Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา – ตอนที่ 137 เกาะผู้หญิงกิน ?

บทที่ 137 เกาะผู้หญิงกิน ?

ไม่มีคำพูดใดๆ ตลอดทั้งคืน

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น มีการต่อแถวยาวเหยียดบริเวณด้านหน้าศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งอีกครั้ง

สื่อมวลชนที่มารออยู่ตั้งแต่เช้า ต่างจัดเตรียมอุปกรณ์ทำข่าวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

วิกฤตการณ์คืนบ้านของไท่ติ่ง ดึงดูดความสนใจของคนทั้งเมือง

นี่คือข่าวใหญ่ที่ไม่ควรพลาดแม้แต่วินาทีเดียว !

ในศูนย์กลางที่ทำการขายของหลงถิงฮัวหยวน พนักงานกลุ่มหนึ่งของไท่ติ่ง กำลังมองแถวยาวเหยียดด้านนอกด้วยความหดหู่

พวกเขาถึงขั้นสามารถคาดการณ์ได้ว่า ผู้ซื้ออีก 30 % ที่เหลือจากเมื่อวาน จะต้องมาคืนบ้านในวันนี้อย่างแน่นอน

เมื่อนึกถึงโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่หลงถิงฮัวหยวนสามารถขายหมดภายในระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ทุกคนแทบไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกโศกเศร้าเอาไว้ได้เลย

หลังจากที่ผ่านพ้นวันนี้ไป ไท่ติ่งไม่เพียงแต่จะต้องร่วงลงไปสู่จุดเดิมเท่านั้น แต่อาจถึงขั้นต้องจมดิ่งลงไปในเหวอีกด้วย !

“เฮ้ พวกคุณจะเปิดทำการเมื่อไหร่เนี่ย ?”

ยังไม่ถึงเวลาทำงาน บรรดาคนที่ต่อคิวอยู่ต่างก็เร่งเร้าด้วยความร้อนใจ

“ทุกคนอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว ยังคิดจะถ่วงเวลาอะไรอีก ? ไท่ติ่งของพวกคุณคงไม่ได้กำลังนึกเสียใจอยู่หรอกใช่ไหม ?”

“ประธานเฉินของไท่ติ่งรับปากกับพวกเราด้วยตัวเองว่าจะรับคืน แล้วตอนนี้จะไม่ยอมให้คืนแล้วหรือยังไง ?”

“สื่อมวลชนทั้งหลาย พวกคุณรีบมาถ่ายเร็วเข้า รีบเปิดโปงความผิดของไท่ติ่งออกไป พวกเขาจะไม่ยอมให้พวกเราขายบ้านคืนแล้ว”

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝูงชนที่กำลังรอขายบ้านคืนอยู่ บรรดาสื่อมวลชนต่างก็ฝืนยิ้ม

นี่มันเกี่ยวอะไรกันด้วยเนี่ย ?

ยังไม่ถึงเวลาทำการ บรรดาพนักงานมาถึงแล้วก็ต้องเตรียมการทำงานล่วงหน้าก่อน

แล้วทำไมจู่ๆ ถึงกลายเป็นว่าไม่ยอมให้คืนบ้านไปได้ ?

คนที่ยืนอยู่หน้าสุดของแถว เป็นชายสูงอายุหัวโล้นคนหนึ่ง

เมื่อเห็นพนักงานที่อยู่ในศูนย์กลางที่ทำการขายไม่ขยับเขยื้อน เขาก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

เขาเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงชูกำปั้นขึ้นแล้วเริ่มทุบประตู

ปัง ปัง ปัง……

“พวกแกนี่มันกินเสียข้าวสุกกันหรือยังไง ? ยังจะให้พวกเรารออีกนานเท่าไหร่ ? ถ้าไม่ยอมให้คืนบ้านก็พูดมาตรงๆ พวกเราจะได้ไปดำเนินการทางกฎหมาย !”

เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ก็มีเสียงของคนในแถวทั้งหมดดังสมทบขึ้นมา

ภายในศูนย์กลางที่ทำการขายหลงถิงฮัวหยวน

พนักงานขายและพนักงานอื่นๆ อีกหลายคน ต่างก็หันไปมองชายหนุ่มคนหนึ่ง

“หัวหน้า จะทำอย่างไรดี ?”

ชายหนุ่มก้มหน้าถอนหายใจ : “เปิดเถอะ ยังไงเสียประธานเฉินก็มีคำสั่งลงมาแล้วว่า คนที่ต้องการจะขายคืนให้รับไว้ทั้งหมด ยอดขายของพวกเราหลงถิง เป็นเพราะได้รับการอวยพรจากประธานเฉิง จึงสามารถทำเงินได้มากมายขนาดนี้ ตอนนี้ประธานเฉินต้องเผชิญหน้ากับเรื่องแบบนี้ สิ่งที่พวกเราพอจะทำได้ก็คือพยยามทำงานอย่างสุดความสามารถ”

พนักงานขายสองคนพยักหน้า จากนั้นจึเดินไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว

ขณะที่ประตูเพิ่งเปิดออก ชายหัวโล้นก็เดินอวดเบ่งเข้ามาด้านใน จากนั้นจึงเหลือบมองพนักงานขายทั้งสองคน : “ถ้าไม่อาละวาดเสียบ้าน พวกแกคงคิดว่าผู้ซื้ออย่างพวกเราไม่รู้อีโหน่อีเหน่ล่ะสิ ?”

ยังไม่ทันจะพูดจบ

คนที่ต้องการขายบ้านคืนที่ต่อแถวอยู่ด้านหลังต่างก็กรูกันเข้ามาเหมือนนกกระจอกแตกรังทันที

เสียงดังอึกทึกคึกโครมและเบียดเสียดแออัดกันไปหมด

ทำให้บรรยากาศในศูนย์กลางที่ทำการขายเหมือนกับตลาดนัดยามเช้าในทันที

ไม่ช้า ชายหัวโล้นก็ดำเนินการขายบ้านคืนจนแล้วเสร็จ เขาถือสัญญาคืนบ้านเอาไว้ แล้วพยายามแทรกตัวออกจากฝูงชน

ขณะที่เดินออกจากศูนย์กลางที่ทำการขาย เขาใช้แรงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วหัวเราะพลางพูดออกมาอย่างตื่นเต้นว่า : “ให้ตายเถอะ รอดแล้ว ในที่สุดก็รอดแล้ว คนอย่างฉันเอาเงินมาซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไรเท่านั้น จะปล่อยให้ขาดทุนได้อย่างไร ? ประธานเฉินของไท่ติ่งนั่นแหละที่โง่ โง่กว่าเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์พวกนั้นเสียอีก !”

ขณะที่ศูนย์กลางที่ทำการขายอสังหาริมทรัพย์ทั้งสี่แห่งกำลังรับคืนบ้านอยู่นั้น

ภายในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งก็อยู่ในบรรยากาศหดหู่

พนักงานทั้งหมดไร้ซึ่งชีวิตชีวา และวิตกกัวงวล

บางคนมีเส้นเลือดสีแดงปรากฏขึ้นในดวงตาเต็มไปหมด แสดงให้เห็นว่าไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน

เสี่ยวหม่าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

เขาเป็นคนที่เฉินตงสนับสนุนขึ้นมา และเป็นเพราะเฉินตง เขาถึงประสบความสำเร็จอย่างเช่นทุกวันนี้

เขาจึงมีความผูกพันลึกซึ้งกับทั้งไท่ติ่งและเฉินตง

แต่ตอนนี้ ไท่ติ่งเกิดวิกฤตครั้งใหญ่เช่นนี้ขึ้น ทำให้ความรู้สึกโศกเศร้าเสียใจของเขา คงจะเป็นรองเพียงแค่เฉินตงคนเดียวเท่านั้น

เสี่ยวหม่าสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องทำงานของเฉินตง

สิ่งที่เสี่ยวหม่าคิดไม่ถึงก็คือ เฉินตงกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์และคอยตรวจสอบข้อมูลที่เป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา ด้วยท่าทีที่ไม่ยินดียินร้าย และไม่สะทกสะท้านเหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด

“พี่ตง……” เสี่ยวหม่าตะโกนเรียกเบาๆ “พี่สามารถพูดกับผมได้นะ แบกรับทุกอย่างเอาไว้คนเดียวแบบนี้ มันไม่ดีต่อสุขภาพของพี่เอง”

เห็นได้ชัดว่า เสี่ยวหม่าไม่คิดว่าเฉินตงจะเป็นอย่างเช่นเมื่อก่อน ที่มีแผนการอยู่ในใจ จึงได้แสดงท่าทีสงบนิ่งออกมา

แต่สิ่งที่แสดงออกมาตอนนี้ เพียงเพื่อต้องการให้จิตใจสงบเท่านั้น และเพื่อต้องการแบกรับเรื่องทุกอย่างเอาไว้เพียงลำพัง

“เหลืออีกแค่ 10% แล้ว”

เฉินตงชี้ไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วยิ้มออกมาอย่างหดหู่

เสี่ยวหม่าพูดอย่างแน่วแน่ว่า : “ไม่เป็นไรครับพี่ตง อย่างมากพวกเราก็แค่ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่ ยังไงเสียผมก็ยังอยู่กับพี่ !”

ใบหน้าของเสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยความสงสัย

นี่พี่ตงกดดันจนกระทั่งอารมณ์แปรปรวนไปแล้วหรืออย่างไร ?

ตัวอย่างเช่นนี้ใช่ว่าไม่เคยมีให้เห็น หลังจากที่คนรับแรงกดดันจนถึงขีดจำกัด อารมณ์ก็จะแปรปรวนอย่างรุนแรง

เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนโอ่งที่ระเบิดออก

แต่หลังจากที่ถูกเฉินตงจ้องมอง เขาจึงค่อยๆ นั่งลงข้างๆ อย่างเชื่อฟัง จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดูข่าว

ยิ่งดู คิ้วของเสี่ยวหม่าก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้น และเกิดความทุกข์ขึ้นในใจ

ข่าวทุกเรื่องเกี่ยวข้องกับไท่ติ่งทั้งหมด !

ถึงขั้นว่า ไม่เพียงแค่สื่อในเมืองนี้เท่านั้น แม้กระทั่งโซเชียลมีเดียระดับประเทศอย่างเว่ยป๋อ ก็มีภาพของไท่ติ่งปรากฏอยู่ด้วย

มีทั้งคำพูดเสียดสี มีทั้งคำพูดเยาะเย้ย มีคำพูดที่แสดงให้เห็นว่ากำลังมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น รวมไปถึงมีคนจำนวนมากที่ก่นด่าว่าเจ้าของบริษัทไท่ติ่งนั้นโง่สิ้นดี

เสี่ยวหม่าเลื่อนข่าวเพื่ออ่านไปพลางและกัดฟันด้วยความโมโหไปพลาง

ทันใดนั้น

มีข่าวใหม่ปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอโทรศัพท์

เสี่ยวหม่าตัวสั่นทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างจนถึงขีดสุด !

หนึ่งในข่าวที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ มีข่าวหนึ่งที่ถูกเน้นข้อความสีแดงและจัดไว้ด้านบนสุด

“บริษัทชิงหยิ่นออกประกาศอย่างเป็นทางการว่า ประธานกู้โก๋ฮั๋วระลึกถึงบ้านเกิด จึงต้องการที่จะเข้ามาลงทุนทางภาคตะวันตกของเมืองนี้ !”

นี่ นี่เป็นไปไม่ได้ ?

เสี่ยวหม่าหน้าถอดสี หัวใจเต้นระส่ำไม่เป้ฯจังหวะ

บริษัทชิงหยิ่น ถือเป็นบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ !

ถ้าหากไม่ใช่เพราะในข่าวมีการนำเสนอชื่อของประธานบริษัทชิงหยิ่นเอาไว้บนหัวข้อข่าวแล้วล่ะก็ เสี่ยวหม่าคงจะถึงขั้นที่คิดว่าบริษัทชิงหยิ่นที่พูดถึงนี้ คงจะไม่ใช่บริษัทชิงหยิ่นที่เขารู้จักบริษัทนั้นแน่นอน !

ขณะที่กำลังตื่นเต้นอยู่นั้น เสี่ยวหม่าก็รีบเปิดเข้าไปดูเนื้อหาข่าวโดยเร็ว

แววตาของเขาเป็นประกาย กวาดสายตาอ่านเนื้อหาข่าวอย่างรสดเร็ว

ยิ่งอ่าน แววตาของเขาก็ยิ่งเป็นประกายมากขึ้น จังหวะการหายใจของเขาก็เร็วขึ้น ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ถึงขั้นว่า สุดท้ายร่างกายของเขาก็เริ่มสั่น

“เสี่ยวหม่า นายเป็นอะไรไป ?” เฉินตงเห็นเสี่ยวหม่ามีท่าทีแปลกๆ จึงขมวดคิ้วถาม

ตุ๊บ !

ตัวของเสี่ยวหม่าสั่นเทา จนโทรศัพท์หล่นลงไปอยู่ที่พื้น

แต่แทนที่เขาจะก้มลงไปหยิบโทรศัพท์ เขากลับลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว

แล้วพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นและดีใจว่า : “พี่ พี่ตง…… บริษัท บริษัทของพวกเรามีทางรอดแล้ว !”

มีทางรอดแล้ว ?

เฉินตงทำหน้าสงสัย ตอนนี้ทางฝั่งตระกูลเฉินยังไม่ได้ข้อสรุปออกมา

เขากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะยื้อเวลาเอาไว้

แล้วไท่ติ่งจะมีทางรอดได้อย่างไร ?

เสี่ยวหม่าเห็นเฉินตงมีท่าทีสงสัย จึงรีบก้มเก็บโทรศัพท์ขึ้นมา จากนั้นจึงวิ่งเข้าไปหาเฉินตงด้วยความตื่นเต้น

“ดูนี่สิ บริษัทชิงหยิ่น……พวกเขา พวกเขาวางแผนที่จะเข้ามาลงทุนทางภาคตะวันตกของเมือง ! อีกทั้งยังเหมือนกับที่ยี่เคอ กรุ๊ปเคยประกาศเอาไว้ตอนต้นอีกด้วย คือจะสร้างศูนย์รวมการค้า CBD ขนาดใหญ่ ราคาอสังหาริมทรัพย์ทางภาคตะวันตกของเรา……รักษาเสถียรภาพเอาไว้ได้แล้ว !”

เป็นเพราะเสี่ยวหม่ารู้สึกตื่นเต้นจนเกินไป แม้กระทั่งเสียงของเขาก็พลอยสั่นไปด้วย

เปรี้ยง !

เฉินตงเหมือนถูกฟ้าผ่า

จู่ๆ สมองของเขาก็ว่างเปล่า

บริษัทชิงหยิ่น ถือเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่มาก !

แต่เมื่อเขาเห็นชื่อประธานบริษัทปรากฏขึ้นบนเนื้อข่าวแล้วนั้น สีหน้าของเขาก็เริ่มดูซับซ้อนและแปลกประหลาดขึ้นมาทันที

นี่……เหมือนเขากำลังเกาะผู้หญิงกินเลย ?

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

Winner is king ผู้ชนะเลิศคือราชา

บทนำ เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม เรื่องย่อ “ขอโทษครับคุณเฉิน ระยะมะเร็งตับของแม่ของคุณ…..” มองคุณหมอที่อยู่ตรงหน้าส่ายหน้า เฉินตงมึนงงไปชั่วขณะ ในพริบตาดวงตาก็กลายเป็นสีแดง ตั้งแต่เล็กจนโต เขากับแม่พึ่งพาอาศัยกัน เพื่อที่จะส่งให้เขาเรียนหนังสือ แม่ทำงานจนป่วย ไม่ทันที่จะได้สะดวกสบาย ก็ตกลงมาอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้แล้ว “คุณหมอ ขอร้องล่ะครับ ช่วยแม่ผมด้วย แค่หนทางสักนิดก็ไม่มีแล้วเหรอครับ?” เสียงของเฉินตงแหบแห้งยังมีเสียงสะอื้นปนอยู่ คุณหมอลังเลอยู่ชั่วครู่ กล่าวขึ้น “ยังมีวิธีสุดท้ายอยู่ ก็คือทำการเปลี่ยนถ่ายตับ ตอนนี้ทางแพทย์มีของอยู่พอดี…..” ชะงักไปชั่วครู่ เขาก็มองเฉินตงตั้งแต่หัวจรดเท้า การรักษาที่ยาวนาน ทำให้เขารู้สถานการณ์ตอนนี้ของเฉินตงดี แต่ เขาก็ยังพูดออกมา “แต่ว่า…..ค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลยนะครับ อย่างน้อยๆในช่วงแรกก็ประมาณสองแสน” สองแสน? ดวงตาของเฉินตงวาววับ รีบจับมือของคุณหมอเอาไว้ “รักษา จะต้องรักษานะครับ ผมยังมีอีกสองแสน!” เงินไม่มีแล้วยังหาได้ แต่ว่าไม่มีแม่แล้ว ก็ไม่สามารถหาได้อีกแล้ว “อย่างนั้นคุณก็รีบๆรวบรวมเงิน ถ้าเกิดว่ายังประวิงเวลาออกไปอีก วิธีปลูกถ่ายตับก็หมดหนทางแล้ว” นายแพทย์พยักหน้า ถอนหายใจครั้งหนึ่งแล้วก็หมุนตัวจากไป เดินออกมาจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามีฝนเม็ดเล็กๆโปรยลงมา เฉินตงรีบร้อนกลับบ้าน ภรรยา หวางหนันหนันกำลังนอนเอกเขนกดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟา แถมในปากยังกินขนมมันฝรั่งทอดอยู่อีกด้วย เธอเหลือบมองเฉินตง หวางหนันหนันว่าขึ้น “แม่ดีขึ้นบ้างไหม?” “หมอบอกว่า ถ้าเกิดว่าสามารถเข้ารับการปลูกถ่ายตับได้ ก็ยังมีทางรักษา” เฉินตงพูดขึ้นอย่างดีใจราวกับคว้าเอาหญ้ากอสุดท้ายที่ใช้รักษาชีวิตเอาไว้ได้ “ต้องใช้สองแสน ยังดีที่บ้านของเรายังพอมีอยู่ แม่ยังมีโอกาสอีกครั้งหนึ่ง” พูดไป เขาก็หมุนตัวเข้าไปหยิบเอาบัตรธนาคารในห้อง ในพริบตาสีหน้าของหวานหนันหนันก็เปลี่ยนไป รีบร้องขึ้น “เฉินตง คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เฉินตงเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้ หมุนตัวหันกลับมามองหวางหนันหนัน “เงินล่ะ?” หวางหนันหนันวิตกกังวล อึกๆอักๆไม่พูดออกมา “เอาไปให้ที่บ้านคุณอีกแล้วเหรอ?” เฉินตงเลิกคิ้ว รอยยิ้มที่แสดงออกมานั้นช่างดูขมขื่นจนหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ ฝีเท้าของเขาก้าวลงไปนั่งบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง หยิบซองบุหรี่ที่ยับยู่ยี่ออกมา “แช๊ะ” จุดบุหรี่มวนนึงขึ้น ดูดบุหรี่เข้าปอดแรงๆ ทิ้งร่างนอนพาดอยู่บนโซฟา แต่งงานมาสามปี เรื่องซ้ำ ๆเดิม ๆ และมันไม่ใช่ครั้งแรก “หนันหนัน นี่เป็นเงินที่เอาไว้ใช้รักษาแม่ผม” เฉินตงพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า “ขอคืนมาได้ไหม?” “ขอคืนมา?” คิ้วของหวางหนันหนันกระตุกขึ้น ตวาดออกมาเสียงแหลม “เฉินตง คุณหมายความว่ายังไง? ฉันเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ฉัน จะมีหน้าที่ไหนไปขอกลับมาห้ะ?” เฉินตงข่มสีหน้าและอารมณ์ให้เย็นลง แล้วว่าขึ้น “โรงพยาบาลบอกว่าตอนนี้มีตับที่เข้ากันได้อยู่พอดี ถ้าสามารถเอาเงินไปให้โรงพยาบาลได้ในทันที โรงพยาบาลก็สามารถที่จะเริ่มทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับให้แม่ผมได้เลย จากสถานการณ์ของแม่ผมในตอนนี้ คงจะทนได้อีกไม่นาน” “ฉันไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณเอง คุณก็ไปหาทางเอาเอง” ในทันใดหวางหนันหนันก็ร้องเริ่มร้องไห้เสียงดัง น้ำตาไหลนอง “ภายในเวลาสั้นๆผมจะไปหาเงินสองแสนมาจากไหน?” เฉินตงรู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิดออกมาแล้ว กึ่งหนึ่งคือการขอร้อง “หนันหนัน ช่วยผมครั้งหนึ่ง ขอคืนมาเถอะนะ แม่ของผมยังรอเงินสองแสนนั่นมาช่วยชีวิตอยู่นะ!” “เฉินตง! เงินนั่นให้แม่ฉันไปแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะไปขอกลับมา” หวางหนันหนันร้องไห้ไปแล้วทรุดนั่งลงบนพื้น ทั้งน้ำมูกทั้งน้ำตาไหลออกมา “แม่ของคุณก็กำลังจะตายอยู่แล้ว คุณยังจะเอาเงินไปผลาญทิ้งที่โรงพยาบาลอีก ตกลงคุณเคยคิดถึงครอบครัวพวกเราบ้างหรือเปล่า?” ร่างกายของเฉินตงสั่น ความโกรธมากระจุกรวมกันอยู่ที่ลำคอของเขา เขาหยิบโทรศัพท์ของหวางหนันหนันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “คุณไม่โทร ผมโทร!” ไม่รอให้หวางหนันหนันขัดขวาง สายโทรออกก็โดนรับสาย “แม่ครับ หนันหนันเพิ่งจะให้เงินแม่ไปสองแสนใช่ไหมครับ?” เฉินตงขอร้อง “ขอร้องล่ะครับช่วยคืนเงินสองแสนให้ผมได้ไหม นั่นเป็นเงินที่จะใช้รักษาแม่ผม แม่ผมท่านยังรอรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นะครับ” อีกฝั่งของสาย อยู่แม่ยายก็ตวาดขึ้น “เฉินตงแกพูดจาบ้าบออะไรออกมา? เงินนั่นเป็นเงินที่หนันหนันแสดงความกตัญญูต่อพวกเรา แกยังมีหน้าจะมาขอเงินกลับไปอีก? ในตอนนั้นหนันหนันอยากจะแต่งงานกับแก พวกเราก็ไม่เห็นด้วย จากสภาพของแก ก็เป็นเพราะหนันหนันหน้ามืดตามัวถึงได้ยอมแต่งงานกับแก” “ในตอนนี้หนักกว่านั้นอีก หนันหนันมีใจอยากจะกตัญญูต่อพ่อแม่ เอาเงินมาให้พวกเราสองคนใช้ ชายหงส์(ผู้ชายที่เกิดในบ้านยากจนและเข้ามหาวิทยาลัยโดยความพยายาม จบเรียนแล้วก็ดำเนินชีวิตที่เมือง)อย่างแกยังกล้าที่จะบากหน้ามาขอเงินกลับไป ฉันจะบอกแกให้นะ หวางเห้ากำลังจะแต่งงานแล้ว เงินนั่นพวกเราเตรียมจะเอาไปวางดาวน์ค่าบ้านงวดแรกให้หวางเห้า อยากได้เงิน? แค่แดงเดียวก็ไม่มี!” ปัง! สายตัดไปแล้ว เฉินตงแน่นิ่งไป แม่ยายนี่ฟังในสิ่งที่ฉันพูดไม่เข้าใจหรือยังไง? “เฉินตง คุณเป็นบ้าเหรอ?” หวางหนันหนันกระชากคอเสื้อของเฉินตงราวกับคนบ้า “คุณทำเรื่องบ้าๆแบบนี้ลงไปได้ยังไง ฉันเอาเงินไปให้พ่อแม่ฉัน ทำไมคุณต้องทำเหมือนมันฟ้ามันจะผ่าลงมาให้ได้?” เฉินตงมองหวางหนันหนันอย่างหดหู่ ดวงตาแดงก่ำ “ในสายตาของพวกคุณ ชีวิตของแม่ผม ยังไม่มีค่าเท่ากับเงินดาวน์บ้านงวดแรกของน้องชายคุณอย่างนั้นเหรอ?” “ไร้สาระ!” หวางหนันหนันปล่อยมือจากเฉินตง หยิบของในห้องขึ้นมาแล้วก็เขวี้ยงปาข้าวของจนเละเทะ ในพริบตา ห้องรับแขกก็รกและยุ่งเหยิงไปหมด หวางหนันหนันร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา “เฉินตงคุณมันคนใจดำ ตอนนั้นทำไมฉันถึงได้แต่งงานกับคุณนะ เพื่อแม่ของคุณ คุณทุ่มเททิ้งเงินไปตั้งเท่าไหร่แล้ว? ฉันยอมอดทนลำบากมากับคุณ แม้แต่บ้านที่อยู่ก็ต้องเช่า คุณเคยสงสารฉันบ้างไหม? เสี่ยวเห้าเป็นน้องชายของฉัน แล้วก็เป็นน้องของคุณด้วย เขากำลังจะแต่งงานแล้ว ฉันเป็นถึงพี่สาว จะช่วยฉันบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ?” “ช่วยคุณสักครั้ง?” เฉินตงโมโหสุดขีด “พวกเราแต่งงานกันมาสามปี คุณช่วยหวางเห้าไอ้สวะนั่นไปตั้งเท่ากี่ครั้งแล้ว? ไอ้สวะหวางเห้ามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบจนชีวิตไม่ก้าวหน้า ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านเกาะพ่อแม่กิน ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกคุณ!” “อย่ามาพูดถึงน้องชายฉันแบบนั้นนะ!” หวางหนันหนันใบหน้าบิดเบี้ยว ยืนชี้หน้าเฉินตงด้วยท่าทางป่าเถื่อนพร้อมพูดข่มขู่ เฉินตงพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “ทำไมถึงจะพูดไม่ได้? เรียนมหาลัยก็ไปทำคนอื่นท้อง เงินที่ชดใช้ก็เป็นเงินของผม เขาอยากจะซื้อรถก็เป็นผมที่จ่ายเงินซื้อให้เขา ในสามปีนี้ทั้งในที่ลับและที่แจ้งผมจ่ายเงินให้เขาไปตั้งเท่าไหร่? คุณมันปีศาจฝูตี้(ผู้หญิงที่มีน้องชายและต้องช่วยน้องชายในทุกด้านเพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับลูกชายมากกว่าลูกสาว) คุณต่างหากที่ไม่เคยคิดถึงครอบครัวของเรา!” “กรี๊ด! แกหุบปากเดี๋ยวนี้นะ” หวางหนันหนันหวีดร้องออกมาเสียงแหลม “แกหมายความว่ายังไง? แกไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้วใช่ไหม?” “พวกคุณเอาเงินที่จะใช้รักษาแม่ผมไปซื้อบ้านให้ไอ้สวะ ไม่สนใจไยดีแม่ผม คนที่ไม่อยากจะใช้ชีวิตร่วมกันต่อมันเป็นคุณต่างหาก!” เฉินตงยักไหล่ พูดออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “หย่ากันเถอะ!” หวางหนันหนันนิ่งไปในทันที “มึง มึงพูดว่าอะไรนะ?” แต่งงานมาสามปี ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉินตงไม่เคยพูดจาอะไรแบบนี้ออกมา “หย่ากันเถอะ” เฉินตงบอก “แต่งงานกับผมมันทำให้คุณลำบากมาก ผมเองก็ไม่เหมาะกับคุณ ครอบครัวนี้ของคุณ ผมแบกไม่ไหว” พูดจบ เขาก็หมุนตัวเดินออกไป เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยผัดวันประกันพรุ่ง สามปีที่ผ่านมา แต่ละครั้งที่อดทน ก็เป็นเพราะคิดว่าในตอนนั้นหวางหนันหนันแต่งกับเขา ความจริงแล้วก็นับว่าเธอยอมลดตัวลงมาแต่งกับเขา อีกอย่างหวางหนันหนันก็ยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขาบ้าง แต่ว่าครั้งนี้ ในที่สุดเขาก็อดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว รอจนเฉินตงออกไปจากบ้านแล้ว ในที่สุดหวางหนันหนันก็ได้สติ เธอรีบพุ่งตัวไปหยิบโทรศัพท์มาโทรหามารดาด้วยความวิตกและไร้สติ ร้องไห้ฟูมฟายแล้วว่าขึ้น “แม่…..เฉินตงอยากจะหย่ากับหนู” “ไอ้ชั่วนั่นอยากจะขอหย่ากับแก?” อีกฝั่งของสาย เสียงตวาดของมารดาดังขึ้น “หย่าก็หย่า! มันก็แค่ไอ้คนจน ยังจะกล้ายกหางตัวเองอวดเบ่ง คิดว่าตัวเองแน่นักนะ! เงินสองแสนสุดท้ายนั่นยังไงก็อยู่ที่พวกเราแล้ว มันจะหย่ากับแก อย่างนั้นก็สงเคราะห์มันไป ให้มันไปนั่งร้องไห้กับแม่แก่ใกล้ตายของมันไปเสีย” ณ ขณะนี้ เวลานี้ เฉินตงออกเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง ท้องฟ้าในตอนกลางคืน มีฝนเม็ดเล็กๆโปรยปรายลงมา ทำให้ตัวของเขาเปียกไปทั้งตัว เขาส่ายหัวอย่างกลัดกลุ้ม เอาเท้าเตะน้ำที่ขังนองอยู่ข้างทาง เงิน เงิน เงิน แม่งทะเลาะกันก็เพราะเงิน! ตอนนี้มีเรื่องกับตระกูลหวางจนต่อกันไม่ติดแล้ว กูแม่งจะไปหาเงินสองแสนนั่นมาจากไหนกันวะ? ฝืด……. ในเวลานี้ รถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมคันหนึ่งก็หยุดลงตรงข้างตัวของเฉินตง กระจกของรถถูกเลื่อนลง ชายชราคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดราชวงศ์ถังมีมองมาที่เฉินตงด้วยใบหน้าที่แต้มไว้ด้วยรอยยิ้ม “เป็นคุณชายเฉินตงใช่ไหมครับ? เชิญขึ้นรถครับ ไปโรงพยาบาลลี่จิงกับผม” คุณชาย ?! เฉินตงมองชายชราตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง นานนับชั่วขณะหนึ่งที่ชะงักไป ชายชรายิ้มออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ของคุณกำลังเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายตับอยู่ที่โรงพยาบาลครับ”

Options

not work with dark mode
Reset