บทที่11 ช่วยจนยุ่ง
การประมูลยังไม่เริ่มต้น แต่มีการจัดเตรียมสถานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว สถานที่ตรงกลางคือเวทีและจอขนาดใหญ่ ส่วนด้านล่างคือตำแหน่งที่นั่งของแต่ละบริษัท
บริษัทส่วนใหญ่มาถึงแล้ว ต่างก็เตรียมตัวประมูลอย่างตื่นเต้น มีแต่สองแม่ลูกหลินฉ่ายเวยคู่นี้ที่มีคนห้อมล้อมมากมาย
เสียงที่แสบแก้วหู มันสามารถดึงดูดความสนใจของแต่ล่ะบริษัท จากนั้นได้มีเสียงพิพากษ์วิจารณ์กัน
“นี่คือบริษัทสาขาของตระกูลหลินไม่ใช่เหรอ? มาได้อย่างไร? ”
“การประมูลครั้งนี้เพื่อหาหุ้นส่วนทำงานร่วมกับบริษัทลี่จิงกรุ๊ปเพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่ อำนาจหลักอยู่ใน มือของลี่จิงกรุ๊ป หากจะทำให้โดดเด่นเหนือบริษัทอื่นนั้น ค่อนข้างยาก ว่ากันว่าแม้แต่บริษัทรับเหมาโฆษณามืออาชีพ ก็ยังไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จได้”
“มาแล้วก็อาจมาเสียเปล่า……”
“เฮ้ ท่านนั้นเหมือนจะเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทหลงเถิงกรุ๊ป ซุนชิง?”
ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมา ทำให้ทุกคนหันไปมองชายคนที่ใส่สูท ทันใดนั้นชายผู้นั้นมีสีหน้าแสดงถึงความปีติยินดี
“คุณนายโจว และยังมีฉ่ายเวย ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกพวกคุณ หากเป็นตระกูลหลินเช่นเมื่อก่อน อาจจะมีโอกาสบ้าง แต่ตอนนี้พวกคุณไม่มีแม้แต่ทีมงานรับเหมามืออาชีพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบริษัทที่มีทรัพย์สินเกินร้อยล้าน ยังกล้ามาเป็นคู่แข่งกับฉัน อยากหัวเราะให้ฟันร่วง!”
โจวเหม่ยหยูนสีหน้าไม่สู้ดี หลินฉ่ายเวยได้แต่กัดฟัน มองเขาด้วยอารมณ์โกรธ “คนทรยศ สุนัขรับใช้ตระกูลซ่ง!”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของซุนชิงเคร่งขรึมลง แต่ก็ยิ้มได้ในไม่ช้า กล่าวอย่างเย่อหยิ่งว่า “ฉันทรยศพวกคุณจริง แต่แล้วไงล่ะ? นกที่ฉลาดจะเลือกต้นไม้ที่ดีทำรัง ตระกูลหลินของพวกคุณถูกตระกูลซ่งกลืนกินจนแทบไม่เหลือซากแล้ว ยังคิดว่าฉันจะทำงานให้คุณต่อไปอีกเหรอ? ”
“ไม่ช้าก็เร็วพวกคุณก็จะล่มสลายแล้ว ก็ให้มันจบเร็ว ๆ จะดีเสียกว่า”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ บริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองหมิงจูต่างก็นึกเรื่องนี้ขึ้นได้ หลงเถิงเดิมเป็นของตระกูลหลิน แต่ถูกซ่งหรูอี้บังคับเทคโอเวอร์
ที่แท้เป็นซุนชิงเองที่เป็นคนบงการเรื่องนี้
“ฉะนั้นคุณจึงแอบติดต่อตระกูลซ่ง
แล้วเปิดเผยความลับทางธุรกิจและสถานการณ์การเงินของบริษัทหลงเถิง”
โจวเหม่ยหยูนถามด้วยความโกรธ ซุนชิงเป็นคนที่เธอสอนมากับมือ สุดท้ายถูกเขาทรยศ ถึงแม้เรื่องนี้จะผ่านไปนานแล้ว แต่ว่า เธอก็ยังไม่อาจยอมรับได้
“คุณนายโจว เรื่องทุกเรื่องต้องมีหลักฐาน”
ซุนซิงมองไปที่สองแม่ลูกหลินฉ่ายเวย ยิ้มอย่างมีความหมาย “ฉันสามารถฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาทได้! ”
“แก……”
หลินฉ่ายเวยอยากสนทนากับซุนชิง แต่ถูกโจวเหม่ยหยูนดึงไว้เสียก่อน “อย่าวู่วาม พวกเรามาประมูล ไม่ใช่มาหาเรื่องทะเลาะวิวาท”
เมื่อเห็นอดีตเจ้านายต้องกล้ำกลืนฝืนทนซุนชิงรู้ดีสบายใจ ยิ้มแล้วก็พูด “พูดตามตรง การประมูลครั้งนี้ พวกคุณไม่มีโอกาสแม้แต่นิดเดียว มันจะต้องเป็นของหลงเถิงกรุ๊ปเท่านั้น!”
ตอนที่พูดประโยคนี้ ซุนชิงมีความมั่นใจเป็นอย่างมาก
“ส่วนพวกคุณ ก็รอใช้ชีวิตข้างถนนเถอะ!”
โจวเหม่ยหยูนรู้สึกโกรธมาก จนสีหน้าของเธอขาวซีดเผือด และไร้เรี่ยวแรง
คำพูดของซุนชิงน่าเกลียดมาก แต่ทั้งหมดนี้มันก็เป็นความจริง
ตระกูลหลินต้องการได้งานประมูลในครั้งนี้เพื่อมาพยุงบริษัท มันพูดง่ายแต่ทำยาก?
ความเป็นมืออาชีพของบริษัท ไม่สามารถเทียบบริษัทหลงเถิงได้ สิ่งที่ทำให้ยิ่งโมโหก็คือ เดิมบริษัทหลงเถิงเป็นของตนเอง!
ถูกลูกน้องเก่าของตนเองหัวเราะเยาะ ความรู้สึกแบบนี้ มันช่างทรมานเสียจริง
“พวกเธอไม่ต้องใช้ชีวิตข้างถนน ตระกูลหลินก็ไม่ล่มสลาย เป็นแกนั่นแหละ ที่วันดี ๆ กำลังจะจบลง”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ มีเสียงที่เรียบ ๆ และเบา ๆ ดังขึ้นมา
ต่อจากนั้น มีคนเดินมาหยุดอยู่ข้างหลินฉ่ายเวย
ตอนนี้ หลินฉ่ายเวยเบิกตากว้าง พูดด้วยเสียงประหลาดใจ “ถังเฉา นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง! ”
โจวเหม่ยหยูนก็แสดงสีหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ “นายน่าจะถูก รปภ ไล่ไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ”
ในความรู้สึกของพวกเธอ เห็นตอนที่ถังเฉาถูกหัวหน้า รปภ จางไห่หยางไล่ออกไป
ถังเฉายิ้มบ้าง ๆ แล้วพูดว่า “พอดีเจอคนคุ้นเคย เขาพาผมเข้ามา”
“นายมีคนคุ้นเคยอยู่ที่อาคารกั๋วจี้ด้วยเหรอ?”
โจวเหม่ยหยูนรู้สึกสงสัย ทันใดนั้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นเธอเคยเห็นชายหนุ่มคนนี้เดินอยู่กับเจิงเทียนเสียงตรงทางเดิน ทำให้เธอรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที
แต่เพียงสักครู่ เธอก็ส่ายหัว สลัดความคิดที่ไม่น่าเป็นเรื่องจริงพวกนี้ออกจากสมอง
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”
ถังเฉาใช้สายตามองไปที่ซุนชิงแวบหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “คุณก็คือกรรมการผู้จัดการของบริษัทหลงเถิง?”
“คุณเป็นใคร?”
ซุนชิงเหล่มองถังเฉา แต่ก็จำถังเฉาไม่ได้ แต่ดูออกว่าเครื่องแต่งกายของเขามีมูลค่าไม่เกินหนึ่งพันหยวน
“ผู้จัดการซุน เขาก็คือ……”
ขณะนี้ มีผู้ช่วยชายคนหนึ่งเดินไปกระซิบที่ข้างหูซุนชิง
เมื่อซุนชิงได้ฟังแล้ว มีความปีติ “ฉันว่าแล้วดูก็รู้เลยว่ามันเป็นคนจน ที่แท้เมื่อห้าปีก่อนที่แต่งเข้าตระกูลซ่ง และหนีไปในคืนแต่งงาน ทำให้ตระกูลหลินถูกคุกคามเป็นเขยแต่งเข้าไร้ประโยชน์ วันนี้ได้พบเจอ ถือว่าไม่ธรรมดา”
ขณะพูด ยังแสร้งวางมือไว้ที่หน้าอกและโค้งคำนับเพื่อแสดงความเคารพ
ซ่า!
เมื่อพูดจบประโยคนี้ หลินฉ่ายเวยกับโจวเหม่ยหยูนหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นมาทันที
แบบนี้ไม่นับเป็นการตบหน้าแล้ว แต่เป็นการเอาเกลือมาโรยที่แผลเลย
ซุนชิงไม่สนใจอะไร แสดงใบหน้ายิ้มเยาะ “ทำไม หนีไป5 ปี แล้วก็หน้าด้านกลับมาอีก? ”
“คุณนายโจว คุณนี่ก็ช่างกระไรน่ะ ทำไมคุณถึงให้คนที่ไม่สำนึกบุญคุณที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้มาอยู่ตระกูลคุณ ไม่ว่าเรื่องขายหน้า ถ้าหากคุณหนูซ่งหรูอี้รู้เรื่องนี้เข้า ตระกูลหลินของพวกคุณคงจบเลยน่ะ?”
“แต่ว่าคุณไม่ต้องห่วง เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์ครั้งเก่า ผมจะช่วยคุณปกปิดความลับนี้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ….”
“แกหุบปาก!”
โจวเหม่ยหยูนพูดด้วยเสียงอันดุดัน แทบอยากจะข่วนหน้าซุนชิง
“พูดจบหรือยัง?”
ถังเฉาไม่ค่อยแยแสเท่าไหร่ และยิ้มบาง ๆ “ผู้จัดการซุน คุณไม่คิดว่าสักวันเรื่องมันจะถูกเปิดเผย ไม่เพียงแต่การประมูลจะล้มเหลว แล้วยังต้องติดคุกด้วย?”
“งั้นเหรอ?”
ซุนชิงรู้สึกว่าตัวเองได้ฟังเรื่องที่น่าขำที่สุดในโลก มองไปที่ถังเฉาและสองแม่ลูกหลินฉ่ายเวยด้วยแววตาที่น่าเวทนา
ดูแล้ว พวกเขายังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร…….
ยังไม่พูดถึงทีมบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมของบริษัทหลงเถิง เขายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับหัวหน้าฝ่ายโฆษณาเถียนหยู่ ก็ถือว่าเขาได้ชนะไปแล้ว
“ผมสามารถบอกได้ว่า ตระกูลหลินของพวกคุณ ไม่มีความหวังสักนิด”
พูดจบ ก็เดินอย่างหยิ่งผยองออกไปจากสองแม่ลูกหลินฉ่ายเวย ก่อนเดินออกไปยังชนไหล่ถังเฉา
หลินฉ่ายเวยกับโจวเหม่ยหยูนยังอยู่ในอารมณ์โกรธ มีสีหน้าที่อึดอัดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
หลินฉ่ายเวยกระทืบเท้า “เป็นแค่สุนัขรับใช้ของตระกูลซ่ง มีอะไรน่าภูมิใจ”
ถังเฉาพูดด้วยความโล่งใจว่า “ไม่ต้องไปสนใจคนแบบนี้…… ”.
“นายมีสิทธิ์พูดเหรอ?”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่ถังเฉาจะพูดจบ ก็ถูกหลินฉ่ายเวยพูดขัดจังหวะอย่างเย็นชา“ ฉันไม่สนใจว่านายจะเข้ามาได้ยังไง แต่ฉันขอร้องนายอย่ามาช่วยจนยุ่งได้ไหม? ”
ถังเฉาสีหน้าสลด “ นี่มันใช่ยิ่งช่วยยิ่งยุ่ง? ”
“หรือว่ามันไม่ใช่ล่ะ?”
หลินฉ่ายเวยพูดอย่างเยือกเย็นว่า “นายรู้ไหมว่าคุณเป็นแมลงวันตัวหนึ่งที่เดินได้? ใครเห็นนายก็ต้องนึกถึงเหตุการณ์น่าอับอายเมื่อ 5 ปีก่อน ขอร้องนายอยู่ห่างจากตระกูลหลินให้ไกล ๆ หน่อย พ่อพูดแล้วว่า การประมูลครั้งนี้มีความสำคัญต่อตระกูลหลินมาก ถ้าหากคราวนี้เป็นเพราะนายทำให้เรื่องนี้ผิดพลาด ชั่วชีวิตนี้ของฉันก็จะไม่ให้อภัยนายเด็ดขาด!”
คำพูดนี้ ทำให้ถังเฉาเข้าสู่วังวนของความเงียบ
ผ่านไปเนิ่นนาน เขาได้เงยหน้าขึ้น แล้วมองหน้าหลินฉ่ายเวยแล้วพูดด้วยเสียงเรียบ ๆ “ถ้าหากผมสามารถทำให้ตระกูลหลินได้งานประมูลครั้งนี้?”