บทที่ 84 การเนรเทศ
หากมีบริษัทยักษ์ใหญ่สิบบริษัท บรรยากาศของงานเลี้ยงอาหารมื้อคำวันนี้คงเป็นไปอย่างเต็มที่ การมาของบริษัทตระกูลซ่ง จึงไม่มีใครคาดคิด
ทันใดนั้นบรรยากาศก็แปลกประหลาดมากขึ้น หลินฉ่ายเวยที่สตินั้นกลับมาแล้ว ดวงตาของเธอก็ดูตื่นตระหนก
ตระกูลซ่ง เขาคือคนที่มีขนาดตัวใหญ่จริงๆ
เพียงแค่บริษัทเทคโนโลยีติ่งยี่ เหอเทียนกรุ๊ปและหัวเซี่ยกรุ๊ปนั้นก็มีความแข็งแกร่งมากพอแล้ว แต่สำหรับตระกูลซ่ง นั้น มันยังไม่พอ
หลินเจิ้นสงลดเสียงลงถามถังเฉาว่า “เสี่ยวเฉา ทำไมแกถึงเอาบริษัทตระกูลซ่งมาล่ะ?”
ถังเฉานั้นไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมาเบาๆ แต่ละอย่างก็ค่อยๆถูกลดงลงไป
เขาเองก็ไม่คิดว่าบริษัทตระกูลซ่งนั้นจะมา อีกทั้งพอมาก็พูดถึงแปดสิบล้านเลย
ประธานหวางติ่งเหยนจากบริษัทเทคโนโลยีติ่งยี่นั้นรู้สึกไม่พอใจ ยืนขึ้นและพูดกับซ่งหมิงเวยว่า “ทุกคนก็ล้วนแต่ออกห้าสิบล้านกัน คุณกล้าดีอะไรมาออกแปดสิบล้าน?”
ใบหน้าของซ่งหมิงเวยนั้นเต็มไปด้วยความดูหมิ่น “พวกเราตระกูลซ่งจะให้ไปเท่าไหร่ จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากพวกนายก่อนเหรอ?”ขณะที่พูด ก็ไม่ได้สนใจสีหน้าที่ดูน่าเกลียดของประธานบริษัทอื่นๆเลย แล้วพูดต่อว่า “ฉันตระกูลซ่ง จะจ่ายเงินแปดสิบล้าน แล้วก็จะเซ็นสัญญาเดี๋ยวนี้”
บริษัททั้งสิบมองหน้ากัน จากนั้นหวางติ่งเหย่นก็พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “งั้นบริษัทเทคโนโลยีติ่งยี่ก็จะให้แปดล้านเหมือนกัน!”
ปัง!
“….”
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างพากันตกตะลึง แม้แต่หลินชิงเสว่เองก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หันกลับไปมองถังเฉาด้วยสายตาที่มีคำถาม
นี่มันงานเลี้ยงอาหารของสปอนเซอร์อะไร นี่มันกลายเป็นงานประมูลไปแล้วชัดๆ
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากถังเฉา ใครจะไปรู้ล่ะว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสิบนี้ ล้วนต่างได้รับคำสั่งมากจากผู้จัดการของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป หากเรื่องนี้จัดการได้เสร็จสิ้น โควต้าในการเข้าหอการค้านี้ ก็จะเป็นรายชื่อในสิบบริษัทนั่นเอง
เมืองหมิงจูที่ใหญ่โต มีเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่เป็นสมาชิกของสมาคมการค้าหงยิงและพวกเขาคือชายที่ร่ำรวยที่สุด นั่นคือหูอีซาน ฉางหงเทียนและเจิงเทียนเสียงที่เพิ่งเข้ามาใหม่
จะเห็นได้ว่าโควต้าการเข้านั้นยากแค่ไหน
ดังนั้น บริษัทสิบอันดับแรกจึงจัดการกับเรื่องนี้ด้วยความเต็มใจสิบสองคะแนน แต่ในบริษัทสิบอันดับแรกไม่มีใครที่ต้องเสียกำไร หลังคุยกันจึงตัดสินใจให้สปอนเซอร์รายละห้าสิบล้าน
เดิมที่ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่การมาของบริษัทตระกูลซ่งนั้น ได้ทำลายความสมดุลนี้ไป บริษัททั้งสิบนี้จึงไม่สามารถทำอะไรได้ ใครก็ไม่อยากเห็นจะให้สปอนเซอร์ถึงแปดสิบล้านกันหรอก
ประธานบริษัททั้งสิบบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างพากันโต้เถียง จนคอเป็นสีแดงไปหมด แต่ไม่มีเสียงใดใดมาจากตระกูลซ่ง อย่างไรก็ตามซ่งหรูอี้บอกฝ่ายนั้นแค่ว่าต้องการสนับสนุนเงินแปดสิบล้าน และเขาก็ได้จัดการไปแล้ว
“พอได้แล้ว!”
ทันใดนั้น เสียงคำรามดังก็ดังไปทั่วผู้คน
ทุกคนต่างหยุดการโต้เถียงกัน ต่างพากันมองไปที่ถังเฉาด้วยความประหลาดใจ
เพียงชั่วครู่ ตระกูลหลินก็กลายเป็นจุดสนใจของฝูงชน
หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนตกใจจนสีหน้าของพวกหล่อนเปลี่ยนไปอย่างมาก จากนั้นมองไปที่ถังเฉาด้วยความโมโห “แกนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ ทั้งวันทั้งคืนก็คอยแต่หาเรื่องไปทั่ว แกรู้ไหมว่าพวกเขาเป็นใคร?พวกเขาเป็นถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ห้าสิบอันดับแรกของเมืองหมิงจูเลยนะ แล้วแกมีคุณสมบัติอะไรไปบอกให้พวกเขาหุบปากกัน!”
หลังจากด่าถังเฉาเสร็จแล้ว โจวเหม่ยหยูนก็รีบเดินไปหาผู้บริหารระดับสูงของบริษัทลี่จิงกรุ๊ปและบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสิบ พร้อมกับขอโทษด้วยรอยยิ้ม “ประธานทุกท่า ต้องขอโทษด้วยนะคะ พวกเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับไอคนไร้ประโยชน์คนนี้ พวกคุณสามารถโกรธเขาได้ แต่ได้โปรดอย่าเอามาลงที่คนของตระกูลหลินเลยนะคะ”
“นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?”
คำพูดเหล่านี้ก็ทำให้หลินเจิ้นสงโกรธเช่นเดียวกัน “ลืมไปแล้วเหรอว่าสปอนเซอร์เหล่านี้ใครพามา หากไม่มีเสี่ยวเฉา คนอื่นคงมองเป็นเรื่องตลกไปแล้ว”
“แล้วยังไง?”
โจวเหม่ยกรอกตามองบนและพูดว่า “คุณคิดว่าการที่บริษัทเหล่านี้มา เป็นเพราะว่าเห็นแกหน้าเขางั้นเหรอ?เห็นอยู่ชัดๆว่าที่มาเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของประธานหลินจากบริษัทลี่จิงกรุ๊ปต่างหาก ถึงได้มาลงทุนด้วย”
โจวเหม่ยหยูนกล่าวสิ่งนี้ออกมาจากความเข้าใจของเธอเอง เธอต้องการที่จะเอาใจบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสิบและหลินฉ่ายเวย แต่ในขณะเดียวกัน มันกลับทำให้ทั้งสองฝ่ายนั้นรู้สึกขุ่นเคือง
“ฉันเองก็ไม่ได้มีหน้ามากมายอะไรนักหรอกนะ”
หลินชิงเสว่กล่าวอย่างไม่พอใจและปฏิเสธการเอาใจจากโจวเหม่ยหยูน หวางติ่งเหย่นก็พูดอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น “ทำตัวเองฉลาด คุณเป็นใครกัน และมากล้าเดาได้ยังไงว่าเราคิดอะไรกันอยู่?”
ประธานบริษัทของทั้งเก้าบริษัทต่างมองมาที่โจวเหม่ยหยูนด้วยสายตาที่เย็นชาและดูมีพลังเป็นอย่างมากในที่แห่งนี้
ใบหน้าของโจวเหม่ยหยูนก็ดูไม่ดีทันที เธอตระหนักได้แล้วว่าประโยคนี้นี่เองที่ทำให้ทุกคนไม่พอใจ
เดิมทีเธอกลัวว่าความที่ถังเฉาไม่รู้ความจะต้องทำให้ตระกูลหลินนั้นแย่ไปด้วย ต้องการที่จะตัดขาดความสัมพันธ์และหันไปเอาใจหลินชิงเสว่และประธานจากบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสิบนั้น ไม่ได้คิดเลยว่าเธอจะโดนเข้าเองซะนี่
หลินชิงเสว่มองทุกคนในตระกูลหลินยกเว้นหลินเจิ้นสงด้วยสายตาที่เย็นชา พร้อมกับพูดว่า “พวกคุณต่างล้วนแต่ถูกเข้ามาในบัญชีดำของบริษัทของฉัน ยังจะกล้ามางานเลี้ยงมื้อค่ำของฉันอีก หน้าหนากันจริงๆเลย”
“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบเอาคนพวกนี้เอาไป”
หลี่ถาวที่ได้ยินสิ่งที่หลินชิงเสว่พูด ก็รีบตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาทันที
“เห้ย พวกแกจะทำอะไร?”
“พวกเราเองก็เป็นตระกูลหลินเหมือนกัน จะไล่พวกเราออกไปได้ยังไงกัน!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมก็เข้ามาทันทีและพาโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย หลินจ้องและคนอื่นๆออกไป
หลังจากนั้น หลินฉ่ายเวยก็หันหลังกลับมาและชี้ไปที่ถังเฉาพร้อมกับถามด้วยความโกรธว่า “แล้วทำไมเขาไม่ต้องออกไปเหมือนกัน?”
หลินถังเฉาหรี่ตาลงเล็ก จนถึงเวลานี้ก็จะลากเขาลงน้ำไปด้วยงั้นเหรอ?
ดวงตาของหลินชิงเสว่นั้นเย็นลงรวมถึงน้ำเสียงของเธอด้วย “พวกเราที่ลี่จิงทำงานเฉพาะกับคนที่มีศีลธรรมอันดีเท่านั้น ส่วนคนที่ศีลธรรมไม่ดี ก็ไม่มีคุณสมบัติอะไรให้เข้ามาในลี่จิงหลังจากได้ยินคำพูดของหลินชิงเสว่ หลินฉ่ายเวยก็มองไปที่ถังเฉาด้วยความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้น”
“ถังเฉา!นายทำให้เราเสียหน้าทุกครั้ง ฉันโกรธจะตายอยู่แล้ว…”
“ถ้าไม่จัดการเขาให้ดี มันก็ยากที่จะกำจัดความกลิ่นเหม็นจากฉัน!”
หลินฉ่ายเวยโดนพนักงานรักษาความปลอดภัยเอาตัวออกไปนอกโรงแรมแล้ว หน้าของทุกคนถอดสี โดยเฉพาะหลินฉ่ายเวยที่ได้แต่กระทืบเท้าลงพื้นอย่างดุเดือด
หลินจ้องจดจ่อกับการถูคาง พลางคิดอะไรบางอย่าง
ทันใดนั้นเขาก็แสยะยิ้มขึ้นมา “ทุกท่าน อย่าโกรธไป ผมกลับคิดว่าการที่ประธานหลินและประธานจากสิบบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นโมโหเรา นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”
หลินฉ่ายเวยมองไปที่หลินจ้องอย่างแปลกใจ “ลุง สมองโง่ไปหมดแล้วเหรอ?พวกเราจะถูกทำให้ขายขี้หน้าอีกแล้วนะ”
“มันเป็นเรื่องจริง แต่ว่า ฉ่ายเวย แกลองคิดแบบละเอียดถี่ถ้วนดูสิ เหม่ยหยูนแค่พูดผิดไปประโยคเดียว ทำไมพวกเขาถึงต้องรีบไล่เราออกไป?”
คนอื่นๆมองหน้า ต่างเดาไม่ออกว่าเป็นเพราะอะไร
“ลุง ไม่ต้องพูดขายของแล้ว รีบๆพูดออกมาเถอะน่า ทำไมถึงเป็นเรื่องที่ดีกัน?”หลินฉ่ายเวยถาม
หลินจ้องเอาแต่ยิ้ม “พวกแกได้สังเกตกันไหมว่าบรรยากาศตั้งแต่บริษัทตระกูลซ่งมานั้นมันเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นประธานหลินจากลี่จิงกรุ๊ป หรือว่าจะเป็นประธานจากบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งหมดต่างถอนหายใจกันทั้งนั้น”
คนอื่นก็พากันพยักหน้าแบบงงๆ ความจริงเป็นเช่นนั้น
หลินจ้องกล่าวต่อ “พวกแกลองคิดดูนะ ไอไร้ประโยชน์นั่น จะพูดให้ประธานของบริษัททั้งสิบนั้นหุบปากได้งั้นเหรอ?แม้ว่าเด็กนั่นจะเป็นคนพาประธานเหล่านี้มา แต่ตอนนี้เขาเองก็ได้ทำให้ประธานอาวุโสนั่นขุ่นเคืองเช่นกัน ฉันรับประกันได้เลยว่า การสนับสนุนเงินนี้จะสิ้นสุดในไม่ช้า ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลหลินจะไม่ได้คว้าเงินเลยสักหยวน ถึงตอนนั้นเราจะสั่งสอนไอคนไร้ประโยชน์นี่ยังไงก็ได้”
เมื่อทุกคนได้ยิน พวกเขาก็หัวเราะทันทีและยิ้มให้กันอย่างรู้ทัน