บทที่92 ตระกูลโจวแห่งเมืองซ่างเฉิง
โครม—-
จ้าวเชียนจูนที่เพิ่งลุกขึ้นยืน เห็นฉากนี้ ตกใจจนวิญญาณแทบหลุด ขาทั้งสองอ่อนยวบ ทรุดลงนั่ง
สีหน้าซีดขาวหาที่เปรียบไม่ได้ กองทัพพร้อมอาวุธมากจนดูราวกับเหยียบขึ้นไปบนเมฆ ได้เหยียบย่ำเข้ามาในใจพวกเขาด้วย
เมื่อเทียบกันแล้ว สมาคมการต่อสู้ จะไปเทียบอะไรได้!
หวางเยี่ยนดีขึ้นหน่อย แต่ว่ายังคงตัวแข็งทื่อ ราวกับโดนคนบีบคอไม่ปาน หายใจไม่ออก
ถังเฉาขมุ่นคิ้วเล็กน้อย ไหนบอกให้เงียบเสียงลงหน่อยไง ทำไมคนถึงออกมามากมายขนาดนี้
กริ๊งงง—-
ในเวลานี้ เฟิ่งหวงโทรมา
ราวกับรู้ว่าตัวเองผิด เฟิ่งหวงอธิบายไม่หยุด
“คุณชาย หลี่เถ่บอกมาแล้วว่า กองที่ส่งออกไป เป็นกองที่กำลังคนน้อยสุดแล้ว ก็เลย……”
ถังเฉาฝืนยิ้ม นี่คือกองที่คนน้อยสุดแล้วเหรอ
ช่างเถอะ ช่างเถอะ……
ถังเฉาพูดเสียงเรียบ“ช่วยไม่ได้”
ใจที่ไม่สงบของเฟิ่งหวงจึงเบาลง
ฝ่ายหวางเยี่ยนกับจ้าวเชียนจูน ยังคงจมดิ่งไปกับการโจมตี พวกเขาคิดจนหัวระเบิดก็ยังคิดไม่ออก อยู่ดีๆจะไปเจอกองทัพเข้าได้ไง
หรือว่า……จะเป็นเขา?!
จ้าวเชียนจูนกับหวางเยี่ยนหันไปมองถังเฉาพร้อมกัน ต่างก็ส่ายหน้า
ไม่ต้องพูดถึงเขาแล้วล่ะ ทั้งเมืองหมิงจู หาคนที่มีพละกำลังแบบนี้ไม่ได้หรอก
เวลานี้ รถสีดำที่ปักธงแดงคันหนึ่งแล่นมา ชายผิวดำหน้าแหลมเล็กคนหนึ่งนั่งอยู่บนรถ มองมาที่กองทัพ
เป็นหลี่เถ่
เขาทำไม้ทำมือ ขณะนั้น ทุกอย่างเงียบกริบจนแม้นเข็มตกเล่มหนึ่งก็ยังได้ยิน
สามวินาทีต่อมา ธงแดงโบกสะบัด สีแดงทอประกาย ดนตรีเสียงกึกก้อง ต่างก็ดังขึ้น
ท่ามกลางดนตรีปลุกใจ กองกำลังค่อยๆไกลออกไป
ในเวลานี้เอง ความกดดันจากกองทัพจึงค่อยๆมลาย ทุกอย่างกลับเป็นปกติ
จ้าวเชียนจูนผ่อนลมหายใจออก เหงื่อท่วมตัว
“ฮู้ว์ ดีที่เป็นแค่กองกำลังฝ่ายบุ๋น……ก็บอกแล้วไง จู่ๆไปเจอกองทัพเข้าได้ไงล่ะ”
ความสงสัยในตัวถังเฉาหายไปทันที
เจ้านี่แค่โชคดี ที่ไปเจอพิธีกองทัพเข้าพอดี ไม่งั้นจะมีกำลังมากขนาดนั้นได้ไง
นักโทษพวกนั้นจึงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าทุกคนฉายแววเสียดายอย่างชัดเจน ถ้ารู้ว่าเป็นแค่การซ้อมกองกำลัง ก็ไม่กลับมาหรอก
พวกเขามองหวางเยี่ยนอย่างระมัดระวัง เห็นหวางเยี่ยนไม่ได้สังเกตพวกเขา ก็อดคิดลอบหนีไม่ได้
เสียงของถังเฉาดังกังวานขึ้น“คุณตำรวจหวาง ผมรู้สึกว่ารีบล๊อคพวกเขาเอาไว้ดีกว่า ถ้าปล่อยให้หนีไปได้อีก ผมช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ”
“หือ?อ่อ……”
หวางเยี่ยนจึงได้สติคืน กุลีกุจอล๊อคกุญแจ และตะโกนว่า“ว่ามา พวกแกลับๆล่อๆ ตกลงคุยการค้าเรื่องอะไรกัน”
คนกลุ่มนั้นก็ใจแข็ง หุบปากไม่พูดไม่จา
หวางเยี่ยนได้แต่เรียกไปที่กองกำลังหลัก แล้วพาพวกเขาไปสอบปากคำทีละคน
จ้าวเชียนจูนกำลังคิดหนี ถังเฉาเข้าบังพอดี“คุณชายจ้าว จะไปไหน”
“ถังเฉา—-”
จ้าวเชียนจูนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองถังเฉา รู้สึกเกลียดจนแทบกลืนกิน
เดิมทีเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาด แต่พอถังเฉามา ก็เสียรูปการณ์ทันที
หวางเยี่ยนสบตามองเขาอย่างเย็นชา ใช้มือคว้าแขนเขาไว้“จ้าวเชียนจูน ฉันสงสัยว่านายเป็นพวกเดียวกับพวกเขา ตามฉันมาหน่อย”
ผ่านไปไม่นาน เพื่อนร่วมงานของหวางเยี่ยนเดินมา เป็นชายหนุ่มรูปงามที่สวมชุดเครื่องแบบ
เขามองไปที่จ้าวเชียนจูนกับคนสกุลจ้าวทีหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะโดน หวางเยี่ยนจับแล้ว
ถังเฉามองเห็นอย่างแจ่มชัด ฉับพลันนั้นหรี่ตาลง เก็บมือขึ้น
หวางเยี่ยนชี้ไปที่เพื่อนร่วมงาน พูดกับถังเฉาว่า“ขอแนะนำเพื่อนร่วมงาน สื่อเหลย”
“สวัสดี”
ถังเฉายื่นมือไปให้เขา หากแต่สื่อเหลยไม่แม้แต่ชายตามอง พุ่งเป้าไปที่หวางเยี่ยนถ่ายเดียว
“หวางเยี่ยน เธอนี่ยอดเยี่ยมไปเลย การค้าลับใต้ดินของตระกูลจ้าวถูกจับตามองมานาน กำลังกลุ้มว่าจะตีคดีไม่แตก เธอก็รวบพวกเขาไว้ได้ทันที เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเลยนะเนี่ย”
“ไม่ใช่หรอก ที่จริงคือ—-”
หวางเยี่ยนรีบปฏิเสธพลัน ในขณะที่กำลังจะเล่าเรื่องทั้งหมดออกมา ถังเฉากลับส่ายหน้าให้เธอเบาๆ แสดงให้เธอเห็นว่าอย่าปฏิเสธ
หวางเยี่ยนมองไปที่ถังเฉาอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ยกความดีความชอบให้กับ เธอ เธออยากจะพาถังเฉาไปรับรางวัลเสียด้วยซ้ำ“คุณตำรวจหวางเยี่ยน คำถามที่ควรถามผมได้ถามไปหมดแล้ว ถ้าไม่มีอะไร ผมขอตัวก่อน”
ถังเฉามองไปที่สื่อเหลยอีกสองสามที แล้วก็เดินผ่านหวางเยี่ยนไป
ในจังหวะที่เดินพาดผ่าน เขาแอบกระซิบให้หวางเยี่ยน ทำให้หวางเยี่ยนรู้สึกตัวสะท้าน
เขาบอกว่า“อย่าลืมว่าคนรักของคุณตายยังไง”
ส่วนสื่อเหลยเห็นถังเฉากระซิบกระซาบกับหวางเยี่ยน แววตาจึงพาดประกายความชั่วร้าย
ถังเฉามองดูเวลา ยังเช้าอยู่
ฉับพลันนึกขึ้นได้ โครงการของสกุลหลินกับลี่จิงได้เริ่มขึ้นแล้ว
ลี่จิงเสนอสูตรน้ำหอมขวดใหม่ยี่ห้อ’นางฟ้า’ให้ ส่วนสกุลหลินดูแลการผลิต
น้ำหอมขวดใหม่ยี่ห้อ’นางฟ้า’มีต้นตำรับมาจากลูกสาวของเขา ดังนั้นถังเฉาเองก็ให้ความสนใจมาก
เขาจะต้องทำให้น้ำหอม’นางฟ้า’ มียอดขายอันดับหนึ่งของประเทศ……ไม่สิ ต้องเป็นน้ำหอมระดับโลก
ราวๆครึ่งชั่วโมงให้หลัง ถังเฉามาถึงหน้าประตูบริษัทโอ้ชิน เขาจะเข้าไปดูว่าเป็นยังไง
จากนั้น จึงเดินเข้าไป ฉับพลันพลังสังหารแห่งโทสะก็พุ่งทะยานใส่เขา ทำให้เขาแทบจะแตกสลายลงในเวลานั้น
บริษัทโอ้ชินทลายเป็นซากปรักหักพัง ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน หรือห้องผลิต ล้วนถูกทำลายล้างให้ราบเป็นหน้ากลอง
อย่าว่าแต่ผลิตเลย ก็แค่หมุนเวียนธรรมดานี่แหละ ยังทำไม่ได้แล้วเลย
“พ่อ!”
ถังเฉาราวกับคิดอะไรได้ รีบพุ่งเข้าไปในห้องทำงาน
สิ่งที่ทำให้ถังเฉาผ่อนคลายได้บ้าง คือ หลินเจิ้นสงไม่เป็นอะไร
แต่ว่า หน้าบวมไปครึ่งหน้า มุมปากมีคราบเลือด ดูก็รู้ว่าถูกตบมา
“พ่อ เป็นไงบ้าง ”ถังเฉาระงับความโกรธในใจ พูดเสียงทุ้ม
หลินเจิ้นสงโบกมือ ยิ้มขมขื่น พูดขึ้น“เสี่ยวเฉา พ่อไม่เป็นไร แต่บริษัทพังเป็นหน้ากลองเลย”
“ความร่วมมือกับลี่จิงก็ยากขึ้น……”
ในน้ำเสียง มีความขมขื่น
“……”
ถังเฉาสูดลมหายใจลึก ถามเสียงทุ้ม“พ่อ บอกผมหน่อย ตกลงเกิดอะไรขึ้น ใครพังบริษัท แล้วใครซ้อมพ่อ……”
น้ำเสียงของเขากล้ำกลืนเหลือทน ทำให้ผู้ฟังรู้สึกปวดใจ
คนที่รู้จักมักคุ้นกับถังเฉาต่างก็รู้ว่า เมื่อน้ำเสียงของถังเฉาเปลี่ยนเป็นแบบนี้ หมายความว่าโทสะปะทุถึงขีดสุด
หลินเจิ้นสงถอนหายใจ พูดขึ้น“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน คนกลุ่มหนึ่งเข้ามา แล้วมาพังบริษัทซะราบคาบ”
“พวกมันไล่คนงานออกไปหมด พังเครื่องจักรทั้งหมด แล้วก็ไป ก่อนไปยังหันมาขู่ให้พ่อระวัง อย่าได้ไปล่วงเกินคนที่ล่วงเกินไม่ได้”
โครม—-
ชั่วขณะนั้น แววสังหารในดวงตาของถังเฉาฉายชัด สีหน้าค่อยๆเย็นชาขึ้น ความเยียบเย็นนั้นดุจภูเขาน้ำแข็ง ที่ครอบคลุมไปทั่วผืนดิน
“พ่อ วางใจเถอะครับ เรื่องนี้ผมจัดการเอง”
น้ำเสียงของเขาแหบพร่า“ผมจะให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องต้องเสียใจ……”
พูดจบ เขาจึงค่อยๆเดินออกจากบริษัทโอ้ชิน
เขาไม่ได้ขยับในทันที หากแต่ยืนนิ่งงันอยู่ที่ประตู
เป็นนาน เขาจึงต่อสายหมายเลขหนึ่ง“เฟิ่งหวง ช่วยตรวจสอบอะไรให้หน่อย”
“ใครกันที่พังบริษัทโอ้ชิน ยังซ้อมพ่อผม”
“ผมต้องการรายชื่อผู้เกี่ยวข้องทุกคน”
น้ำเสียงราบเรียบ ไม่ไหวติง แต่เฟิ่งหวงที่อยู่ปลายสายตัวสั่นเทา
เพราะหล่อนสัมผัสได้ถึงไอกรุ่นของรอยสังหาร ต่อให้มีโทรศัพท์กั้น ก็ซึมซาบเข้ามายังตัวเธอได้
“ค่ะ!”
เธอขานรับขันแข็ง เฟิ่งหวงรีบออกคำสั่งลูกน้องว่องไวปานสายฟ้าฟาด
ในขณะนั้น ทั่วทั้งเมืองหมิงจูอึมครึมขึ้นมา ต่างได้รับการกระทบกระเทือนไปทั่ว คำสั่งแต่ละคำสั่ง สั่งการลงไปอย่างแข็งขัน
เมืองทั้งเมืองหมิงจูกระจายคำสั่ง เพียงเพื่อสืบหาเรื่องๆหนึ่ง:ใครเป็นคนพังบริษัทโอ้ชิน และทำร้ายร่างกายผู้คน
สามนาที
เพียงแค่สามนาทีสั้นๆ
เฟิ่งหวงก็ได้รับการตอบกลับ แล้วโทรหาถังเฉาเป็นอันดับแรก
“คุณชาย ได้เรื่องแล้ว”
“ใครกัน”
น้ำเสียงถังเฉาคลุมด้วยรอยสังหาร
เฟิ่งหวงใจกระตุก คนเข้มแข็งอย่างหล่อน เวลานี้ก็อดที่จะตัวสั่นงันงกไม่ได้แล้ว
“เป็น บ้านแม่ยายของโจวเหม่ยหยูน สกุลโจวแห่งเมืองซ่างเฉิง……”