บทที่ 154 หลังจากคืนนี้ไม่มีครอบครัวซ่ง
เหตุการณ์พลิกผันเร็วมาก เร็วจนนทุกคนไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
หวางหมิ่นเหมินและจ้าวลิ่วต่างมองไปที่ตระกูลซ่งที่วุ่นวายนี้ จับต้นชนปลายไม่ถูก
ซ่งหรูอี้ไม่ใช่หัวหน้าของตระกูลซ่งหรอกเหรอ ทำไมเพียงแค่ชั่วครู่ก็ต้องเป็นเป้าของทุกคนไปแล้วล่ะ?
เหตุการณ์ ทำให้หล่อนรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง
ในไม่ช้า หล่อนก็นึกขึ้นได้–ตระกูลหลิน หล่อนเคยเห็นที่บ้านของตระกูลหลิน
ที่ตระกูลหลิน โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหลิงและคนอื่นๆก็กระทำเช่นนี้กับรองหัวหน้า ทำตัวแย่กว่าตระกูลซ่งด้วยซ้ำ
พวกหล่อนมองรองหัวหน้าเป็นคนเฮงซวย และหาทุกวถีทางเพื่อที่จะกำจัดรองหัวหน้า ไม่เพียงแค่ใช้คำพูดดูถูกแล้ว อีกทั้งยังใช้การกระทำข่มเหงรองหัวหน้าเพื่อประโยชน์อื่นอีก
หากเป็นคนธรรมดา คนโดนพวกหล่อนฆ่าตายไปนานแล้ว
ไม่คิดว่า เหตุการณ์นี้จะมาซ้ำรอยที่ตระกูลซ่งอีก…
ช่วงเวลานี้ เฟิ่งหวงก็พอจะความใจว่า ‘ความอบอุ่น’ที่รองหัวหน้าหมายถึงนั้นคืออะไร
เขากับซ่งหรูอี้ เดิมที่ก็เป็นคนประเภทเดียวกันอยู่แล้ว
แม้ว่าจะกลัวว่าซ่งหรูอี้จะหลอกใช้และทำร้ายถังเฉา แต่ถังเฉาก็ไม่ได้เกลียดหล่อนแต่อย่างใด
พวกเขานั้นคุยกันรู้เรื่อง หากไม่ได้อยู่ในฐานะตำแหน่งที่ต่างกัน ป่านนี้คงจะเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วแน่ๆ
เฟิ่งหวงแอบมองไปที่ถังเฉา เห็นเพียงแค่ท่าทีที่ยังคงสงบของเขา เพียงแต่ตาคู่นั้น มันกลับดูซับซ้อนเหลือเกิน
“รองหัวหน้า ท่านจะทำยังไงต่อ?”
เฟิ่งหวงรู้ว่าซ่งหรูอี้นั้นเคยทำร้ายรองัวหน้ามาก่อน ของเพียงแค่เอ่ยปากมา เธอก็จะลงมอสนับสนุนซ่งหรูอี้ด้วยทันที
อย่างไรก็ตาม ถังเฉายิ้มและส่ายหัวเบาๆ “หากล้มหล่อนได้ง่ายขนาดนั้น ก็คงไม่ใช่ซ่งหรูอี้แล้วล่ะ แล้วก็คงไม่สมควรที่จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน”
เมื่อเฟิ่งหวงได้ยินเช่นนั้น ก็หันไปมอง ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจอย่างมาก
ไม่ว่าตระกูลซ่งจะพูดอะไรมากมายแค่ไหน แต่ซ่งหรูอี้ก็ไม่ได้พูดตอบโต้ไปสักประโยคเดียว
แววตาของหล่อน ยังคงเย็นชา
ออร่าของหล่อน ก็ยังคงแรงกล้า
คางของหล่อนยังคงยกสูงขึ้นมองทุกคน
หากจะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจริงล่ะก็ ก็คงเป็นมุมปากของหล่อนที่ยิ้มออกมาอย่างเหยีดหยาม
ท้ายสุดเมื่อทุกคนต่างพูดจนเหนื่อย จึงเงียบปากลง
“พูดจบแล้วหรือยัง?”
ซ่งหรูอี้พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบอย่างแผ่วเบา
ทันใดนั้น คนของตระกูลซ่งทั้งหมดก็รู้สึกว่าโดนทำให้อับอายเสียแล้ว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“แกไม่สมควรที่จะเป็นหัวหน้าของตระกูลแล้ว จะถูกไล่ออกในไม่ช้า จะยังมาทำตัวน่าเกรงขามไปทำไม?”
“ฉันเห็นว่าแกไม่คิดที่จะช่วยพี่ซ่งเทียนแก้แค้น แน่นอนว่าต้องยังคิดเรื่องของไอ้ไร้ประโยชน์นี่ เมื่อห้าปีก่อน พวกเขาเกือบจะได้เป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว!” รุ่นน้องจากตระกูลซ่งพูดอย่างโหดเหี้ยมและพูดถึงเรื่องราวต่างๆเมื่อห้าปีก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดจบ ก็ถูกมองด้วยสายตาที่เด็ดขาดมาพร้อมกับคำพูดที่ไม่ได้แยแสเลยสักนิด
“หากพูดไม่เป็น ฉันจะไม่ถือสาสอนบทเรียนแทนพ่อแม่ให้ก็แล้วกัน”
รุ่นน้องคนนั้นตกใจ แต่ก็ยังคงยืนกรานพูดว่า “งั้นฉันทำผิดหรือไงกัน?”
จากนั้น ถังเฉาเหลือบมองไปที่เฟิ่งหวง “ตบปากซะ”
เฟิ่งหวงเดินไปหารุ่นน้องคนนั้น ลากเขาขึ้นมา และตบไปหลายที
เปี๊ยะ เปี๊ยะ เปี๊ยะ…
หลังจากตบไปสองสามที ปากของรุ่นน้องคนนั้นในตอนนี้เต็มไปด้วยเลือด ฟันร่วงหมดปาก!
“ถังเฉา!”
เมื่อทำร้ายร่างกายต่อหน้าเขา ซ่งสวินก็กัดฟันจนแทบร่วง
ซ่งหรูอี้มองไปที่ถัวเฉาอีกครั้ง จากนั้นพูดว่า “นี่เป็นแค่ความต้องการจากพวกคุณเท่านั้น หากต้องการถอนฉันออกจากตำแหน่งหัวหน้า ก็ต้องโหวตผ่านทุกคนถึงจะได้!”
ซ่งสวินกล่าวทันทีว่า “ใครต้องการที่จะให้ซ่งหรูอี้ออกจากตำแหน่ง ยกมือขึ้น!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นก่อน
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ
คนอื่นๆก็ยกมือขึ้นเช่นกัน
ท้ายที่สุด ทุกๆคนก็ยกมือขึ้น เหลือแต่ซ่งหมิงเวยเท่านั้น
“หมิงเวย รีบยกมือขึ้นเร็ว!” ซ่งเต้าหลิงตะโกนด้วยความโกรธ
ซ่งหมิงเวยรู้สึกถึงแรกกดดันอย่างมาก ตัวสั่นไปหมด แต่ยังคงยืนกรานว่า “ยกไม่ได้!”
“ถ้าไม่ยก แกก็โดนไล่ออกไปเหมือนกับหล่อนนั่นแหละ ออกไปจากตระกูลซ่งด้วยกันเลยไป” ดวงตาของซ่งเต้าหลิงนั้นดูมืดมน
“นี่คือสิ่งที่พวกคุณทำต่อคนในตระกูลซ่งด้วยกันงั้นเหรอ?”
มีเสียงหัวเราะอย่างสนุกสนานออกมา ถังเฉาชี้ไปที่ซ่งหรูอี้ จากนั้นก็พูดกับซ่งหมิงเวยว่า “ไปหาลุูกพี่ลูกน้องของนายซะ ฉันอยากรู้ว่าใครจะกล้ามาข่มเหงนาย”
คำพูดนั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและเจตนาที่ต้องการจะฆ่า
ซ่งหมิงเวยมองถังเฉาอย่างขอบคุณ ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เมื่อถังเฉาพูดประโยคนี้จบ ความกดดันในตัวเขาก็หายไปและเดินไปด้านหลังของซ่งหรูอี้
“ดี…พวกแกสองคน ต้องการทำแบบนี้กับตระกูลซ่งใช่ไหม?”
ร่างกายซ่งซุนกระตุกด้วยความโมโห ชี้ไปที่ซ่งหรูอี้และซ่งหมิงเวยด้วยความโกรธ
ซ่งเต้าหลิงมองไปที่ซ่งหรูอี้ด้วยสายตาที่ขมขื่นและกล่าวว่า “พ่อ ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วไง ว่าหล่อนไม่ใช่คนของตระกูลซ่ง ไม่ว่าเราจะทำดีกับหล่อนแค่ไหน หล่อนก็ไม่มีทางมาเดินสายเดียวกับเราหรอก มันคงจะดีกว่าถ้าไล่สองคนนี้ออกจากตระกูลซ่งไป!”
“ก็ดี”
หลังจากพบว่าซ่งหรูอี้ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป ซ่งสวินก็เลิกเสแสร้ง มองไปที่ซ่งหรูอี้และซ่งหมิงเวยด้วยสายตาที่เย็นชา “แกสองคน โดนไล่ออกจากตระกูลซ่งแล้ว!”
เห้อ
ซ่งหมิงเวยรู้สึกเหมือนโดนตีเข้าอย่างจัง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นขาวซีด หากสูญเสียที่พักพิงจากตระกูลซ่ง เขาจะมีชีวิตรอดในอนาคตได้อย่างไรกัน
เขากัดฟันพร้อมกับพูดกับซ่งหรูอี้ว่า “พี่ หยุดโขกสับกับคุณปู่ได้แล้ว…”
ซ่งหรูอี้นั้นไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด เหลือบมองไปที่ซ่งสวินและพูดว่า “คุณปู่ ท่านคิดดีแล้วใช่ไหม?หากไล่ฉันออกจากออกตระกูลซ่ง แล้วท่านจะจัดการถังเฉายังไง?”
“มันก็แค่คนไร้ประโยชน์ที่ไม่มีความสามารถเท่านั้น คุณกลัว แต่ฉันไม่กลัว!”
แปะแปะ–
ซ่งสวินหัวเราะออกมา ปรบมือสองที ในไม่ช้ากลุ่มทหารยามถืออาวุธปืนก็พุ่งเข้ามาและหันชี้ไปทางถังเฉา
เมื่อเห็นฉากนี้ ซ่งสวินก็หัวเราะออกมา “ฉันรู้ว่าพวกแกสองคนนั้นเก่งกาจ แต่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็สู้กระสุนอันทรงพลังนี้ได้เหรอ?”
จากนั้น ซ่งหรูอี้ก็ยืนขึ้น มองไปที่ซ่งหมิงเวยและพูดว่า “น้องชาย เราไปกันเถอะ”
ซ่งหมิงเวยตกใจกลัวจนขาทั้งสองข้างสั่นสะท้าน กัดฟันแน่นพูดว่า “พี่ พี่สาว เราจะไปจากตระกูลซ่งกันจริงเหรอ?”
“ฉันรู้ว่านายกำลังกังวลอะไรอยู่”
ดวงตาของซ่งหรูอี้นั้นเรียบเฉย “แค่ฉันคนเดียว ก็รวยมากแล้ว!”
คำพูดที่มีพลังเช่นนี้ แม้แต่ซ่งสวิน ซ่งเต้าหลิงและคนอื่นๆก็ต่างตกใจ
รวมถึงเฟิ่งหวงเองก็ใจเต้นผิดจังหวะ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองถังเฉา
แรงกระตุ้นนี้ ความกล้าหาญนี้ ซ่งหรูอี้คนนี้ก็คือรองหัวหน้าในแบบผู้หญิงนี่เอง!
ในไม่ช้า สติของซ่งสวินก็กลับมา พร้อมกับพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ไม่รู้จริงๆเหรอว่าท้องฟ้ามันสูงแค่ไหนกัน เป็นคนร่ำรวยคนหนึ่ง พอออกจากตระกูลซ่งไป แกก็ไม่ใช่สักอย่างแล้ว!”
“จริงเหรอ?”
คราวนี้คนที่พูดคือถังเฉา เขามองซ่งสวินด้วยใบหน้าที่ติดตลก “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แค่บริษัทตระกูลซ่ง คุณเอากลับมาได้ไหมล่ะ?”
“ไร้สาระ บริษัทตระกูลซ่งก่อตั้งโดยฉัน ฉันมอบตำแหน่งประธานให้หล่อน ถ้าต้องการเอาคืน ประโยคเดียวก็จัดการได้แล้ว…”
หลังจากพูดจบ ซ่งสวินก็เห็นซ่งหรูอี้พาคนใส่ชุดสูทมา พร้อมกับพูดว่า “พวกนายเป็นคนของฉัน ด้านไหนส่องสว่างกว่า ไม่น่าจะแยกไม่ออกนะ?”
อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับการชักชวนของซ่งสวิน คนเหล่านั้นก็ไม่แสดงอะไรออกมา บางคนก็มองเขาด้วยความรังเกียจ
“ขอโทษครับ คุณซ่ง แต่ดูเหมือนว่าคุณจะลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง..”
“บริษัทตระกูลซ่งนั้นถูกก่อตั้งโดยคุณจริง แต่คุณได้มอบมันให้แกซ่งหรูอี้แล้ว”
“ดังนั้น พวกเราเลยติดตามนายหญิง นายหญิงไปไหน พวกเราก็ไปด้วย!”
“พวกแก..!”
ทันทีที่เขาพูด สิ่งนี้ทำให้หัวใจของซ่งสวินกระตุกอย่างรุนแรง ดวงตาของเขามองไปที่พวกนั้นอย่างเหลือเชื่อ เขาก็พูดอะไรไม่ออก
หลังจากนั้นไม่นาน เขาดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างพร้อมกับมองไปที่ซงหรูอี้ด้วยความโกรธและพบว่าใบหน้าของหล่อนนั้นกำลังเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย
“เหตุผลที่ตระกูลซ่งนั้นยังแข็งแกร่ง ก็เพราะว่ายังมีบริษัทตระกูลซ่งอยู่ หากสูญเสียบริษัทตระกูลซ่งไป ตระกูลซ่งยังจะร่ำรวยอยู่งั้นเหรอ?”
ถังเฉามองไปที่ซ่งสวินด้วยท่าทางขี้เล่นและพูดทีละคำว่า “ไม่ใช่หล่อนที่โง่ แต่เป็นคุณต่างหาก”
ประโยคนี้เหมือนเป็นางเส้นสุดท้ายของซ่งสวิน ทำให้เขาอับอายและโกรธเป็นอย่างมาก
“คนไร้ประโยชน์อย่างนายหุบปากไปซะ เรื่องของตระกูลซ่ง ไม่ใช่กงการอะไรของนาย!”
“แกทำร้ายหลานชายของฉันเป็นแบบนี้ ฉันจะปล่อยแกไปได้ยังไงกัน ฆ่ามันซะ!”
ซ่งสวินออกคำสั่ง ให้จัดการถังเฉาก่อน แต่ยังไม่ทันได้ลงมือ พื้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
จากนั้นรุ่นน้องตระกูลซ่งก็ได้วิ่งเข้ามาอย่างตื่นตระหนก “ท่านปู่ ไม่ดีแล้ว มีรถไถหุ้มเกราะจำนวนมากอยู่ด้านนอกประตู”
“อะไรนะ?!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของซ่งสวินก้เปลี่ยนไป
“ฉันพูดไปแล้วว่านับตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไปจะไม่มีตระกูลซ่งอีก!”