Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 204 โจวเย่นชิวผู้ตื่นตระหนก ยาออกฤทธิ์แล้ว

จากนั้นเฉินตงก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

คุนหลุนและกูหลังที่กำลังอยู่ในระหว่างการต่อสู้อันดุเดือด ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้สึกโกรธแค้นจนถึงขีดสุด

“คุณชาย !”

กริชที่เดิมทีควรจะแทงเข้าไปที่หลังของฉู่เจียนเจีย แต่ในช่วงเวลาสำคัญ ด้วยการพลิกตัวกลับอย่างฉับพลันของเฉินตง ทำให้กริชแทงเข้าไปที่หลังของเฉินตงอย่างแม่นยำในทันที

ขณะที่เลือดสีแดงสดกำลังพุ่งทะลักออกมา เฉินตงพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มี เพื่อที่จะอุ้มฉู่เจียนเจียหลบออกไป

แต่ทันใดนั้นก็ถือมือขนาดใหญ่บีบเข้าที่คออย่างรุนแรง

ในขณะเดียวกัน เฉินตงก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า กริชที่ปังอยู่ด้านหลังเล่มนั้นกำลังขยับอย่างรุนแรง

“ไปสิ !”

จู่ๆ ฉู่เจียนเจียซึ่งมีท่าทีเย็นชาก็ตะโกนออกมา

ผู้หญิงที่ดูบอบบางอย่างเธอ จู่ๆกลับกำหมัดแล้วต่อยเข้าไปที่หน้าของนักฆ่าอย่างแรง

นักฆ่าร้องครวญครางออกมา แล้วเดินโซเซถอยหลังไป

ตอนนี้เอง คุนหลุนและกูหลังก็วิ่งตามมาสมทบในที่สุด

“กูหลัง คุ้มกันคุณชายออกไป !”

คุนหลุนวิ่งตรงเข้าไปอย่างบ้าคลั่งราวกับสัตว์ร้าย แล้วกอดเอวของนักฆ่าจากนั้นจึงยกเขาจนตัวลอย

เขาจับนักฆ่าคนนั้นหมุน แล้วโยนไปที่กลุ่มนักฆ่าราวกับท่อนไม้

ตุ้บๆๆ…..

มีเสียงดังต่อเนื่องกันเกิดขึ้น

นักฆ่าสิบกว่าคนต่างตกตะลึงกับการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งของคุนหลุน จนกระทั่งค่อยๆ ถอนร่นออกไป

อาศัยช่วงจังหวะนี้

กูหลังรีบแบกเฉินตงขึ้นไปบนหลัง และพาฉู่เจียนเจียวิ่งออกไปจากเทียนเก๋อ

“คุณหนูฉู่ พาคุณชายของผมไปที ผมจะคอยระวังหลังให้ !”

หลังจากวางเฉินตงลง กูหลังก็วิ่งกลับเข้าไปในเทียนเก๋อโดยไม่หันหลังกลับมามองอีก

“กูหลัง……”

เฉินตงใบหน้าซีดเผือด เขากระซิบออกมาเบาๆ อย่างอ่อนแรง

“ไป !”

ฉู่เจียนเจียกลับพูดออกมาอย่างเย็นชาเพียงแค่หนึ่งคำ พร้อมทั้งกับริมฝีปากสีแดงระเรื่อของเธอ

ร่างกายที่บอบบางของเธอ ค่อยๆ แบกเฉินตงขึ้นไปไว้บนหลังอย่างยากลำบาก จากนั้นจึงรีบวิ่งออกจากหมู่ตึกยู่ ฉวนในทันที

ตอนนี้เอง

จางหยู่หลันและคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเองก็รีบวิ่งออกมาจากเทียนเก๋ออย่างปลอดภัย

เมื่อเห็นศพมากมายที่นอนเรียงรายอยู่บนพื้นด้านนอกเทียนเก๋อ สองปู่หลานก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาพร้อมกัน

พวกเขาหันกลับไปมองการต่อสู้อย่างดุเดือดที่กำลังเกิดขึ้นในเทียนเก๋อ

“หยู่หลัน เอาชีวิตรอดสำคัญที่สุด !”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางลากจางหยู่หลันวิ่งออกไปด้านนอกโดยไม่หันกลับมามองอีก

ภานในเทียนเก๋อ

คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

ทั้งเสียงโห่ร้องและเสียงครวญครางดังต่อเนื่องไม่หยุด

ตอนที่โจวเย่นชิวนำกำลังของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่ตึกยู่ฉวนมาถึงเทียนเก๋อ

บนพื้นก็มีศพนอนจมกองเลือดอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้โจวเย่นชิวรู้สึกขนลุกและตัวสั่นไปทั้งตัว

อีกทั้งตอนนี้ เหตุการณ์ในเทียนเก๋อดูเหมือนจะสงบลงจนเป็นปกติแล้ว

กลิ่นคาวเลือดลอยคละคลุ้งเตะจมูกจนทำให้รู้สึกอยากจะอาเจียน

โจวเย่นชิวยืนนิ่ง มองเข้าไปในเทียนเก๋อด้วยความตกตะลึง ภายใต้แสงสว่างของโคมไฟ ทำให้เขาสามารถเห็นรอยเลือดที่สาดกระเซ็นอยู่เต็มไปหมด พร้อมทั้งศพที่นอนเรียงรายอยู่จำนวนมาก

เขาตัวสั่นและรู้สึกอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว

ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าท้องฟ้าถล่มลงมา

โจวเย่นชิวกับฟันและกำหมัดแน่น เขาค่อยๆ เดินนำเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้าไปในเทียนเก๋อ

ในตาของเขามองเห็นสภาพที่น่าเวทนา

ศพจำนวนสิบกว่าศพนอนจมกองเลือดอยู่

เลือดถึงขั้นไหลออกมาเป็นกอง จนมาติดอยู่ที่เท้า

“มา ช้าขนาดนี้เลยหรือ ?”

จู่ๆ น้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาก็ดังขึ้น

ทำให้โจวเย่นชิวและบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตกใจจนตัวสั่นพร้อมกัน

เมื่อหันไปมอง

มีคนสองคนกำลังนั่งพิงเสาอยู่บนพื้นดินท่ามกลางกองเลือด

ซึ่งก็คือคุนหลุนและกูหลัง

ตอนนี้ร่างกายของทั้งสองได้รับบาดเจ็บและฟกช้ำ คุนหลุนมีเลือดอาบอยู่ทั่วตัว เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็ขาดรุ่งริ่ง

ส่วนกูหลังมีบาดแผลอยู่ที่หน้าอกซึ่งยังคงมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด สีหน้าซีดเผือด แต่แววตากลับฉาบประด้วยประกายของความกระหายเลือด

ทั้งสองจ้องมองไปที่โจวเย่นชิวพร้อมกัน

แววตากระหายเลือด ทำให้โจวเย่นชิวรู้สึกหนาวจนขนลุก ราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง

“คุณ คุณเฉินล่ะ ?”

คุนหลุนและกูหลังหันมองหน้ากันแล้วไม่พูดอะไร

โจวเย่นชิวรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที เขากระทืบเท้าอย่างแรง : “ไม่ ฉันไม่ได้เป็นคนทำ ! ฉันจะจัดฉากลอบฆ่าคุณเฉินแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร !”

ขณะที่กำลังพูดอยู่นั้น โจวเย่นชิวก็รู้สึกวิตกกังวลจนน้ำเสียงของเขาสั่นเครือ

เรื่องเกิดขึ้นในหมู่ตึกยู่ฉวน นี่เป็นอาณาเขตของเขา

ถ้าไม่สามารถคลายข้อสงสัยได้ในทันที

เรื่องในคืนนี้ คงพอที่จะทำให้เขาต้องจบชีวิตลงอย่างแน่นอน !

คุนหลุนและกูหลังแสยะยิ้มออกมาแต่ก็ไม่พูดอะไร

โจวเย่นชิวคงไม่มีความกล้ามากขนาดนี้

แต่ตอนนี้ทั้งสองใช้พละกำลังที่มีไปจนหมดสิ้นแล้ว เฉินตงเองก็ถูกฉู่เจียนเจียพาตัวไปแล้ว พวกเขาจึงไม่อาจรับประกันได้ว่า หากพูดมากเกินไป จะทำให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีกหรือไม่

โจวเย่นชิวเกาหัวด้วยความวิตกกังวล

“ไปหา ไปหาให้เจอเดี๋ยวนี้ ! ต่อให้พวกแกต้องตาย ก็ต้องพาคุณเฉินกลับมาให้ฉันให้ได้ !”

โจวเย่นชิวหันไปมองคุนหลุนและกูหลังด้วยความโมโห : “รีบส่งพวกเขาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ปิดข่าวทุกอย่างให้เงียบ เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ รีบสืบสวนให้ฉันทันที !”

เหตุการณ์เกิดขึ้นในสถานที่ของเขา เขาไม่เพียงแต่จะต้องรีบคลายข้อสงสัยในตัวเขาให้หมดไปในทันทีเท่านั้น แต่เขายังต้องสืบหาความจริงให้กระจ่างเพื่อรายงานต่อเฉินตงและตระกูลเฉินอีกด้วย

โจวเย่นชิวร้อนใจจนตาแดงก่ำ เขาโกรธจนแทบอยากเอาหัวชนฝา

เพิ่งจะมอบ Tears of the Blue Sea ให้แก่เฉินตงไปหนึ่งเม็ดแท้ๆ เพียงชั่วพริบตา กลับเกิดเรื่องแย่ๆ เช่นนี้ขึ้นอีก ?

ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน

หมู่ตึกยู่ฉวนเต็มไปด้วยเหตุการณ์สยองขวัญ

ราวกับความเงียบสงบที่เกิดขึ้นก่อนที่พายุใหญ่กำลังจะมา เป็นสภาพที่กดดันจนทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก

ภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงัด ระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดภายในหมู่ตึกยู่ฉวนทำงานอย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้คำสั่งของโจวเย่นชิว

……

บนทางหลวงในเขตชานเมือง

รถพอเชอร์911สีแดง มุ่งหน้าเข้าไปในเมืองด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า

ภายในรถมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มไปหมด

เฉินตงนั่งพิงเบาะอย่างอ่อนแรง เขาเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ได้ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด ในทางกลับกัน ใบหน้าของเขากลับแดงขึ้นอย่างผิดปกติ

ดวงตาของเขาเหลือบมองฉู่เจียนเจียที่กำลังมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการขับรถ

เบาะรถเปียกชุ่มไปด้วยเลือด แต่เฉินตงในตอนนี้ กลับดูเหมือนไม่รู้สึกตัวอย่างน่าประหลาด

ฉู่เจียนเจียที่สัมผัสได้ถึงแววตาที่ผิดปกติของเฉินตงที่มองมา ทำให้ท่าทีที่เย็นชาของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน

เธอเอ่ยปากพูดออกมา : “อดทนอีกนิดนะ อดทนอีกนิดเดียวก็จะถึงโรงพยาบาลแล้ว”

ต่อให้เป็นคนที่ดูเย็นชาเช่นเธอ น้ำเสียงที่พูดในตอนนี้ก็ยังเกิดความสั่นเครือขึ้นเล็กน้อย

แต่เฉินตงกลับไม่ตอบอะไรกลับมา

ฉู่เจียนเจียจึงเหลือบไปดูกระจกมองหลังด้วยความกังวลใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตามมา ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ

ใบหน้าอันงดงามของเธอ ปรากฏความกลัวขึ้นเล็กน้อย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ช่างอันตรายเกินไปจริงๆ

ถึงขั้นอาจต้องตายอย่างอนาถในที่เกิดเหตุได้

ที่เธอยังคงประคองสติอารมณ์ให้สงบนิ่งอยู่ได้ เป็นเพราะบุคลิกส่วนตัวตั้งแต่เล็กจนโตของเธอ ประกอบกับการปลูกฝังเลี้ยงดูของครอบครัว

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะไม่กลัว

“ทำ ทำไม ถึงช่วยผม ?”

จู่ๆ เฉินตงก็พูดออกมาเบาๆ

ร่างกายของฉู่เจียนเจียสั่นเทา แววตาของเธอสั่นไหว เธอส่ายหัวแล้วพูดว่า : “ไม่รู้เหมือนกัน แต่สภาพของคุณในตอนนั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ฉันจึงเอาตัวเองเข้าไปขวางมีดเพื่อช่วยคุณตามสัญชาตญาณ”

“ผม ถูกวางยาแล้ว”

เฉินตงไม่ใช่คนโง่ ต่อให้เป็นเหล้าที่มีฤทธิ์รุนแรงกว่านี้ ก็ไม่สามารถทำให้เขาตกอยู่ในสภาพอย่างเช่นนี้เป็นอยู่ตอนนี้ได้

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยดื่มจนเมา ความรู้สึกของการเมาเหล้า ต่อให้เมาจนขาดสติเขาก็รู้ดี

อาการวิงเวียนศีรษะ ขาดสติสัมปชัญญะ แขนขาอ่อนแรง

ถึงขั้นในท้องของเขาจะรู้สึกร้อนผ่าว ราวกับมีไฟลุกโชนอยู่ภายในร่างกาย จนลามขึ้นไปถึงใบหน้า

ถ้าไม่ใช่ถูกวางยาหรือถูกพิษ จะเป็นอะไรไปได้ ?

“วางยา ?”

ฉู่เจียนเจียพูดออกมาด้วยความตกตะลึง

หมับ !

ทันใดนั้น มือใหญ่ของเฉินตงก็วางลงไปบนต้นขาของฉู่เจียนเจีย

ฉู่เจียนเจียสวมเครื่องแต่งกายแบบนักธุรกิจของ OL ดังนั้นขาทั้งสองข้างของเธอ นอกจากจะมีกระโปรงคอยปิดบังเอาไว้อยู่ ก็มีเพียงแค่ถุงน่องบางๆ อีกเพียงหนึ่งชั้นเท่านั้น

ขณะที่มือใหญ่ของเฉินตงสัมผัสลงไป ทำให้หน้าของเธอถอดสีทันที เป็นความรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต

ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในอาการตกใจ ทันใดนั้น มือใหญ่ของเฉินตงก็ค่อยๆ……

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset