึกและความทรงจำ ขัดขวางศัตรูที่เชี่ยวชาญในด้านทักษะพลังวิญญาณจากการที่จะทำอันตรายต่อตนเอง
แน่นอนว่ายังมีประโยชน์ใช้งานอื่นๆที่เซี่ยปิงยังไม่ได้ค้นพบ นี่เป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
“ทักษะผนึกวิญญาณนี้ช่างเป็นทักษะที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีใครได้ครอบครองมันอีกหรือไม่” ในตอนนี้เซี่ยปิงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าทำไมเซนต์คนอื่นๆถึงได้หวาดกลัวเซนต์โลหิตวิญญาณยิ่งนัก หากฝึกฝนทักษะนี้จนสำเร็จ แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยมสำหรับตนเอง
ทว่าหากทักษะลับนี้ตกอยู่ในมือของศัตรูล่ะก็ มันก็จะเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
บางทีในระหว่างที่ไม่รู้ตัวนั้น บุคคลที่ใกล้ชิดที่สุดของเราอาจจะถูกควบคุมโดยศัตรูได้ กลายเป็นคนทรยศ ในช่วงเวลาวิกฤติก็อาจจะใช้ดาบแทงข้างหลังของเรา
ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครจะยอมให้เกิดอย่างแน่นอน
“สบายใจได้ ทักษะผนึกวิญญาณที่อยู่ในศิลาจารึกนี้ได้ถูกกำจัดออกไปโดยระบบแล้ว ไม่มีใครที่จะสามารถสืบทอดทักษะผนึกวิญญาณมาจากศิลาจารึกนี้ได้อีกต่อไป” ระบบพูดออกมา “อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการสืบทอดทักษะผนึกวิญญาณนี้อยู่ในสถานที่อื่นๆเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะยืนยันได้”
ร้ายกาจ!
เซี่ยปิงรู้สึกนับถือ ระบบของเขานั้นช่างมหัศจรรย์อย่างมาก เห็นได้ชัดว่าศิลาจารึกนี้ก็เป็นสมบัติลับเช่นกัน คาดการณ์ได้ว่าอยู่ในระดับที่เหนือกว่าสิ่งประดิษฐ์วิญญาณเสียอีก พลังอำนาจปกติธรรมดานั้นไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายต่อมันได้แม้แต่นิดเดียว มีคุณสมบัติของความไร้เทียมทานก็ว่าได้
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับระบบ สิ่งนี้ก็ไม่มีพลังอำนาจในการต้านทาน ความรู้ที่สืบทอดกันมานานถูกระบบลบล้างออกไปอย่างง่ายดาย อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็เหมือนจะสูญเสียความทรงจำไป ไม่รู้ว่าตนเองเคยมีทักษะลับนี้มาก่อน
“ในเมื่อได้ครอบครองทักษะผนึกวิญญาณมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะออกไปจากสำนักวิญญาณ ไม่อย่างนั้นหากถูกค้นพบโดยยอดฝีมือคนอื่นๆของสำนักวิญญาณนั้น มันอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ได้”
เซี่ยปิงตัดสินใจที่จะออกไปจากสำนักวิญญาณ เดิมทีเขาต้องการที่จะครอบครองทักษะลับจำนวนมากมาจากศิลาจารึกนี้ ทว่าดูเหมือนว่าศิลาจารึกนี้จะไม่อนุญาตให้คนต่างถิ่นได้รับการสืบทอดทักษะลับของชนเผ่าวิญญาณไป
เพื่อที่จะครอบครองทักษะผนึกวิญญาณนั้น เขาต้องใช้คะแนนความเกลียดชังไปถึง800ล้านคะแนน ตอนนี้ในตัวของเขานั้นมีคะแนนความเกลียดชังหลงเหลือเพียงแค่80ล้านคะแนนเท่านั้น
ดังนั้น เขาจึงไม่มีคะแนนความเกลียดชังเหลือในการสืบทอดทักษะลับอื่นๆที่อยู่ในภายในศิลาจารึก
สำหรับหลิวหยูหลานที่ถูกเทเลพอร์ตไปที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าวิญญาณนั้น คาดการณ์ได้ว่าเธอคงจะปลอดภัย คงจะไม่มีใครที่สามารถตามหาเธอได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นเขาจะต้องเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณโดยลำพัง
วิซ!
คิดได้แบบนี้ เซี่ยปิงก็ออกไปจากตำหนักสืบทอดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปที่จุดเทเลพอร์ตและกลับมาสู่เมืองฮวายหนิง
“สำเร็จแล้วหรือ?”
ในช่วงเวลานี้ แมวนักปราชญ์ก็ได้ออกมาจากหุบเขาพร้อมกับนำหินวิญญาณจำนวนมหาศาลกลับมาเช่นกัน ไม่มีใครที่ค้นพบมัน มันได้กลับมาที่เมืองฮวายหนิงเพื่อพบกับเซี่ยปิงอีกครั้ง
“สำเร็จแล้ว ถึงเวลาที่พวกเราจะเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณ”
เซี่ยปิงยิ้มออกมาเล็กน้อย การเก็บเกี่ยวของภารกิจครั้งนี้นั้นมหาศาล ไม่ใช่แค่เพียงครอบครองทักษะผนึกวิญญาณเท่านั้น ทว่าก็ได้ครอบครองหินวิญญาณมาเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน หากบอกคนอื่นๆเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวของตนเองล่ะก็ คาดการณ์ได้ว่าแม้แต่เซนต์เองก็คงจะรู้สึกอิจฉา
“เยี่ยมมาก” แมวนักปราชญ์พยักหน้า
ปัง~
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ยานอวกาศก็ได้บินออกไปจากสถานที่ลับแห่งหนึ่ง เซี่ยปิงและแมวนักปราชญ์ได้เดินทางจากทวีปโลหิตวิญญาณไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเวลานี้ ณ หุบเขาที่แมวนักปราชญ์ได้จากมา เมื่อปราศจากการควบคุมของแมวนักปราชญ์นั้นก็เหมือนกับว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น