ซ่งหรูอี้…..
ไม่สิ ตอนนี้ต้องเรียกว่าเย่หรูอี้หลังจากพูดชื่อ “ถังเฉา” นี้ออกมา สายตาของคนแก่ด้านหลังก็มีแสงสว่างแวบเข้ามา
เดิมทีใบหน้าที่นิ่งสงบ ตอนนี้ก็มีความตกใจปรากฏนิดหน่อย
เขาเคยได้ยินชื่อนี้แน่นอนอยู่แล้ว
และไม่เพียงแค่ครั้งเดียว!
ก่อนหน้านี้เขาเกือบจะได้เป็นสามีของคุณหนู
ได้ครอบครองหญิงสาวสวยงามระดับคุณหนู แต่กลับหนีงานแต่งในคืนวันแต่งงาน และให้คุณหนูแบกรับคำด่าที่ถูกเจ้าบ่าวทอดทิ้ง เลวร้ายสิ้นดีจริงๆ
แต่ว่า คุณหนูเหมือนจะมีความเด็ดเดี่ยวต่อชายหนุ่มที่ชื่อถังเฉาคนนี้
เหมือนจะเป็นความรัก แต่ก็เป็นความเกลียดมากกว่า
โกรธเกลียดเขา ที่ใจอ่อนในทุกๆครั้ง
“นี่คงจะเป็นความรักของคุณหนูสินะ ทั้งรักทั้งเกลียด เป็นความเศร้าโศก”
คนแก่แอบถอนหายใจในใจ มองดูเย่หรูอี้ที่ใบหน้าก็ยังคงมีรอยยิ้มด้วยสายตาซับซ้อน
“คุณหนูครับ แบบนี้มันจะคุ้มจริงหรอครับ? ผู้ชายเก่งๆมากมายบนโลก ทำไมคุณหนูถึงต้องจมอยู่กับเขาเพียงคนเดียวละครับ?”
“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคนๆนั้นกลายเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านตระกูลหลินไปแล้ว ผมเย่อู๋เหินคนนี้คงไปที่ตระกูลหลินเพื่อช่วยคุณหนูจับตัวเขามา!”
เย่หรูอี้หัวเราะเบาๆ “ลุงเย่คะ ให้อภัยที่หนูพูดตรง ผู้ชายบนโลกคนอื่น ผู้ที่สามารถเทียบกับเขาได้ ตัวเลขไม่เกินสองมือ สามารถสร้างความประทับใจอย่างลึกซึ้งให้กับหนูได้ ยิ่งต้องหักออกอีกครึ่ง”
“ในเมื่อไม่สามารถให้เขารักหนู งั้นก็ให้เขาเกลียดหนู ดีกว่าลืมกันและกันไป”
“อีกอย่าง ลุงเย่คะ คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เย่อู๋เหินสีหน้านิ่งขึ้นไปอีก และส่งเสียงหึออกมาทีหนึ่ง
ไม่ใช่คู่ต่อสู้งั้นหรอ?
ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งในห้าอันดับแรกของตระกูลหวงในเยี่ยนตู เย่อู๋เหินมีความหยิ่งผยองในตัวเอง
ไม่มองตัวเองสูงเกินไป และไม่มองคู่ต่อสู้ต่ำไป นี่คือการปฏิบัติหน้าที่ของเขา
ถังเฉาถูกคุณหนูชอบได้ แสดงได้ว่าตัวของเขาจะต้องมีความเก่งมากพอ
เก้าตระกูลใหญ่ในเยี่ยนตู ถังเฉาเพียงคนเดียวก็มีเรื่องกับตระกูลหลิน ตระกูลถัง ตระกูลฉิน ทั้งสามตระกูล แต่ยังมีชีวิตอยู่อย่างปกติดี สามารถพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของเขาได้มากพอ
แค่เพียงความใจกล้านี้ มองดูไปทั่วเยี่ยนตู จะมีคนหนุ่มกี่คนที่มีอยู่กัน?
“ถังเฉา อยากจะลองกับแกสักตั้งจริงๆ ดูสิว่าใครแกร่งกว่ากัน!”
เย่อู๋เหินพึมพำในใจ
“ลุงเย่คะ ไปกันเถอะ คนต้อนรับพวกเรามาแล้ว”
เย่หรูอี้ชี้ไปที่ผู้คนด้านหน้ามากมายและพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่อูเหินสีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมมากขึ้น
คุณหนูเพิ่งกลับเข้าสู่ตระกูลเย่
การเดินทางสู่เมืองเจียงเฉิงในครั้งนี้ คุณหนูแบกรับภาระไว้อย่างหนัก ทุกคนในตระกูลล้วนรอหัวเราะเยาะคุณหนู
หากไม่สำเร็จก็อาจจะต้องตาย!
ด้านหน้ามีคนมากมายรอต้อนรับ
มีนักธุรกิจเก่งกาจมากมายมาเพื่อขอร่วมธุรกิจด้วย
มีสถาบันดาราที่อยากใช้อิทธิพลของตระกูลเย่เพื่อขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น
แต่ว่า ที่มีอิทธิพลที่มากที่สุดก็ยังเป็นสองค่ายใหญ่
ประธานผู้รับผิดชอบสมาคมการค้าเจียงผิง เริ่นจวินตง
รวมทั้งหัวหน้าสมาคมการต่อสู้เมืองเจียงเฉิง หงเทียนหยา
สองค่ายใหญ่ครอบครองไปครึ่งหนึ่งของจำนวนคนที่มาต้อนรับ
ไม่มีใครกล้าแย่งเข้ามาต้อนรับก่อนหน้าพวกเขาเลย
“คุณหนูเย่ พ่อบ้านเย่”
เริ่นจวินตงและหงเทียนหยาใบหน้ามีรอยยิ้มบางๆ มารับที่สนามบินด้วยตัวเอง
เย่อู๋เหินกวาดมองพวกเขานิ่งๆทีหนึ่ง และพูดว่า “ยอดฝีมือการต่อสู้ที่เข้าร่วมงานประชุมแดนเหนือแทนตระกูลเย่ของพวกเราละ?”
หงเทียนหยายิ้ม ชี้ไปด้านหลังแล้วพูดว่า “จัดเตรียมไว้หมดแล้ว ทั้งสองเชิญดูครับ”
เย่หรูอี้และเย่อู๋เหินมองตามไป
ด้านหลังหงเทียนหยามีสมาชิกสมาคมที่มีรังสีความแข็งแกร่งแผ่กระจายยืนเรียงสองแถว อำนาจดูไม่ธรรมดา
หงเทียนหยายิ้มอย่างภูมิใจ “พวกนี้คือบุคคลดีเด่นของสมาคมการต่อสู้ของผม หนึ่งต่อร้อยก็สามารถทำได้ คุณหนูเย่ว่ายังไงครับ?”
เย่อู๋เหินพยักหน้าเงียบๆคนเดียว
ถึงแม้ว่าเยี่ยนจิงจะเป็นเมืองหลวงของต้าเซี่ย แต่ว่าการครอบคลุมความแข็งแรงร่วมกันของเมืองอื่นและเยี่ยนจิง กำลังหดเล็กลงเรื่อยๆ
เย่อู๋เหินพูดว่า “มียอดฝีมือพวกนี้ ตระกูลเย่ของผมจะต้องมีผลงานที่ดีในงานประชุมแดนเหนือแน่นอน!”
เริ่นจวินตงเองก็พูดว่า “คุณหนูเย่เลือกใคร ค่าใช้จ่ายของพวกเขาผมเป็นคนจ่ายเองครับ!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หงเทียนหยาก็แอบดีใจ
และกำลังจะพูด แต่เย่หรูอี้กลับส่ายหัวด้วยสีหน้าผิดหวัง
“คุณภาพไม่ผ่าน”
ซ่า!
เมื่อคำนี้ออกมา ไม่เพียงแต่เย่อู๋เหินที่อึ้งไป
เริ่นจวินตงกับหงเทียนหยาเองก็สีหน้าเปลี่ยน
รอยยิ้มบนใบหน้าของหงเทียนหยาก็ถึงกับนิ่งค้าง และมีความโกรธปรากฏออกมานิดหน่อย
แต่เมื่อนึกถึงว่าเย่อู๋เหินนั้นแข็งแกร่งมาก และตัวตนฐานะที่สูงส่งของเย่หรูอี้ จึงทำได้เพียงแค่กลั้นไว้เท่านั้น
ทำใจถามออกไปว่า “คุณหนูเย่ตัดสินใจว่าใครไม่ผ่านบ้าง พวกผมเปลี่ยนให้ สมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงไม่มีอะไร แต่มีคนเยอะมากครับ!”
เมื่อประโยคนี้ออกมา นักธุรกิจเก่งกาจที่อยู่ด้านหลัง หรือพวกสถาบันดาราต่างก็ส่งสายตาอิจฉามา
มีความมั่นใจที่จะพูดคำนี้ ก็คงมีแค่สมาคมการต่อสู้เจียงเฉิงและสมาคมการค้าเจียงผิงแหละมั้ง?
เย่อู๋เหินก็พยักหน้า พูดว่า “คุณหนูครับ คุณเลือกคนเอง เป้าหมายของตระกูลเย่ของเรา นั่นคือที่หนึ่งของงานประชุมแดนเหนือ และครอบครองฉายาผู้พิทักษ์มังกรแห่งแดนเหนือ”
เดิมทีตัวแทนตระกูลเย่ผู้เข้าร่วมงานประชุมแดนเหนือไม่ใช่เย่หรูอี้ แต่เป็นคนที่ชื่อ เย่เซ่าเตี๋ย
เธอถือเป็นลูกพี่ลูกน้องของเย่หรูอี้ รังเกียจต่อคุณหนูที่เพิ่งกลับเข้าสู่ตระกูลคนนี้มาก
เย่หรูอี้คนเดียวปรามได้ทั้งหมด พูดคำที่น่าประทับใจออกมาว่า ‘จะแย่งชิงที่หนึ่งของงานประชุมแดนเหนือมาแทนตระกูลเย่’
ระมัดระวังไว้หน่อยก็สมควร
แต่จะรู้ได้ยังไงว่าเย่หรูอี้จะส่ายหัว แล้วคัดค้านพวกเขาทั้งหมด
“ไม่ผ่านทั้งหมด”
“…….”
ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่หงเทียนหยาที่โกรธ แต่พวกผู้แข็งแกร่งดีเด่นด้านหลังล้วนก็โกรธด้วยแล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะมาจากเยี่ยนจิง แต่ก็จะดูถูกคนแบบนี้ไม่ได้นะ!
อีกอย่าง เธอก็เป็นเพียงเจ้าหญิงเร่ร่อนที่เพิ่งกลับเข้าสู่ตระกูลเย่เท่านั้น
เมื่อเป็นเพียงลูกสาวของตระกูลซ่งในเมืองหมิงจูก็เท่านั้น
เห็นสีหน้าของคนพวกนี้ เย่หรูอี้มุมปากยกยิ้มเยาะเย้ย “ทำไม พวกนายไม่พอใจหรอ? คิดว่าตัวเองแกร่งมาก?”
หงเทียนหยาพูดอย่างอดกลั้นความโกรธว่า “หงโม่วมิกล้าครับ หงโม่วเพียงแค่อยากให้คุณหนูเย่พูดให้ชัดเจน ในใจคุณ อะไรคือนิยามของผู้แข็งแกร่งที่ว่าครับ!”
ความหมายคือ ในเมื่อเธอไม่ชอบใจ งั้นเธอก็ไปหาเอง
ไม่คิดเลยว่า เย่หรูอี้กลับยิ้มบางๆ และพูดกับหงเทียนหยาว่า “ได้สิ คนของสมาคมการต่อสู้ของพวกนายกลับบ้านได้แล้ว ฉันไม่ชอบสักคน”
เมื่อคำนี้ออกมา ถึงแม้จะเป็นเย่อู๋เหินก็รู้สึกถึงแรงกดดัน
อวดเก่งไปแล้ว!
คุณชายคุณหนูตระกูลเย่คนอื่นยังไม่อวดเก่งขนาดนี้เลย!
หงเทียนหยาอึ้งไปเล็กน้อย พูดอย่างโมโหว่า “ในเมื่อคุณหนูเย่ไม่ชอบพวกเรา ย่อมมีคนอื่นชอบ แต่ว่า หงโม่วเองก็สงสัยมากว่าคุณหนูเย่จะหาคนแบบไหนมาช่วยลงแข่งแทนตระกูลเย่ของพวกคุณ!”
เย่หรูอี้พยักหน้า “ได้สิ พวกนายก็ตามมาสิ ส่งฉันไปที่อาคารจวี้เฟิง ลี่จิงกรุ๊ปสาขาเจียงเฉิง”
เริ่นจวินตงที่อยู่ด้านข้างอึ้งไปนิดหน่อย นึกถึงวันก่อนที่ลูกน้องสองคนของเขามีปัญหากับคนของลี่จิงกรุ๊ป
แต่เขาไม่ได้พูดอะไร และไปที่อาคารจวี้เฟิงกับพวกเย่หรูอี้
ในเวลานี้ ถังเฉากำลังตรวจสอบเอกสาร
หลินฉ่ายเวยเดินเข้ามา “ประธานถังคะ มีแขกมาขอเข้าพบคุณค่ะ”
ถังเฉาขมวดคิ้ว “วันนี้ฉันไม่นัดเจอกับลูกค้านี่นา?”
หลินฉ่ายเวยพูดว่า “เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าเย่หรูอี้มาขอเข้าพบค่ะ”