“อ้ากกกกก…”
ห้องทำงานที่เงียบเหมือนตายพลันมีเสียงร้องที่สิ้นหวังราวกับหมดอาลัยตายอยากของหูเข่อเฟิงดังขึ้นมาฉับพลัน
เขาดึงเส้นผมของตัวเองแน่น รูม่านตาเบิกกว้างแต่กลับไม่ได้โฟกัสอะไรทั้งสิ้น ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ
ความยินดีและความเศร้าโศกที่เหมือนตกจากสวรรค์ลงสู่นรก… เป็นเช่นนี้เอง
หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงก็มองไปที่หูเข่อเฟิงที่คุกเข่ากรีดร้องอย่างพังทลายอยู่บนพื้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายสายตาก็ไปตกอยู่บนร่างของถังเฉาที่ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา
หานเทียนเจิ้งยืนอยู่อีกด้าน เขาเองก็มองถังเฉาอยากลึกซึ้ง สงบนิ่งไม่ได้อยู่เป็นนาน
คนหนุ่มคนนี้น่ากลัวเกินไปจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีความคิดที่ละเอียดรอบคอบถึงขั้นนี้ แม้แต่เขาก็ยังเสียวสันหลัง
จุดที่ทำให้คนหวาดกลัวที่จะนึกถึงในเกมพนันเกมนี้ก็คือการที่ทุกคนล้วนแต่คิดว่าหูเข่อเฟิงจะได้รับชัยชนะ แม้แต่ตัวเขาเองเมื่อห้านาทีก่อนหน้านี้ก็ยังรู้สึกเช่นนั้น
แต่ทว่า ในความเป็นจริงเขาก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะโดยสิ้นเชิงตั้งแต่เริ่มการพนันแล้ว เขาเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่ถังเฉาวางเอาไว้ให้เหนื่อยเปล่าเพื่อเขาเท่านั้นเอง
“โอเค ในเมื่อคุณแพ้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็… เชิญคุณทำตามผลสุดท้ายเถอะ”
ถังเฉายิ้มให้กับหูเข่อเฟิง ผายมือเป็นท่าทางเชื้อเชิญ
หูเข่อเฟิงลุกขึ้นยืนทันที หันกลับไปมองที่หานเทียนเจิ้ง “ท่านหาน แบบนี้ถือว่าเขาทำผิดกติกาไหม แย่งเอาไปจากมือของผมโดยตรง!”
ถังเฉาหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาครั้งหนึ่ง “หูเข่อเฟิง จนถึงตอนนี้แล้ว นายยังดื้อดึงดันอยู่อีกเหรอ?”
หานเทียนเจิ้งเองก็ส่ายศีรษะ “การพนันไม่ได้มีกติกาพิเศษ ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะใช้วิธีการอะไร เพียงแค่ใช้ผลลัพธ์มาพิจารณาผลแพ้ชนะเท่านั้น!”
คำพูดนี้พูดออกมา ตัดความสัมพันธ์ของโอกาสที่จะพลิกดำให้เป็นขาวของหูเข่อเฟิง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นขาวซีดในชั่วพริบตา
หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงมองสบตากันครั้งหนึ่ง แล้วต่างคนต่างผ่อนลมหายใจออกมา คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏความรู้สึกราวกับการได้รับความผาสุกหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายออกมา
สำหรับพวกเขาแล้ว การพนันเกมนี้ตื่นเต้นเร้าใจมากเกินไป เมื่อครู่ในตอนที่ประกาศผลลัพธ์ออกมา หัวใจพวกเขาแทบจะหยุดเต้น
ใบหน้าของหูเข่อเฟิงเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด สีหน้าเปลี่ยนเป็นดุร้ายในฉับพลัน “ถังเฉา ต่อให้แกเอาความฉลาดอันน้อยนิดของแกมาเอาชนะฉันได้ แต่แกคิดจริง ๆ เหรอว่าฉันจะเอาตำแหน่งประธานของจวี้เฟิงกรุ๊ปมอบให้แกจริง ๆ น่ะ!”
สีหน้าของถังเฉาเคร่งขรึมขึ้นทีละนิด ๆ ดวงตามีประกายวาบผ่าน “คุณจะไม่ให้?”
“ฉันอยู่ที่จวี้เฟิงกรุ๊ปมาหลายปี รากฐานมั่นคงแล้ว จะพูดว่ายกให้ก็จะยกให้ได้ยังไง?”
สีหน้าของหูเข่อเฟิงมืดครึ้ม รังสีสังหารเข้มข้น “รีบพาคนของแกออกไปจากที่นี่ซะ ไม่อย่างนั้น… ฉันจะให้แกได้ออกไปแบบไม่มีชีวิต!”
“แกกล้าเหรอ!”
“รนหาที่ตาย!”
ใบหน้าของหูอีซานมืดครึ้ม เดินก้าวยาว ๆ มาอยู่ด้านข้างของถังเฉา
ดวงตาของเจิงเทียนเสียงมีประกายดุร้ายวาบผ่าน
หานเทียนเจิ้งมองฉากนี้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เขาไม่แปลกใจกับท่าทางแว้งกัดเหมือนหมาจนตรอกของหูเข่อเฟิงเท่าไหร่ แต่ว่าเขาเองก็อดที่จะมองไปยังถังเฉาไม่ได้ อยากจะดูเสียหน่อยว่าเจ้าหนุ่มนี้จะมีวิธีการรับมืออย่างไร
ถังเฉายิ้มอย่างเย็นชา “ผมว่าคุณยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะครับ เรื่องที่ผมพนันเอาไว้ไม่ใช่แค่ให้คุณไสหัวออกไปจากจวี้เฟิงกรุ๊ป แต่ยังต้องทิ้งแขนเอาไว้ข้างหนึ่งด้วย”
คำพูดนี้กระตุ้นความปรารถนาที่อยากจะสังหารของหูเข่อเฟิงยิ่งขึ้นไปอีก เขาพูดอย่างน่าสะพรึงกลัวว่า “คนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ก็คือแกนั่นแหละ ที่นี่เป็นถิ่นของฉัน แกกล้าจะทำอะไรฉันในที่ของฉันอย่างนั้นเหรอ?”
แปะๆ!
พูดจบเขาก็ปรบมือสองที ชั่วพริบตาเดียวก็มีบรรดาบอดี้การ์ดรูปร่างกำยำล่ำสันกรูกันเข้ามาล้อมพวกของถังเฉาเอาไว้
ปืนที่อยู่ในมือจ่อเข้าไปที่ศีรษะของถังเฉาโดยตรง
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นอันตรายในชั่วพริบตา เขม่าปืนตลบไปทั่ว
“หูเข่อเฟิง เขาเป็นผู้สูงศักดิ์ของผม คุณกล้าลงมือกับเขาเหรอ!”
หูอีซานเดินหน้าไปหนึ่งก้าวทันที มองหูเข่อเฟิงด้วยความโกรธแค้นเต็มใบหน้า
“ผู้สูงศักดิ์? หูอีซาน รสนิยมของนายต่ำขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
สายตาของหูเข่อเฟิงมีความยั่วเย้าเข้มข้น เขาเอ่ยอย่างหยิ่งยโสว่า “ลูกเขยไร้ประโยชน์ที่แค่ใช้ความฉลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเล่นอุบายได้คนหนึ่ง นายก็ยังยกย่องเป็นผู้สูงศักดิ์งั้นเหรอ?”
แต่ทว่า ในตอนที่เขาเห็นสีหน้าตึงเครียดบนใบหน้าของหูอีซานนั้น เขาก็ผุดยิ้มแปลกประหลาดออกมาทันที “ช่างเถอะ หูอีซาน ในเมื่อนายแคร์เจ้าสวะนั่นขนาดนั้น เอาแบบนี้ไหม… นายก็มาแบกรับความเจ็บปวดแทนเขาเถอะ?”
ขวับ…
เพิ่งจะสิ้นเสียง ปืนในมือของบรรดาบอดี้การ์ดก็จ่อไปที่ศีรษะของหูอีซาน
หูอีซานตัวสั่นขึ้นทันที แต่ว่าพอคิดถึงลูกสาวที่ตัวเองยังไม่ได้พบหน้า เขาก็เปลี่ยนเป็นสงบนิ่งทันที
หันกลับไปมองถังเฉาที่ยังคงสงบนิ่ง “คุณถังครับ คุณรีบไปจากที่นี่เถอะ ดูแลลูกสาวแทนผมให้ดีด้วยนะครับ”
พูดจบก็เดินไปทางหมู่บอดี้การ์ดอย่างแน่วแน่
หูเข่อเฟิงมองหูอีซานด้วยสีหน้าตกตะลึง หูเข่อเฟิงนึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นความเด็ดเดี่ยวทรงพลังจากบนใบหน้าของเขา
“ขอโทษด้วยนะ ฉันขอปฏิเสธ”
แต่ทว่าถังเฉากลับตอบรับอย่างเรียบเรื่อย
หูอีซานตัวสั่น หันกลับไปมองถังเฉาอย่างประหลาดใจ
“เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ความรับผิดชอบของคนที่เป็นพ่ออย่างนายหรอกเหรอ? จะให้ฉันทำได้ยังไง?”
บนใบหน้าของถังเฉามีรอยยิ้มไม่ใส่ใจอยู่ “อีกอย่างนะ มีฉันอยู่ด้วย นายจะตายได้เหรอ?”
“คุณถัง…”
หูอีซานแสบจมูก หยุดก้าวเท้าที่กำลังก้าวต่อไปด้านหน้าไว้
หูเข่อเฟิงตะลึง จากนั้นก็หัวเราะอย่างหยิ่งยโส “คนที่ไม่มีทั้งเงินและอำนาจที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิงอย่างแก จะเอาความสามารถที่ไหนมาปกป้องหูอีซาน?”
ถังเฉายิ้มอย่างหยอกเย้า “ผมไม่มีความสามารถนี้ แต่เขามี”
พูดจบเขาก็ยื่นมือออกมาชี้ไปที่หานเทียนเจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ
“ผม?”
หานเทียนเจิ้งเปลี่ยนสีหน้าในทันที
“ไม่ผิด”
ถังเฉายิ้มอย่างเยือกเย็น “ในเมื่อคุณคือผู้รับรองความถูกต้องของการพนันในครั้งนี้ ก็ต้องมีคุณสมบัติที่จะสั่งให้ผู้แพ้ทำตามหน้าที่ ถ้าหากคุณไม่ลงมือห้าม แล้วใครจะทำ?”
“เค่อชิงของสมาคมการค้าหงยิงไม่ได้เป็นกันแบบนี้สักหน่อย”
พูดมาถึงตอนสุดท้ายก็กลายเป็นการใช้อำนาจคุกคามอย่างเข้มข้น
สีหน้าของหูเข่อเฟิงเปลี่ยนไปในทันที “ท่านหาน อย่าฟังเขานะ!”
แต่ทว่า หานเทียนเจิ้งกลับจมอยู่ในความเงียบอยู่นาน ดวงตาจ้องมองถังเฉาอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ
เขาคือเค่อชิงของสมาคมการค้าหงยิง แต่เจ้าหนุ่มนี่กลับไม่ใส่ใจเลยสักนิด พลังที่ออกจากร่างก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก
หานเทียนเจิ้งไม่แน่ใจว่าเขาแค่เขียนเสือให้วัวกลัว หรือว่าเขามีคนหนุนหลังอยู่จริง ๆ กันแน่? ถึงได้ไร้ความหวาดกลัวเช่นนี้
“ท่านหาน!”
หูเข่อเฟิงกัดฟันคำรามเสียงดัง
“หุบปากซะ!”
หานเทียนเจิ้งกลับตะโกนขึ้นมาฉับพลัน หันกลับไปมองหูเข่อเฟิงด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ให้คนของนายถอยไปซะ!”
“ท่านหาน?!”
ในสายตาของหูเข่อเฟิงเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ กัดฟันแล้วเอ่ยว่า “คุณจะแข็งใจมองผมถูกขับไล่ได้ลงคอเชียวเหรอ?”
หานเทียนเจิ้งเองก็เดือดดาลไปทั้งใบหน้า “ฉันเคยเตือนนายแล้วว่าอย่าได้ดูถูกเขา แล้วผลลัพธ์ล่ะ? ในเมื่อแพ้แล้วก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ให้ได้!”
เห็นหูเข่อเฟิงมีสีหน้ามืดครึ้มไม่พูดไม่จา หานเทียนเจิ้งก็ตะคอกขึ้นอีกครั้ง “ยังไม่รีบทำตามที่ฉันพูดอีก ไม่อย่างนั้น… อย่ามาบังคับให้ฉันต้องลงมือกับตระกูลหูนะ!”
ยอมเชื่อว่ามีเรื่องนี้จริงดีกว่าไม่ยอมเชื่อง่าย ๆ ความเป็นตายร้ายดีของตระกูลหูกับตำแหน่งเค่อชิง หานเทียนเจิ้งเลือกอย่างหลังอย่างไม่ต้องสงสัย
สีหน้าของหูเข่อเฟิงขาวซีดอย่างหาใดเปรียบ ถ้าหากตระกูลหูทั้งตระกูลต้องได้รับผลกระทบไปด้วยเพราะเรื่องนี้ละก็ คุณปู่ของเขาจะต้องตีเขาตายแน่ ๆ!
ทั้งสองคนพินิจพิจารณา หูเข่อเฟิงทำได้เพียงประนีประนอม กัดฟันแล้วเอ่ยว่า “ออกไปให้หมด!”
บอดี้การ์ดของตระกูลหูลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยอมถอยหลังไปแต่โดยดี
ถอนหน้าที่รับผิดชอบทั้งหมด สีหน้าของหูเข่อเฟิงเขียวคล้ำ “ตอนนี้ไปได้แล้วใช่ไหม?”
พูดจบก้าวก็ยาว ๆ ออกจากห้องทำงานไป
เสียงตอบรับของถังเฉากลับดังขึ้น
“ผมได้ให้คุณไปเหรอ? ยังเหลือแขนอีกข้างหนึ่งนะ”
สีหน้าของหูเข่อเฟิงเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง “ถังเฉา แกอย่ามาได้คืบจะเอาศอกนะ!”
หานเทียนเจิ้งเองก็เอ่ยขึ้น “เจ้าหนุ่ม อภัยได้ก็อภัยเถอะ เห็นแก่หน้าของฉัน ปล่อยเขาไปเถอะ”
เดิมคิดว่าถังเฉาจะต้องหวาดกลัวฐานะเค่อชิงของสมาคมการค้าหงยิงของเขา ไหนเลยจะรู้ว่าถังเฉากลับมองเขาด้วยหางตาอย่างหยิ่งยโส “ตาแก่… แกมีสิทธิ์พูดด้วยเหรอ?”
“แก!”
หานเทียนเจิ้งมองถังเฉาด้วยความเดือดดาลทันที เขาโมโหจนสั่นไปทั้งตัว
ถังเฉาไม่ได้ใส่ใจ เขาหันกลับไปมองที่หูอีซาน “เวลาแห่งการแก้แค้นมาถึงแล้ว แขนข้างหนึ่งของเขา คืนให้กับนายแล้วกัน”