นาทีที่เงาดำนั้นปรากฏตัวออกมา ทุกคนล้วนมองเห็นท่าทางของเขาได้อย่างชัดเจน
สวมเสื้อกลางคืนสีดำทั้งตัว ตัดผมสั้นเตียน ทั้งใบหน้าถูกหน้ากากเหล็กหนึ่งอันปกคลุมไว้ หนาวยะเยือกน่าสะพรึงกลัว
ก็เป็นบุคคลเช่นนี้ ทั่วทั้งร่างกลับแผ่กระจายกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ ความแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับพวกผู้มีฝีมือสูงสายในของตระกูลเหยียนแล้วยังเหนือกว่ามาก ห่างชั้นกันไกล
พอเห็นบุคคลคนนี้ได้อย่างชัดเจน หลินชิงเสว่ก็รู้สึกเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาในภายหลังทันที เริ่มเสียใจในภายหลังที่ตนเองปราดมาที่ตระกูลซ่งเพียงคนเดียวแล้ว
อีกฝ่ายได้จัดวางการป้องกันไว้อย่างแน่นหนา รอเธอมาติดกับ
ถังเฉาไม่เป็นอะไร เฟิ่งหวงเองก็ผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง แต่ฟังคำพูดของถังเฉาแล้ว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันทีหลังจากนั้น
“รองหัวหน้าคะ คุณว่าเขามาจากแดนตะวันตก?”
“ไม่ผิด”
ถังเฉาพยักหน้า เอ่ยเสียงต่ำว่า “การเคลื่อนไหวของเขาเมื่อครู่ และยังมีวิธีการเก็บซ่อนลมปราณนั่นอีก เหมือนกับพวกคนที่แดนตะวันตกไม่มีผิด”
ต้าเซี่ยกั๋วมีเขตแดนเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ทุก ๆ เขตแดนล้วนแต่มีกองกำลังทหารที่เข้มแข็งเฝ้ารักษาอยู่
ตัวถังเฉาเป็นเจ้ามังกร เฝ้าระวังแดนเหนือ แน่นอนว่าแดนตะวันออก แดนตะวันตกและแดนใต้เองก็มีหัวหน้าใหญ่หนึ่งท่านเฝ้าระวังอยู่
เพียงแต่ว่าหลายปีมานี้ผลงานและคุณงามความดีของถังเฉาเหนือกว่าสามแดนใหญ่อื่นไปมาก
อาวุธที่ติดตั้งของทหารองครักษ์กองทัพปราณมังกรก็ยอดเยี่ยมที่สุดในสี่แดนใหญ่ ยากที่จะเลี่ยงการก่อให้เกิดความไม่พอใจในใจของหัวหน้าใหญ่จากสามแดนใหญ่อื่น ๆ
“ถ้าอย่างนั้นก็น่าสนุกแล้ว”
มุมปากของเฟิ่งหวงเองก็ยกยิ้มไร้ความรู้สึกขึ้นมา “นึกไม่ถึงว่าผู้แข็งแกร่งที่สง่าผ่าเผยของแดนตะวันตกจะยอมสวามิภักดิ์ให้กับตระกูลเหยียน”
หลังจากที่เธอติดตามถังเฉาก็เคยใช้ชีวิตอยู่ในสี่แดนใหญ่มาก่อนช่วงเวลาหนึ่ง
สังคมที่นั่นนิยมชมชอบความกล้าหาญ เกิดสงครามน้อยใหญ่ไม่ขาดสาย สุ่มเลือกหนึ่งคนเอามาอยู่ข้างนอก ล้วนแต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนักบู๊ที่พยายามจะสร้างชื่อเสียงที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสี่แดนใหญ่
ทว่าถังเฉากลับแค่มองแวบหนึ่งก็หมดความสนใจ
หันกลับไปมองไปยังเหยียนชาง “นี่คือข้อได้เปรียบของคุณเหรอ?”
“ไม่ผิด เขาชื่อเถี่ยเมี่ยน มาจากแดนตะวันตก!”
เหยียนชางหัวเราะ มาอยู่ข้างกายของเถี่ยเมี่ยน “เขาถึงจะเป็นผู้แข็งแกร่งคนแรกในตระกูลเหยียนของฉัน ต่อให้คนคุ้มกันของแกแข็งแกร่งกว่านี้แล้วอย่างไร จะสามารถแข็งแกร่งกว่าเถี่ยเมี่ยนได้หรือ?”
“นั่นมันก็ไม่แน่นะ”
เฟิ่งหวงหัวเราะเสียงเย็น “ตามที่ฉันรู้มา แดนตะวันตกได้เพียงมีตัวตนอยู่ในอันดับสุดท้ายในสี่แดนใหญ่ของต้าเซี่ย ไม่สามารถเทียบกับแดนเหนือได้โดยสิ้นเชิง ผู้มีฝีมือสูงคนหนึ่งที่ออกมาจากแดนตะวันตก เอาอะไรมาได้ใจเหรอ?”
“บังอาจ!”
เหยียนชางเดือดดาลขึ้นมาทันที ชี้ไปที่เฟิ่งหวงแล้วพูดขึ้นว่า “ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คุยโวไม่รู้จักอาย! แกเคยไปแดนตะวันตกไหม? รอแกไปถึงแดนตะวันตกก็จะพบว่าไม่มีที่ที่ให้โอกาสแกได้แสดงฝีมือที่แกภาคภูมิใจออกมาเลยแม้แต่น้อย!”
“คุณปู่ อย่าไปต่อปากต่อคำกับเธอเลย เธอไม่รู้ความน่าสะพรึงกลัวของนักฆ่าจากแดนตะวันตกเลยแม้แต่น้อย!”
ในตอนนี้เอง เหยียนเสี้ยงหม่าก็ไม่กลัวอีก หลังจากมองเห็นเถี่ยเมี่ยนแล้ว เขาก็มีท่าทางโอหังอวดดีเต็มใบหน้าราวกับว่าเจอกุญแจสำคัญที่พลิกแพ้ให้เป็นชนะได้แล้วอย่างไรอย่างนั้น
ในสายตาของพวกเขา ต่อให้เฟิ่งหวงแข็งแกร่งกว่านี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเคยไปสถานที่ที่ความเป็นความตายเป็นไปอย่างไม่แน่นอนอย่างแดนตะวันตก
“รังแกกันเกินไปแล้ว…”
เฟิ่งหวงโมโหมาก
ตอนที่เธอติดตามรองหัวหน้าเรืองอำนาจอยู่ในแดนเหนือ ไม่รู้ว่าพวกเขาเล่นดินเล่นทรายอยู่ที่ไหน
“เฟิ่งหวง!”
ถังเฉากลับตวาดเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
เฟิ่งหวงเก็บรังสีสังหารทั่วทั้งร่างไปในทันที กลับมาอยู่ด้านหลังของถังเฉาอีกครั้ง
เห็นฉากนี้แล้ว เหยียนชางกับเหยียนเสี้ยงหม่าก็ยังคิดว่าเธอกลัวถังเฉา ทันใดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งล้ำลึกขึ้น
“เจ้าหนู ตอนนี้รู้จักกลัวแล้วหรือ สายไปแล้ว! สิ้นเปลืองผู้มีฝีมือสูงของตระกูลเหยียนของฉันไปมากมายขนาดนี้ แกคิดว่าแกจะยังมีชีวิตรอดอยู่อีกเหรอ?”
ทั่วทั้งใบหน้าของเหยียนชางเต็มไปด้วยรังสีสังหาร
เหยียนเสี้ยงหม่าเองก็มองเฟิ่งหวงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล “ยังกล้าโยนมีดมาที่ฉัน ต่อไปอย่าเพิ่งฆ่าผู้หญิงคนนี้ ฉันจะเล่นกับเธอก่อน ดูซิว่าตอนเธออยู่บนเตียงจะดุแบบนี้ไหม!”
เถี่ยเมี่ยนไม่หือไม่อือ เพียงแต่กุมมีดดาบ ถังเฉาเดินไปทางเฟิ่งหวง
ถังเฉาหันกลับไปพูดกับหลินชิงเสว่ว่า “คุณไปรอผมบนรถก่อนเถอะครับ”
“ค่ะ”
หลินชิงเสว่ไม่ได้ปฏิเสธ หันกลับไปวิ่งไปทางรถของตัวเอง
เธอเข้าใจชัดเจนดี อยู่ที่นี่จะเป็นภาระของถังเฉาเปล่า ๆ
การกระทำนี้ทำให้ดวงตาของเหยียนเสี้ยงหม่าหรี่ลง “ฉันขอแนะนำให้แกให้หลินชิงเสว่กลับเยี่ยนจิงแต่โดยดี แบบนี้บางทีฉันอาจจะไว้ชีวิตแกก็ได้”
ถังเฉายิ้มอย่างหยิ่งยโส “เพียงแค่มีนักฆ่าจากแดนตะวันตกมาหนึ่งคน ความมั่นใจของพวกแกก็มีเท่านี้เองเหรอ?”
เหยียนชางก็ไม่โมโห เพียงแค่มองเขาอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เถี่ยเมี่ยน ไปเก็บมันซะ แล้วหนี้บุญคุณของตระกูลเหยียนของฉันที่นายติดไว้ จะถือเป็นโมฆะ นายก็จะเป็นอิสระ!”
เถี่ยเมี่ยนเงียบอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ถือดาบขึ้นมาเดินเข้าไปทางถังเฉากับเฟิ่งหวง
ภายใต้หน้ากากเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชาอย่างถึงที่สุด
“ผมไม่อยากลงมือ พวกคุณจบเรื่องเองเถอะ”
เสียงของเขาแหบแห้ง พูดจบก็ถือโอกาสโยนกริชออกไปหนึ่งเล่ม
ถังเฉาไม่ได้ไปเก็บ เพียงแค่เอ่ยถามทันทีว่า “มู่ตงเฟิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
ขวับ!
คำนี้ลั่นออกมา ทั้งร่างของเถี่ยเมี่ยนก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรงพักหนึ่ง
ด้วยเพราะสวมหน้ากากอยู่ ถังเฉามองได้ไม่ชัดเจนว่าสีหน้าของเขาเป็นอย่างไร แต่เขาก็พอเดาได้ว่าจะต้องสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเป็นแน่
พอเขาสำนึกได้ก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว เอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณรู้จักชื่อนี้ได้อย่างไร?”
มู่ตงเฟิงมิใช่ใครอื่น เป็นผู้นำแดนตะวันตกเอง
เมื่อก่อนผู้นำเขตแดนใหญ่เหนือใต้ออกตกแย่งชื่อเจ้ามังกร ผู้นำแดนเหนือใช้ความได้เปรียบโดยสมบูรณ์เอาชนะผู้นำสามแดนคนอื่น ๆ มู่ตงเฟิงแดนตะวันตกคือผู้ที่พ่ายแพ้ราบคาบที่สุด
ฐานะและชื่อเสียงเรียงนามของผู้นำสี่แดนล้วนแต่ถูกเก็บเป็นความลับ คนคนนี้… รู้ได้อย่างไร?
ถังเฉามองเถี่ยเมี่ยนแล้วเอ่ยต่อว่า “เถี่ยเมี่ยน ผมเคยได้ยินชื่อคุณมาก่อน แยกตัวเป็นอิสระจากในแดนตะวันตก มีชีวิตอยู่ด้วยการรับคำสั่งลอบฆ่า หนึ่งในภารกิจที่สร้างชื่อที่สุด…”
พูดมาถึงตรงนี้เขาก็จงใจชะงักอยู่พักหนึ่ง มองเถี่ยเมี่ยนแวบหนึ่งอย่างหยอกเย้า
ร่างกายของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
พริบตาต่อมาถังเฉาก็หลุดปากออกมา
“ลอบฆ่าเจ้ามังกรแดนเหนือ!”
บึ้ม!
พอคำนี้หลุดออกมา ไม่ใช่แค่เถี่ยเมี่ยนที่ตกตะลึง เฟิ่งหวงที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตะลึงไปทั้งใบหน้า
เธอจ้องเถี่ยเมี่ยนตาเขม็งอยู่นาน ตอนนี้ถึงได้นึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง
ในตอนที่ถังเฉายังไม่ได้เป็นเจ้ามังกร มู่ตงเฟิงเคยส่งคนมาทดสอบพื้นฐานของเขา
คนคนนั้นก็คือเถี่ยเมี่ยน
แน่นอนว่าผลลัพธ์ก็คือกลับไปด้วยความพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
ถึงขั้นที่เขาถูกกองทัพปราณมังกรผู้แข็งแกร่งจำนวนมากขัดขวางเอาไว้ ไม่ได้พบแม้แต่หน้าของถังเฉา
ตอนที่เตรียมจะสั่งลงโทษประหารชีวิตนั้นเอง ถังเฉากลับปรากฏตัวออกมา โบกไม้โบกมือเป็นนัย ๆ ให้ไว้ชีวิตเขาไป
ในตอนนั้นเถี่ยเมี่ยนได้เห็นถังเฉาไกล ๆ อยู่แวบหนึ่ง
นึกไม่ถึงว่าไม่กี่ปีหลังจากนั้นจะได้เจอกันด้วยรูปแบบเช่นนี้อีกครั้ง
เถี่ยเมี่ยนสั่นสะท้านไปทั้งร่างหนักยิ่งกว่าเดิม ถึงขั้นถอยหลังไปทีละก้าว ๆ
เหงื่อบนใบหน้าไหลลงมาเป็นเม็ดใหญ่ ๆ คนทั้งคนเหมือนเพิ่งงมขึ้นมาจากในน้ำอย่างไรอย่างนั้น
“คุณ… คุณคือ…”
เสียงของเขาสั่น กระจ่างแล้ว เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ว่า… ไม่ว่าอย่างไรเขาก็พูดไม่ออก ราวกับว่าลำคอของเขาถูกบีบเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
นี่เป็นความกดดันจากฐานะประเภทหนึ่ง และยิ่งเป็นความกลัวจากจิตวิญญาณ
“ยังอยากจะฆ่าผม?”
ถังเฉาหรี่ตาลง หัวเราะหึหึพลางถามขึ้น
ตุ้บ!
พริบตาถัดมา เถี่ยเมี่ยนไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ ก็แขนขาอ่อนอยู่ตรงหน้าของถังเฉาทันที สั่นเทิ้มไปทั้งตัวอย่างห้ามไม่ได้
ต่อให้เอาความกล้ามาให้เขาสักสิบความกล้า เขาก็ไม่กล้าลงมือกับเจ้ามังกรแดนเหนือหรอก!