มองดูน้าสาวที่อ่อนวัยสวยงามจนเกินไป ถังเฉาก็รู้สึกอึ้งกับความแข็งแกร่งของยีนในตระกูลของหลินชิงเสว่
“ฉันชื่อ ลั่วเยนอวิ๋น น้าสาวของหลินชิงเสว่ แต่ว่าฉันก็ไม่รังเกียจที่นายจะเรียกฉันว่าคุณน้า”
ลั่วเยนอวิ๋นพูดอย่างสนใจ
ถังเฉาไม่ได้ตอบกลับ ยังตกอยู่ในภวังค์สถานะของลั่วเยนอวิ๋น
เขารู้เกี่ยวกับสถานะทางบ้านของหลินชิงเสว่ นั่นก็คือ ผู้หญิงคนนี้ เธอเป็นน้องสาวของสาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเยี่ยนจิง
แค่เพียงสถานะนี้ ก็เพียงพอสำหรับความน่าสนใจในตัวตนของเธอแล้ว
“สวัสดีครับคุณน้า!”
เนื่องจากมารยาท ถังเฉาก็ยังเรียกทีหนึ่ง
ลั่วเยนอวิ๋นพยักหน้าอย่างพอใจ สายตาเต็มไปด้วยความสดใสอย่างคุณแม่ “เมื่อก่อนฉันยังกังวลว่าชิงเสว่จะหาคู่ไม่ได้ ตอนนี้ฉันไม่กังวลแล้ว แม้แต่ฉันเองยังรู้สึกอิจฉาความโชคดีของนาย….นายไม่เพียงแต่มีภรรยาที่สวยงามอ่อนโยน แล้วยังมีน้าสาวที่สวยงามและอ่อนโยนอีกด้วย”
“…..”
ถังเฉายิ้มอย่างอึดอัด และมองข้ามความหลงตัวเองของน้าสาวไป
ลั่วเยนอวิ๋นเองก็ไม่ถือสา นั่งลงตรงหน้าของถังเฉา “ในเมื่อนายรู้แล้วว่าฉันเป็นใคร งั้นก็คงเดาออกว่าทำไมฉันถึงมาหมิงจู”
“มาเพราะผม”
ดวงตาถังเฉาหดลงเล็กน้อย มีความเย็นชาแวบเข้ามา
ลั่วเยนอวิ๋นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ฉลาด”
“แล้วจุดยืนของคุณละ?”
ถังเฉามองตรงไปที่ลั่วเยนอวิ๋น
ถึงแม้ว่าน้าสาวคนนี้จะสวยมาก แต่ก็หักล้างความจริงไม่ได้ว่า…..เธอมาจากตระกูลหลวงในเยี่ยนตู
ปรากฏลูกพี่ลูกน้องของหลินชิงเสว่มาคนหนึ่งที่ขัดขวางการอยู่ด้วยกันของเขาและหลินชิงเสว่ ใครจะรับประกันได้ว่าน้าสาวคนนี้จะคิดร้ายกับภรรยาและลูกสาวของเขาหรือไม่?
“นายกำลังสงสัยฉัน?”
น้ำเสียงของลั่วเยนอวิ๋นมีความตกใจนิดหน่อย แต่ว่าสายตาก็ไม่ได้มองไปที่ถังเฉา แต่กลับเติมเครื่องสำอางอยู่ตรงหน้ากระจกบานหนึ่ง
ริมฝีปากของเธอทาลิปกลอสสีสดใส เหมือนกับว่ามีเพชรเป็นเม็ดๆติดไว้ด้านบน แล้วยังเม้มริมฝีปาก แล้วมองด้านซ้ายขวา รู้สึกพอใจกับใบหน้าที่สวยงามอย่างมากในกระจก
“นายฉลาดขนาดนี้ งั้นก็ลองมาเดาดูว่าจุดยืนของฉันคืออะไร”
เธอตอบกลับ แล้วยังตั้งใจทาสีเล็บ
รอไปสักพักก็ได้คำตอบอย่างนี้มา ท่าทางถังเฉาเย็นชาขึ้น “ให้ผมเดา จะต้องคิดไปในทางที่เป็นศัตรูแน่นอน ผมยอมทำผิดพลาด ดีกว่าปล่อยให้พบาดมาทำร้ายตัวเอง”
“ดุจังเลย…”
ท่าทางลั่วเยนอวิ๋นตอแหล ปิดปากหัวเราะ ยื่นนิ้วเรียวนิ้วหนึ่งออกมา “นายไม่รู้สึกว่าแปลกหรอ? หนังเรื่องหนึ่งใช้เวลาแค่ชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง แต่พวกเธอยังไม่กลับมา เกิดอะไรขึ้นรึป่าวนะ?”
พรึ่บ…..
วินาทีต่อมา แววตาของถังเฉาก็เปลี่ยนเป็นเย็นวาบ แล้วเดินเข้าไปหาลั่งเยนอวิ๋น ยกมือจะไปจับลำคอของเธอไว้
แต่ว่า ลั่วเยนอวิ๋นขยับไปทางฝั่งซ้าย และเข้าไปในอ่างอาบน้ำอย่างไว และยังกอดคอของถังเฉาไว้ด้วย
ดังนั้น ร่างกายส่วนบนของถังเฉาจึงถูกเธอกอดเข้าไปในอ่างอาบน้ำด้วย ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเขามือไว้ตาเร็ว ใช้สองแขนจับไว้ที่ขอบอ่างอาบน้ำ ถึงได้รอดจากการล้มตัวลงใส่บนร่างลั่วเยนอวิ๋น
การกระทำนี้เองก็ทำเอาถังเฉาตกใจ มองดูลั่วเยนอวิ๋นที่ถูกตัวเองล็อกไว้ด้านล่าง สมองขาวโพลน
ลั่วเยนอวิ๋นกลับยื่นนิ้วออกมาหนึ่งนิ้ว และเชิดคางของถังเฉาขึ้น
“ถ้าหากว่าฉันเป็นนาย จะไม่สงสัยผู้ใหญ่ของตัวเอง อีกอย่าง ฉันเป็นน้าสาว ไม่ใช่สาวน้อย”
“……”
ถังเฉามองลั่วเยนอวิ๋นด้วยสีหน้าตกใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
พั่บ….
ในตอนนี้เอง ประตูถูกเปิดออก จากนั้นก็มีเสียงของหลินชิงเสว่ดังตามมา “ถังเฉา นายอยู่มั้ย?”
ลั่วเยนอวิ๋นรีบเงยหน้า “นายกะจะอยู่บนตัวฉันนานแค่ไหน? ชิงเสว่กลับมาแล้วนะ”
สีหน้าถังเฉาเขินอายทันที รู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเข้าใจผิดไป จึงรีบลุกขึ้น “ขอโทษครับ”
พูดจบก็เดินออกจากห้องน้ำ มาถึงตรงหน้าของหลินชิงเสว่ “ชิงเสว่ พวกเธอไปไหนมา?”
สีหน้าหลินชิงเสว่มีความรู้สึกผิด “ขอโทษนะ เสี่ยวลี้อยากดูหนัง ฉันจึงได้ไปดูหนังกับเธอมาสองเรื่อง”
ได้ยินอย่างนั้นถังเฉาก็โล่งอก
ในขณะนี้เอง ลั่วเยนอวิ๋นก็ออกมาจากห้องน้ำ กำลังจะทักทาย แต่หลินชิงเสว่กลับไม่มองแม้แต่นิดแล้วอุ้มเสี่ยวลี้ขึ้นไปด้านบน แม้แต่โอกาสให้ใกล้ชิดกับถังเสี่ยวลี้ก็ไม่ให้
ถังเฉาเห็นอย่างชัดเจน รู้สึกได้ถึงความเย็นชาของหลินชิงเสว่ เห็นได้ว่า เธอห่างเหินกับตระกูลของเธอด้วยใจจริง
ลั่วเยนอวิ๋นไม่ถือสา เพียงแค่ยักไหล่ใส่ถังเฉา “ชินแล้ว”
พูดจบก็จุดบุหรี่ของหญิงสาวขึ้นหนึ่งม้วน แล้วยังเป่าควันออกมาได้อย่างสวยงาม
“บ้านผมห้ามสูบบุหรี่” ถังเฉาพูดเตือน
“วางใจได้ ฉันไม่อยู่นาน ได้เจอคนที่อยากเจอ พูดเรื่องที่ควรพูดจบ ฉันก็จะไปเอง”
ผู้หญิงที่สูบบุหรี่ยิ่งทำให้ดูลึกลับ ภายใต้ควันบุหรี่ ใบหน้าลั่วเยนอวิ๋นที่เบลอๆนั้นยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์มากขึ้น
“แม่ของเธอละ?” ถังเฉาถามขึ้น
บุหรี่ในมือของลั่วเยนอวิ๋นนิ่งค้างไปสักพัก เงียบไป แล้วใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มเมื่อกี้อีกครั้ง “ถ้าหากนายอยู่เยี่ยนจิง เพรยงแค่คำพูดเมื่อกี้ ก็คงถูกจับแล้ว”
“เพราะอะไร?” ถังเฉาหัวเราะ ไม่ได้สนใจสักนิด
“เพราะว่าชื่อของบางคนห้ามพูดถึง”
ลั่วเยนอวิ๋นหุบรอยยิ้มบนใบหน้า พูดอย่างจริงจังว่า “พี่สาวของฉันออกจากเยี่ยนจิงยี่สิบกว่าปีแล้ว ชิงเสว่เกลียดพ่อเธอแน่นอน แต่ก็เกลียดแม่ของเธอที่ยี่สิบกว่าปีก็ไม่เคยมาดูเธอสักครั้งด้วย”
“คุณเกลียดเธอ”
“ทำไมฉันต้องเกลียดเธอ?”
ลั่วเยนอวิ๋นขำกับคำพูดของถังเฉาจนหัวเราะออกมา “ชิงเสว่เป็นเพียงหลานสาวของฉัน ไม่ใช่ลูกสาวของฉันสักหน่อย”
“อีกอย่าง พี่สาวของฉันเป็น ‘ตัวอย่างที่ดี’ ให้ฉันแล้วว่าให้หนักแน่นกับความคิดที่ไม่แต่งงาน……ฉันเป็นบุคคลที่ไม่มีความคิดแต่งงาน”
“งั้นคุณกำลังสงสารเธอ?”
ถังเฉายังยิ้มอยู่
“…….”
ในตอนนี้เอง สายตาของลั่วเยนอวิ๋นแปรเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่าย
พูดให้ถูกคือเกลียดรอยยิ้มที่เหมือนดูทุกอย่างออกบนใบหน้าของเขา
ไม่นับว่าเยาะเย้ย เมตตาก็ไม่ใช่…..ยังไงซะก็ทำให้เธอรู้สึกเกลียดมาก
“เรื่องการแต่งงานของนายกับชิงเสว่ ถูกลือไปทั่วเยี่ยนจิงแล้ว ทุกคนต่างก็พูดว่านายเป็นหมาวัดได้นางฟ้า ตอนนี้มาเจอ ฉันไม่คิดว่านายจะไร้ประโยชน์เหมือนอย่างที่ลือกัน”
ลั่วเยนอวิ๋นท่าทางครุ่นคิด “เหมือนว่า เหมือนกับว่า….”
“เหมือนกับหลินรั่วหวีคนที่สอง”
ถังเฉารับคำของเธอมาอย่างดี
“ใช่! หลินรั่วหวีคนที่สอง!”
ในสายตาของลั่วเยนอวิ๋นมีความสดใสแวบเข้ามา จากนั้นก็กลับสู่ความนิ่งสงบ ท่าทางเคร่งขรึมอย่างที่สุด “ฉันแค่อยากชดใช้ให้เธอแทนเธอเท่านั้น”
ถังเฉาแอบถอนหายใจ เพียงประโยคสั้นๆ แต่กลับปรากฏเธอถึงสองคน
เธอเหมือนกัน แต่ไม่ได้หมายถึงคนเดียวกัน
พวกเธอเหมือนกันขนาดนั้น สวยงามเหมือนกัน และก็หน้าที่การงานสำเร็จเหมือนกัน
อีกคนกลับครอบครัวแตกแยก ถอยออกไปอย่างเศร้าโศก อีกคน…..ได้เจอกับเขา มีความสุขทั้งชีวิต
“แต่ผมไม่ใช่เขา และก็ไม่อยากเป็นเหมือนเขา”
ถังเฉาส่ายหน้า ท่าทางเคร่งขรึมมากเหมือนกัน “อย่างน้อย ผมไม่มีทางทำให้เธอเสียใจ”
ลั่วเยนอวิ๋นเองก็มองดูถังเฉาอย่างซับซ้อน “นายคิดอย่างนี้ แต่ว่าเขากลับคิดว่านายเหมือนกับเขามาก คนๆหนึ่ง ไม่ชอบให้ใครอีกคนเหมือนกับตัวเองมากเกินไปหรอก”
“ความอดทนที่เขามีต่อนาย มันถึงขีดสุดแล้ว เป็นฉัน ที่ช่วยนายบังพายุก่อนหน้าพวกนั้นไว้”
ลั่วเยนอวิ๋นพูดอย่างจริงจัง
สายตาถังเฉาเปลี่ยนไป เปลี่ยนหนักแน่นมากขึ้น
“เดิมที ตอนที่นายและหลานสาวคนโตถูกนักฆ่าลอบฆ่า เขาก็จะไปหานายแล้ว”
ลั่วเยนอวิ๋นพูดต่อไป “เขาไม่ได้เรียกร้องความรับผิดชอบจากใคร แต่จ้องเล็งนายไว้”
“ทำไมถึงเป็นผม?”
ถังเฉาถามเสียงทุ้ม ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ในใจเขาถึงมีความเกลียดชังแพร่กระจาย
ลั่วเย่นอวิ๋นมองดูเขา พูดด้วยน้ำเสียงเนือยๆว่า “เพราะในสายตาของเขา นายก็คือสิ่งอันตราย!”