หลังจากนั้นไม่กี่วัน
ณ สถานที่ที่เซี่ยปิงลงจอดภายในทวีปโลหิตวิญญาณเป็นครั้งแรก ในช่วงเวลานี้บนท้องฟ้ามียานอวกาศปรากฏขึ้นมาลำหนึ่ง ตึบ จากนั้นก็ลงจอดที่พื้นอย่างเบาบาง ทำให้ฝุ่นและควันรอบๆฟุ้งขึ้นมา
ปัง!
ทันใดนั้นประตูของยานอวกาศก็ได้เปิดออก ภาพเงาของนักวิทยายุทธเจ็ดคนได้เดินออกมาจากข้างใน แต่ละคนนั้นมีออร่ากระหายเลือดที่แผ่ออกมา ซึ่งออร่านี้เอ่อล้นออกมาจนเหมือนกับว่าท้องฟ้าจะถูกย้อมกลายเป็นสีแดง
ทั้งเจ็ดคนนี้ก็คือกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังนั่นเอง
ในการที่จะเตรียมพร้อมสำหรับการสังหารเซี่ยปิงนั้น พวกเขาจึงได้เดินทางเข้ามาที่ทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้ล่าช้าไปหลายวัน ทว่าตอนนี้ก็ได้มาถึงแล้ว
อย่างไรก็ตาม การที่ต้องการทำภารกิจของทวีปโลหิตวิญญาณให้สำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากไม่ได้ใช้ระยะเวลาหลายเดือน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้เป็นกังวลว่าเซี่ยปิงจะทำภารกิจสำเร็จและเดินทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้
“ในที่สุดก็มาถึงที่ทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้”
“จะต้องระมัดระวังตัวไว้ สถานที่แห่งนี้เป็นของชนเผ่าวิญญาณ พวกเขานั้นเชี่ยวชาญด้านทักษะพลังวิญญาณ มีวิธีการที่แปลกประหลาด หากไม่ระมัดระวังตัวและบังเอิญพบเจอกับพวกเขา อาจจะเกิดอันตรายได้”
“ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ฝังกระดูกของนักวิทยายุทธภายในจักรวาลเป็นจำนวนมาก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่ตายไป ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกหวาดกลัวเพียงแค่ได้ยินชื่อของสถานที่แห่งนี้”
“ไม่ต้องกังวลไป ท่านเพชฌฆาตบ้าคลั่งได้มอบสมบัติบางอย่างให้กับพวกเรา ซึ่งสามารถที่จะต่อกรกับการโจมตีทางจิตวิญญาณได้ ต่อให้กลุ่มผู้คนของชนเผ่าวิญญาณจะร้ายกาจแค่ไหน ก็เชื่อว่าไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อพวกเราได้”
“ตราบใดที่สามารถตามหาเจ้าเซี่ยปิงและสังหารเขาได้ ภารกิจครั้งนี้ของพวกเราก็จะสำเร็จ”
“หากไม่ใช่เขาตาย ก็เป็นพวกเราที่ตายไป ไม่มีทางเลือกอื่น”
กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังมีสายตาที่เย็นชา ร่างกายของพวกเขานั้นมีพลังอำนาจของเซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งฝังอยู่ หากทำภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จและไม่สามารถที่จะสังหารเซี่ยปิงได้ จากนั้นพวกเขาก็จะต้องตาย จะต้องถูกสังหารโดยเซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่งอย่างแน่นอน
ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องสังหารเซี่ยปิง
“ไม่ต้องเป็นห่วง ตามข้อมูลที่ได้รับมา เจ้าเด็กนี่เป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับสมปรารถนา ต่อให้เป็นลูกศิษย์ของเซนต์ ทว่าก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับพวกเราที่อยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ศัตรูก็ไม่ได้ล่วงรู้ถึงตัวตนของพวกเรา พวกเรามีข้อได้เปรียบอย่างมาก ตราบใดที่ฉวยโอกาสในระหว่างที่เขาประมาท ก็สามารถที่จะลอบสังหารเขาได้สำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงาม”
ผู้ที่พูดออกมานั้นก็คือฟางกุ่ยผู้นำของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง เขานั้นเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านทักษะหุ่นเชิด คนๆหนึ่งเปรียบเสมือนกับทั้งกองทัพ สิ่งที่เขามักทำนั้นก็คือการควบคุมหุ่นเชิดและเข้าไปใกล้เป้าหมาย จากนั้นก็โจมตีแบบพลีชีพออกไป ระเบิดร่างหุ่นเชิดอย่างกะทันหัน
ต่อให้ข้างกายของเป้าหมายนั้นจะมีบอดี้การ์ดเป็นจำนวนมากก็ยังคงสามารถที่จะสังหารได้ แต่เป็นเพราะว่าการลอบสังหารของเขานั้นมีรัศมีวงกว้างเกินไป ส่งผลให้ประชากรทั่วไปจำนวนนับไม่ถ้วนบาดเจ็บล้มตายไปเช่นกัน ซึ่งนี่ทำให้เขานั้นกลายเป็นอาชญากรที่มีค่าหัวสูงที่สุดในกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมัง
“พี่ใหญ่พูดถูก ไม่ต้องกังวลถึงเจ้าเด็กนั่น ตราบใดที่พวกเราตามหาเขาพบ เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ตอนนี้เป้าหมายของพวกเราคือการหาตำแหน่งของเขา จากนั้นก็สังหาร เรียบง่ายเพียงเท่านี้”
ผู้ที่พูดออกมานั้นก็คือขงนั่ว เขานั้นดูไม่เหมือนทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไม่ใช่ทั้งหยินและหยาง เหมือนกับว่าเป็นเพศที่สามก็ว่าได้ น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นก็ฟังดูแปลกประหลาดอย่างมาก ทำให้ผู้อื่นรู้สึกขนลุก
เขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านทักษะการปลอมตัว มีคนเคยกล่าวไว้ว่าเขานั้นมีใบหน้านับพัน มักที่จะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้คน ไม่มีทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถตามรอยของเขาได้
“ตามข้อมูลภายในที่พวกเราได้รับมานั้น สถานที่แห่งนี้ควรที่จะเป็นสถานที่ลงจอดของเซี่ยปิง ทว่าผ่านไปเป็นระยะเวลานาน ไม่รู้ว่าอันที่จริงเขาได้เดินทางไปที่ใด ใช่สิ น้องสอง เจ้าสามารถที่จะแกะรอยหาตำแหน่งของเจ้าเด็กนั่นได้หรือไม่?”
ฟางกุ่ยมองไปที่น้องสองของตนเอง
น้องสองนั้นมีชื่อว่าเหมาปู้ เก่งกาจในเรื่องการแกะรอย สามารถใช้ความสามารถศักดิ์สิทธิ์จมูกไล่ลม สามารถที่จะดมกลิ่นที่อยู่ห่างออกไปไกลได้นับห้าร้อยกิโลเมตร แยกแยะกลิ่นที่แตกต่างกันกว่าหลายพันกลิ่นได้ เป็นเหมือกับจมูกของสุนัข
ผู้คนที่ถูกเขาแกะรอยนั้น ไม่ว่าจะหลบหนีไปที่ใด ก็ไม่สามารถที่จะหลบหนีไปจากเงื้อมมือของเขาได้
“สบายใจได้ นี่เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย”
เหมาปู้ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้าได้กลิ่นของเจ้าเด็กนั่นอยู่บนอากาศ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เขาได้อยู่ที่นี่ อีกทั้งเหมือนกับว่าจะได้กลิ่นของคนอื่นๆที่แตกต่างออกไปเช่นกัน คาดการณ์ได้ว่าคงจะเป็นกลิ่นของผู้คนของชนเผ่าวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นก็เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างทั้งสองฝ่าย ทว่าพวกเขากลับถูกเจ้าเด็กนั่นสังหารไปจนหมด”
“ใช่สิ บนอากาศก็มีกลิ่นที่หอมมากเช่นกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นกลิ่นของหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่ง”
“มีความเป็นไปได้สูงว่าหญิงสาวคนนี้จะร่วมมือกับเจ้าเด็กนั่นเช่นกัน”
จมูกของเขานั้นสูดดมเพียงแค่เบาบาง เหมือนว่ากับล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไม่กี่วันที่ผ่านมาทั้งหมด ล่วงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในสถานที่แห่งนี้
“บัดซบ อันที่จริงเจ้าเด็กนั่นมาที่นี่เพื่อทำภารกิจหรือว่ามาหาผู้หญิงกันแน่ เพิ่งลงจอดในทวีปโลหิตวิญญาณแห่งนี้ ก็เริ่มที่จะสานสัมพันธ์กับผู้หญิงที่งดงามของชนเผ่าวิญญาณ ผู้กล้ายากจะฝ่าด่านหญิงงามจริงๆ“
“ลูกศิษย์ของเซนต์นี่ยิ่งใหญ่จริงๆ สามารถที่จะทำอย่างไรก็ได้ ทุกๆคนต่างก็ให้อภัยในทุกหนแห่ง”
“ลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่แต่ละคนนั้นต่างก็เป็นเช่นนี้ พึ่งพาการที่ตนเองเติบโตขึ้นมาอย่างมีภูมิฐานและร่ำรวย ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย จีบสาวไปวันๆ เมื่อท้องก็หลบหนีออกมา ไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อย คนพวกนี้ช่างบัดซบยิ่งนัก”
“ชายหนุ่มที่หล่อเหลาจะต้องตาย”
กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังหลายคนกัดฟันอย่างแน่น รู้สึกเกลียดชังอย่างมาก ต้องรู้ด้วยว่าทวีปโลหิตวิญญาณนั้นเป็นสถานที่ที่ทุกๆคนต่างก็เตรียมใจพร้อมที่จะตาย เพราะว่าอัตราการตายนั้นสูงถึง99%
ไม่ว่าใครที่เข้ามาภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ต่างก็ต้องรู้สึกตื่นตระหนก เป็นกังวลและเกรงกลัวว่าจะเผชิญกับการห้อมล้อมของชาวพื้นเมือง
ทว่าเจ้าเด็กนี่กลับแตกต่างออกไป เพิ่งมาถึงที่ทวีปโลหิตวิญญาณได้ไม่นาน เริ่มที่จะเป็นผู้กล้าที่ยากจะฝ่าด่านหญิงงาม สานสัมพันธ์กับหญิงสาวที่งดงามของชนเผ่าวิญญาณ นี่มันยังมีความความยุติธรรมอยู่อีกหรือ?!
บอกตามตรง พวกเขา2-3คนนั้นมีบาดแผลบางอย่างอยู่ในหัวใจ ในอดีตนั้นภรรยาของพวกเขานั้นได้ทอดทิ้งพวกเขาไปและหนีตามชายหนุ่มที่หล่อเหลาของนิกายที่ยิ่งใหญ่ไปด้วยกัน หลงเหลือเพียงแค่กระดาษแผ่นเดียว บอกว่าเธอไปตามหาความรักที่แท้จริง
ไม่เพียงแค่นั้นแต่ยังดูถูกที่เขานั้นไม่มีเงิน อีกทั้งยังแก่และหน้าตาน่าเกลียด
เป็นเพราะว่าเรื่องนี้ เมื่อใดที่พวกเขามาเจอกับเรื่องที่คล้ายคลึงกันนั้น พวกเขาจะมีจิตวิทยาที่ปั่นป่วน ปรารถนาที่จะไล่ตามจับเซี่ยปิงทันที สังหารเจ้าพ่อหนุ่มรูปงามนี่ กำจัดความชั่วร้ายให้หายไปจากผู้คน
“เหอะ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนใดก็เหมือนกันหมด บัดซบ จะต้องสังหารด้วยพิษ!” ผู้ที่พูดออกมานั้นก็คือหยุนเสี่ยวตง น้ำเสียงของเธอนั้นน่าขนลุก เธอนั้นดูแก่อย่างมาก เป็นเหมือนกับแม่มดก็ว่าได้ ผิวหนังนั้นเหี่ยวเหมือนกับเปลือกไม้ร้อยปี มีหน้าตาที่ดุร้ายอย่างมาก
อย่ามองว่าตอนนี้เธอนั้นแก่ชรา เหมือนกับมีอายุประมาณ70-80ปี ทว่าในความจริงนั้นเธอมีอายุเพียงแค่30ปีเท่านั้น
เพราะว่าในการที่ฝึกฝนทักษะพิษมานานเป็นปีๆนั้น ส่งผลให้พิษที่ร้ายแรงเข้าไปในร่างกายของเธอ ทำให้รูปลักษณ์ของตนเองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงกลายเป็นผู้หญิงที่แก่ชราเช่นนี้
เพราะว่าเป็นเช่นนี้ เธอจึงเกลียดชังเหล่าหญิงสาวที่งดงามอย่างมาก เมื่อใดที่เห็น ก็ปรารถนาที่จะสาดน้ำกรดใส่ ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวเหล่านี้น่าเกลียดน่ากลัว ตามรอยเท้าของตนเองไป
ยิ่งไปกว่านั้นการที่ทำให้ผู้หญิงที่งดงามเหล่าเสียโฉมนั้น มันก็เป็นความสุขของเธอเช่นกัน
“น้องสอง เจ้าเด็กนั่นอยู่ที่ใดหรือ?”
พี่ใหญ่ฟางกุ่ยมองไปที่น้องสองเหมาปู้ ในช่วงเวลานี้ดวงตาของเขาเผยให้เห็นถึงความโหดเหี้ยม
“พี่ใหญ่ คงจะอยู่ในทางทิศตะวันออก ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขาได้เดินทางไปไกลแค่ไหน ทว่าในระหว่างทางจะต้องมีร่องรอยของเขาหลงเหลืออยู่อย่างแน่น เขาไม่สามารถที่จะหลบหนีไปได้”
เหมาปู้ยิ้มออกมา เขานั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์จมูกไล่ลมเท่านั้น ทว่าเขานั้นก็เคยฝึกฝนอยู่ในกองทัพมาก่อน เชี่ยวชาญในด้านทักษะการแกะรอยต่างๆ
ภายในยุทธภพนั้นเขาถูกเรียกว่าเป็นสุนัขไล่ล่า เมื่อใดที่ถูกเขาเพ่งเล็ง นอกจากความตายนั้น ก็ไม่มีทางที่จะรอดออกไปได้อย่างแน่นอน
“เอาล่ะ ไล่ตามเจ้าเด็กนั่นไปทันที”