มาซาฮิโกะ ใช้แต้มการเข้าร่วมทั้งหมดในครั้งเดียว และตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างงดงาม
“ในที่สุดเราก็แข็งแกร่งพอ ๆ กับ ผู้นำตระกูล สะที…และเราก็ยังมี โหมดเซียน อีก การเดินทางครั้งนี้ช่างคุ้มค่าจริง ๆ!” มาซาฮิโกะ พอใจกับการพัฒนาของเขาในการเดินทางครั้งนี้มาก ตอนนี้เขากำลังรอให้ ฮาชิรามะ ฝึกเสร็จ แล้วหลังจากนั้นพวกเขาค่อยกลับไปที่ หมู่บ้านตระกูลเซนจู ด้วยกัน
2 วันต่อมา มาซาฮิโกะ ก็คุ้นเคยกับพลังใหม่ของเขา และ ฮาชิรามะ ก็เสร็จสิ้นการฝึกวิชาเซียนของเขาแล้ว
ถึงแม้ว่าตอนนี้ ฮาชิรามะ จะยังไม่สามารถเข้าสู่โหมดได้ในทันที แต่เขาก็ลดเวลาในการเข้าโหมดเซียนเหลือแค่ 1 นาที และเขาก็สามารถรักษาสภาพ โหมดเซียน ไว้ได้นานกว่า มาซาฮิโกะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะเข้า โหมดเซียน ได้ในที่สุด
หลังจากที่ทั้งคู่ฝึกเสร็จแล้ว พวกเขาก็คุยกันซักพักหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็กล่าวคำลากับ พญาทากคัตสึยุ
“ก่อนที่ท่านทั้ง 2 จะจากไป ฉันมีอะไรบางอย่างจะให้ค่ะ…” คัตสึยุ โน้มตัวลงไปหาพวกเขา และส่งม้วนกระดาษม้วนหนึ่งให้ ฮาชิรามะ
“นี่คือคัมภีร์ทำสัญญาเพื่ออัญเชิญฉันไปหาท่าน หลังจากที่ท่านเซ็นชื่อลงในนี้ ท่านก็จะสามารถเรียกฉันไปหาได้ แม้ว่าฉันอาจจะไม่มีประโยชน์ในการต่อสู้มากนัก แต่ฉันก็มีความสามารถในการรักษาค่ะ…” คัตสึยุ พูดอย่างช้า ๆ
เมื่อเห็นม้วนกระดาษ ทั้ง 2 ก็มองหน้ากันและกัน พวกเขาไม่คิดว่า คัตสึยุ จะอนุญาตให้พวกเขาอัญเชิญเธอไปได้
มาซาฮิโกะ รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก เขาจำได้เป็นอย่างดีว่า ฮาชิรามะ ไม่เคยอัญเชิญ คัตสึยุ ออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“นี่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นงั้นเหรอ? หรือว่าเขาอัญเชิญได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จะยังไงในการ์ตูน เขาก็ไม่เคยใช้มันออกมาเลย หรือเขาจะเอามันไปแต่ไม่ได้เซ็นสัญญาเอง แต่เก็บเอาไว้ให้ ซึนาเดะ กันแน่?” มาซาฮิโกะ ไม่รู้คำตอบของคำถามเหลานี้เลย
หลังจากที่ทั้งคู่ออกมาจาก ป่าชิโคซึ แล้ว ฮาชิรามะ ก็ได้ส่งม้วนกระดาษอัญเชิญให้กับ มาซาฮิโกะ
“ท่านปู่ ท่านเอานี้ไปเถอะ ผมทำสัญญากับ ประตูราโชมอน ไปแล้ว ท่านทำสัญญากับ ท่านคัตสึยุ เถอะครับ” ฮาชิรามะ กล่าว
“ไม่เอาอะ…มันเป็นของหลานสาวของท่าน…”
มาซาฮิโกะ มัวแต่คิดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจนหลุกปาดพูดออกไป
“หลานสาวของผมเหรอ?”
“เปล่า ๆ…ไม่มีอะไร…ไม่มีอะไร…เออ…ลมเย็นดีเฮ๊ะ!…เอาเป็นว่าถ้าท่านให้ฉัน ฉันก็จะรับไว้ก็แล้วกัน” มาซาฮิโกะ จำเป็นต้องรับมันมาเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่เขาพูด
“หลังจากนั้นเราค่อยมอบมันให้กับ ซึนาเดะ ทีหลังก็ได้” มาซาฮิโกะ คิดว่าการรับมันมาก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เขาค่อยคืนมันให้กับเจ้าของที่แท้จริงทีหลังก็ได้
ทันใดนั้นประโยคหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัวของเขา
“เข้าร่วมและเป็นพยานในเหตุการณ์สำคัญของโลก นารูโตะ : ม้วนคัมภีร์อัญเชิญของคัตสึยุ”
“รางวัล : คุณได้รับแต้มการเข้าร่วม 2 (X2) แต้ม!”
เขาได้ 4 แต้ม และเขาก็ตัดสินใจว่าจะเก็บมันไว้ใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น
หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกใน ป่าชิโคซึ พวกเขาก็ตัดสินใจกลับไปยัง หมู่บ้านกลุ่มราศีตุลย์ อีกครั้ง
คราวนี้เมื่อทั้งคู่มาถึงหมู่บ้านกลุ่มราศีตุลย์ ผู้นำกลุ่มก็ออกมาต้อนรับทั้งคู่ทันที และ ฮัน ก็มากับเขาด้วย
ทันทีที่ ฮัน เห็น มาซาฮิโกะ และ ฮาชิรามะ สีหน้าของเขาก็ดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อยเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขานึกถึงสิ่งที่ ฮาชิรามะ เคยทำกับเขา เขาก็ต้องพยายามเก็บความไม่พอใจเอาไว้
ขณะนี้ ชาวกลุ่มราศีตุลย์ ต่างรู้สึกมีความสุข ใบหน้าของพวกเขาผ่องใสกว่าก่อนหน้านี้มาก และพวกเขาก็พร้อมแล้วกับอนาคตใหม่ของพวกเขา
ผู้นำกลุ่มราศีตุลย์ เล่าให้ทั้งคู่ฟังว่า พวกเขากำลังเตรียมที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น เพราะหลังจากที่ มาซาฮิโกะ ผนึกพลังของพวกเขาแล้ว ที่ มาซาฮิโกะ ก็ได้บอกพวกเขาให้ทราบว่าที่นี่มีความเข้มข้นของพลังงานธรรมชาติสูงมาก ซึ่งมันส่งผลต่อการกลายพันธุ์ของพวกเขา
และในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ผนึกที่ มาซาฮิโกะ เขียวไว้บนร่างของพวกเขานั้นเสถียรเป็นอย่างมาก ดังนั้น กลุ่มราศีตุลย์ จึงตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับพลังงานธรรมชาติเหล่านั้น
หลังจากคุยกับสักพักหนึ่ง ผู้นำกลุ่มก็เชิญพวกเขาทั้งคู่ไปทานอาหารเย็น
มาซาฮิโกะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาลงมือกินทันทีเมื่ออาหารมาถึง
ในช่วงที่เขาอยู่ใน ป่าชิโคซึ เขาไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากเห็ดกับหญ้า ทำให้เขาโหยหาเนื้อเป็นอย่างมาก…
อย่างไรก็ตาม มาซาฮิโกะ ก็รู้ดีว่า ฮาชิรามะ ยังคงเป็น ผู้นำตระกูลเซนจู…เขาจึงจำเป็นต้องกลับ หมู่บ้านเซนจู ทันทีหลังจากทำภารกิจเสร็จ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าพรุ่งนี้พวกเขาจะรีบเดินทางกลับทันที
วันต่อมา ทั้งคู่กินอาหารกลางวันเสร็จ พวกเขาก็เดินทางกลับ หมู่บ้านเซนจู ทันที
ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ร่างแยกของ ฮาชิรามะ ก็อยู่ที่ หมู่บ้านเซนจู มาโดยตลอด ท้ายที่สุดแล้วในยุคที่เกิดสงครามแบบนี้ การทำให้ทุกคนเห็นว่า ฮาชิรามะ ยังอยู่ที่หมู่บ้าน เป็นเรื่องที่จำเป็นเป็นอย่างมาก
ระหว่างทางกลับ ฮาชิรามะ ก็พูดกับ มาซาฮิโกะ ว่า “ดูเหมือนว่าการที่ท่านผนึกความสามารถในการแปลงร่างของ กลุ่มราศีตุลย์ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วนะครับ เพราะแม้ว่าการแปลงร่างของพวกเขาจะทำให้พวกเขากลายเป็นพลังระเบิดได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ผลที่ตามมาหลังจากนั้นก็อันตรายมาก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้นำกลุ่มราศีตุลย์ ก็ดูเหมือนจะมีกำลังใจมากขึ้นเมื่อไม่มีพลังนั้น…”
“พวกเขาอาจจะรู้สึกดี…สำหรับตอนนี้ แต่…” มาซาฮิโกะ รู้สึกลังเลที่จะพูดออกมา แต่แล้วเขาก็พูดต่อว่า “แต่ฉันกลัวว่าลูกหลานของพวกเขา…”
เมื่อ ฮาชิรามะ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ของ มาซาฮิโกะ เขาก็ถาม มาซาฮิโกะ กลับไปว่า “ท่านกลัวอะไรเหรอ ท่านปู่?”
“ฉันกลัวว่า…สุดท้ายแล้ว พวกเขาจะสูญเสียจักระของพวกเขาไปทั้งหมด พวกเขาจะกลายเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา…และในขณะที่โลกอยู่ในช่วงสงครามแบบนี้…” มาซาฮิโกะ พูด
“เมื่อลูกหลานของพวกเขากลายเป็นชาวบ้านธรรมดา” ฮาชิรามะ คิดตาม “พวกเขาจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ พวกเขาได้ชีวิตใหม่…โดยแลกความอันตรายที่จะสูญพันธุ์ในอนาคต…”
ดูเหมือนว่า ฮาชิรามะ ก็กังวลกับอนาคตของ กลุ่มราศีตุลย์ เช่นกัน
“ฮาชิรามะ ฉันขอให้ท่านปิดเรื่อง คาถาผนึกเลือด ของฉันเอาไว้เป็นความลับ วิชานี้มันอันตรายเกินกว่าที่จะบอกให้คนอื่นรู้ได้”
“ครับ ท่านปู่ ผมจะเก็บมันไว้เป็นความลับไปจนตาย” ฮาชิรามะ สัญญากับ มาซาฮิโกะ หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางต่อไปในความเงียบ
หลังจากผ่านไปครึ่งวัน พวกเขาก็กลับมาถึง หมู่บ้านตระกูลเซนจู
“ท่านพี่! ในที่สุด ท่านก็กลับมา!” ก่อนที่ทั้งคู่จะมาถึงหมู่บ้าน โทบิรามะ ก็ได้ออกมารอพวกเขาที่หน้าประตูหมู่บ้านแล้ว
จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อกลับไปยังบ้านของ ฮาชิรามะ พร้อมกัน
เมื่อ มาซาฮิโกะ เห็นว่า โทบิรามะ ไม่สนใจเขาเลย เขาก็ถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะพูดประชดประชันออกมาว่า “ฮ๊ะ รู้สึกว่าเธอจะดีใจกว่าภรรยาของเขาอีกนะเนี่ย”
เมื่อ โทบิรามะ ได้ยิน มาซาฮิโกะ พูดแบบนั้น เขาก็หันไปหา มาซาฮิโกะ แล้วพูดทันทีว่า “ท่าน…ปู่ ขอบคุณที่พยายามนะครับ”
“เด็กน้อย ฉันรู้สึกว่าเธอยังลังเลที่จะเรียกฉันว่า ปู่ อยู่นะ…” มาซาฮิโกะ พูดหยอกล้อ โทบิรามะ
จากนั้นเขาก็ยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ฉันล้อเล่น…จริง ๆ แล้วเรียกฉันว่า มาซาฮิโกะ เฉย ๆ ก็ได้นะ…ฮาชิรามะ กับ มิโตะ คงจะไม่ฆ่าเธอหรอก…”
“ท่านปู่…ผมคิดว่าผมไม่ควร…” โทบิรามะ พูดขึ้นมาทันที
ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็เดินมาถึงห้องทำงานของ ฮาชิรามะ
“ไม่ได้…เด็ด…ขาด…” เสียงของ ฮาชิรามะ ขาดหายไปทันทีเมื่อเขาเปิดประตูห้องทำงานออกแล้วพบกับเอกสารจำนวนมากที่กองอยู่บนโต๊ะจนแทบจะหล่นลงมา เมื่อเขาเห็นดังนั้นเขาก็หันหลังกลับและพยายามจะเดินหนีทันที
“ท่านจะไปไหน ท่านพี่! ยังมีเอกสารที่ท่านต้องจัดการอีกเยอะเลยนะ!” โทบิรามะ ตะโกนใส่พี่ชายของเขาทันที
“ท่านพี่ ถึงยังไง ผมก็ไม่ใช่ผู้นำตระกูล บางอย่างผมก็ทำให้ท่านไม่ได้นะครับ!” โทบิรามะ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
เมื่อ มาซาฮิโกะ ได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
มาซาฮิโกะ คิดมาโดยตลอดว่า พี่น้อง 2 คนนี้เป็นพี่น้องที่สนิทกันมาก และพวกเขา 2 คนก็เสียสละให้โลก นารูโตะ เป็นอย่างมาก แต่หลังจาก 2 ปีที่ผ่านมานี้ ตอนนี้ มาซาฮิโกะ ก็รู้สึกว่า…เอิ่ม…
“โทบิรามะ เห็นนิ่ง ๆ แบบนี้ ลึก ๆ ก็ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย…”