***ตอนก่อนหน้า ผู้แปลได้เข้าใจผิดในส่วนชื่อของ ผู้นำตระกูลคางูยะ ดังนั้น จากนี้ไป ผู้แปลขอเปลี่ยนชื่อผู้นำตระกูลคางูยะ จากเดิม ฮิราชิ ไปเป็น ฮิราชิมาซึ นะครับ***
————————————————————————————————
1 เดือนผ่านไป
บ่อยครั้งที่ มาซาฮิโกะ ชอบออกไปเดินเล่นตามถนนใน หมู่บ้านตระกูลเซนจู และบางครั้งที่ ผู้อาวุโสตระกูลเซนจู หรือ ผู้อาวุโสตระกูลอุซึมากิ เดินผ่านเขา พวกเขาก็จะทักทาย มาซาฮิโกะ ด้วยความเคารพนับถือ
“ได้รับความเคารพแบบนี้…เป็นครั้งแรกในชีวิตฉันเลยนะเนี่ย…” เขาพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่เขาน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กองทัพ เซนจู และ อุซึมากิ ได้มีการเผชิญหน้ากับ ตระกูลคางูยะ อยู่อีก 7 – 8 ครั้ง
เนื่องจากผู้นำตระกูลคางูยะ อย่าง ฮิราชิมาซึ เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในคาถานินจาเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้กองทัพพันธมิตรจัดการกับเขาได้ยากลำบากมาก ท้ายที่สุดแล้วเพื่อหยุดคนอย่าง ฮิราชิมาซึ กองทัพพันธมิตรต้องใช้ โจนินระดับสูงอย่างน้อย 1 คน และผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลอุซึมากิ ถึงจะหยุดเขาไว้ได้ แต่มันก็คุ้มค่าเพราะมันสามารถลดความแข็งแกร่งของกองทัพศัตรูลงได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ
และในการต่อสู้นี้ มาซาฮิโกะ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขามีความสามารถมากถึงขั้นต่อสู้กับผู้อาวุโสอย่าง ทาเคะโทริ ได้จนทำให้กองทัพพันธมิตรได้เปรียบในแนวหน้าขอสนามรบอยู่หลายต่อหลายครั้ง
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้ง ตระกูลเซนจู และ ตระกูลคางูยะ ทั้งคู่ต่างก็ไม่สามารถเพิ่มกำลังรบลงในสนามรบได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะ ตระกูลอุจิฮะ ยังไม่แสดงตัวออกมาในสงครามครั้งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงกลัวว่า ตระกูลอุจิฮะ จะใช้โอกาสนี้ในการโจมตีหมู่บ้านของพวกเขา
แม้ว่ากองกำลังพันธมิตรจะไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้น เพราะข้อแรก โทบุ ได้พักฟื้นมาเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว ข้อ 2 ความแข็งแกร่งของ ฮาชิรามะ ก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจากการต่อสู้ในสงครามที่ผ่ามมา และตอนนี้พลังของเขาก็เทียบเท่ากับผู้นำตระกูลแล้ว
“เราจะชนะสงครามนี้!” สมาชิกกองทัพพันธมิตรหลายคนมีความมั่นใจมากขึ้น
อย่างไรก็ตามกองกำลังพันธมิตรก็ไม่ได้นิ่งตอนใจ เนื่องจากตอนนี้ ตระกูลคางูยะ ไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ พวกเขาจึงคิดว่า ตระกูลคางูยะ กำลังวางแผนเพื่อทำอะไรบางอย่างในเร็ว ๆ นี้อยู่อย่างแน่นอน
…
ที่ค่ายของ ตระกูลคางูยะ
ฮิราคิมาซึ , ทาเคะโทริ , และผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลคางูยะ รวมถึง โจนินระดับสูง อีกหลายคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่
“บ้าเอ้ย! เราส่งข้อความไปหา ตระกูลอุจิฮะ ตั้ง 3 ฉบับแล้ว พวกเขายังไม่ตอบกลับมาอีกเหรอ?!” ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลคางูยะ พูดด้วยความร้อนใจ
ในการต่อสู้ครั้งล่าสุด มาซาฮิโกะ ได้หยุดการโจมตีของพวกเขา และได้สังหาร 1 ในผู้อาวุโสของพวกเขาไป เรื่องนี้ทำให้ ทาเคะโทริ โกรธเป็นอย่างมาก
“ท่านผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ฉันคิดว่า ตระกูลอุจิฮะ คงต้องการที่จะลากการต่อสู้ครั้งนี้ให้นานที่สุด เพื่อทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายอ่อนแอลง” 1 ใน นินจาระดับสูง ตอบกลับ
“ไอ่เจ้าพวกอุจิฮะ!…สักวันหนึ่งฉันจะสอนให้พวกมันรู้สำนึก…” ฮิราชิมาซึ พูดออกมาด้วยความโกรธ ก่อนที่เขาจะทุบมือลงไปที่โต๊ะอย่างแรง
“จะอย่างไรก็ตาม เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากส่งข้อความไปหาพวกเขาอีกครั้ง” ผู้อาวุโสลำดับที่ 2 พูดขัดจังหวะ ฮิราชิมาซึ ขึ้นมาและพยายามควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบ
“เฮ้อ…ก็ได้” ฮิราชิมาซึ จำใจยอมรับข้อเสนอของ ผู้อาวุโสลำดับที่ 2
จากนั้นในวันรุ่งขึ้น ตระกูลคางูยะ ก็ส่งข้อความไปถึง ตระกูลอุจิฮะ อีกครั้ง
…
จดหมายมาถึง หมู่บ้านตระกูลอุจิฮะ
ณ บ้านของตระกูลหลัก
เมื่อ ทาจิมะ ซึ่งเป็น ผู้นำตระกูลอุจิฮะ คนปัจจุบัน ได้รับจดหมายมา เขาก็เรียกนินจาระดับสูงให้เข้าพบในทันที นินจาเหล่านั้นประกอบไปด้วย มาดาระ , อิซึนะ และ โจนินระดับสูง อีกหลายคน
ขณะที่เขานั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ ทาจิมะ ยกมือขึ้นมาพร้อมกับจดหมายในมือแล้วพูดกับนินจาระดับสูง เหล่านั้นว่า “นี่คือจดหมายฉบับที่ 4 จาก ตระกูลคางูยะ…มาดาระ เจ้าคิดว่ายังไง?”
“ท่านพ่อ คางูยะ ส่งจดหมายมาถึง 4 ฉบับ นั้นหมายความว่าพวกเขาคงจะถูกอีกฝ่ายต้อนจนจนมุมจริง ๆ ขืนปล่อยไว้แบบนี้ พวกเขาอาจจะพ่ายแพ้ในไม่ช้า…ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องช่วยพวกเขา ผมขอแนะนำให้โจมตี พวกเซนจู ทันที!”
“โอเค…มีใครมีข้อโต้แย้งอะไรไหม?” ทาจิมะ พูดถามกับที่ประชุม
ในเวลานั้น ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลอุจิฮะ , อุจิฮะ ชินจิ ก็พูดขึ้นมาว่า “เมื่อตอนที่เราขอความช่วยเหลือจากพวกเขาเพื่อเอาชนะ ตระกูลฮิวงะ เราต้องจ่ายเงินให้พวกเขาเป็นจำนวนมากจนเราเกือบจะล้มละลายและพวกเขาก็ยึดเหมือนเหล็กของเราไปอีก ยิ่งไปกว่านั้นศึกครั้งนี้เป็นศึกที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก พวกเขาจะให้เราช่วยฟรี ๆ งั้นเหรอ?”
ทาจิมะ พยักหน้า จากนั้นเขาก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ถามได้ดี แล้วเราจะได้อะไรจากการช่วยเหลือพวกเขาละ? ในทางกลับกัน ตระกูลคางูยะ ในตอนนี้มี ผู้อาวุโสอยู่เพียง 3 คน และมีนินจาระดับสูงอยู่อีกไม่กี่คนเท่านั้น นี่เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะเอาของของเราคืน”
“ท่านพ่อหมายความว่ายังไง?…”
“ใช่แล้ว! เราจะไม่โจมตี เซนจู แต่เราจะโจมตี คางูยะ !” ทาจิมะ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ท่านพ่อแน่ใจแล้วเหรอ? ตระกูลคางูยะ เป็นพันธมิตรของเรามาเป็นเวลานาน…” มาดาระ พูดแย้งขึ้นมา เพราะในเวลานั้นเขายังเป็นคนที่สนับสนุนความยุติธรรมและรักครอบครัวของเขาเป็นอย่างมาก
“เงียบส่ะ มาดาระ! จำที่ฉันเคยบอกได้ไหม ในสงคราม…ความภักดีนั้นไร้ความหมาย! เราต้องเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ให้ได้มากที่สุด!” ทาจิมะ ตะโกนไปที่ มาดาระ
“หลังจากการซุ่มโจมตีครั้งสุดท้าย เจ้าต้องสูญเสียพี่ชายของเจ้าไป เจ้าจำไม่ได้รึไง?! เราสามารถยึดทรัพย์สินของ ตระกูลคางูยะ และนำมาใช้เป็นประโยชน์ต่อตระกูลเราได้ หากเรายังไม่ลงมือในตอนนี้ ในอนาคต ถ้าพวกเซนจู เอาชนะ พวกคางูยะ ได้ พวกเซนจู จะกลายเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดอย่างแน่นอน!”
มาดาระ ยืนหลับตา เขายังคงจำความโศกเศร้าในตอนที่พี่ชายของเขาถูกสังหารโดย ตระกูลเซนจู ได้เป็นอย่างดี เขาไม่ต้องการสูญเสียคนที่เขารักอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงจำใจเห็นด้วยกับพ่อของเขา
“ถ้าไม่มีใครคัดค้านอะไรแล้ว งั้นก็เริ่มจัดกองทัพได้! คืนพรุ่งนี้เราจะไปเยี่ยม ตระกูลคางูยะ กัน!” ทาจิมะ ออกคำสั่ง ด้วยใบหน้าที่เปื้อนร้อยยิ้มที่ชั่วร้าย
…
ค่ายตระกูลคางูยะ
ผู้ส่งสารกลับมาที่ค่ายพร้อมกับข่าวดี
เมื่อเขากลับมาถึงค่าย เขาก็รีบเข้าพบผู้นำตระกูลทันทีและพูดกับผู้นำตระกูลด้วยความตื่นเต้นว่า “ท่านผู้นำตระกูล ผมมีข่าวดีจะแจ้งให้ทราบ! หลังจากที่จดหมายส่งถึงมือ ผู้นำตระกูลอุจิฮะ พวกเขาก็เรียกประชุมด่วนทันทีเลยครับ จากนั้นผมก็เห็นพวกเขารวบรวมกองกำลังและเตรียมเก็บข้าวของกันอย่างวุ่นวายเลยทีเดียว”
“ในที่สุด พวกเขาก็ยอมช่วยพวกเราทำสงครามสักที” ฮิราคิมาซึ ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจเป็นอย่างมาก
“ไปบอกผู้อาวุโสคนอื่น ๆ พรุ่งนี้ เราจะเคลื่อนกองทัพไปพร้อมกับ ตระกูลอุจิฮะ! แล้วเราจะขดขยี้ อุซึมากิ และ เซนจู ให้เป็นผุยผง!”
เช้าวันต่อมา กองทัพของตระกูลอุจิฮะ ก็เริ่มออกเดินทาง โดยที่ ฮิราคิมาซึ ไม่รู้สึกระแคะระคายถึงแผนการของอุจิฮะเลยแม้แต่น้อย เขาไม่รู้เลยว่า อุจิฮะ คิดหักหลังพวกเขา!
…
“แปลกแฮ๊ะ…3 วันแล้วนะที่ พวกคางูนะ ไม่บุกมาโจมตีเรา เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือพวกเขายอมแพ้แล้วเหรอ?” มาซาฮิโกะ รู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เหล่าผู้อาวุโสและนินจาระดับสูงก็สงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน พวกเขาประชุมกันอยู่หายชั่วโมงเพื่อหาคำตอบ แต่พวกเขาก็ไม่รู้ถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการหยุดโจมตีนี้เลย
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้รับคำตอบ
“รายงาน! ตระกูลอุจิฮะ เริ่มเคลื่อนไหวแล้วครับ!” หน่วยสอดแนม ได้ปรากฏตัวเข้ามาอยู่ในห้องประชุม
ความเงียบเข้าครอบงำทั้งห้องประชุมในทันที
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุด โทบิ ก็ทำลายความเงียบและพูดออกมาว่า “ถึงเราจะรู้อยู่แล้วว่าในไม่ช้า ตระกูลอุจิฮะ ก็ต้องออกมาเคลื่อนไหว แต่มันก็เป็นข่าวที่น่าตกใจจริง ๆ…หลังจากนี้ การต่อสู้ก็จะกระจายวงกว้างขึ้นไปอีก และการบาดเจ็บและการสูญเสียก็จะเพิ่มมากขึ้น…”
เมื่อ มาซาฮิโกะ ได้ยินข่าวนี้ เขาก็อดที่จะรู้สึกหดหู่ใจไม่ได้ เขาได้แต่คิดกับตัวเองว่า “เรายังไม่แข็งแกร่งพอ…เราสัญญาไว้แล้วว่าจะปกป้องคนใน ตระกูลอุซึมากิ…แต่เราก็ทำไม่ได้ เราทำได้เพียงแค่ต่อสู้กับ ผู้อาวุโสตระกูลคางูยะ…ถ้าเราสามารถฆ่า ผู้นำตระกูลคางูยะ ได้ เราก็คงไม่ต้องพบกับการสูญเสียที่มากมายขนาดนี้”
สำหรับ ฮาชิรามะ เขารู้สึกสับสนและกังวลเป็นอย่างมาก เขาได้แต่พึมพำกับออกมาว่า “มาดาระ…เราจะต้องต่อสู้กันจริง ๆ เหรอ? นายลืมความฝันของเราไปแล้วเหรอ?…”
“ท่านพี่ อย่างกังวงไปเลย” เมื่อ โทบิรามะ เห็นสีหน้าที่หม่นหมองของพี่ชาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบใจ
“มันยังไม่จบหรอก! เราได้วางแผนสำหรับเหตุการณ์อย่างนี้เอาไว้แล้ว…กำลังเสริมจากหมู่บ้านก็กำลังจะมาถึงที่นี่แล้ว ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม…พรุ่งนี้คือศึกชี้ชะตาของเรา!”
โทบุ พยายามที่จะทำลายความตึงเครียดและสร้างความมั่นใจให้กับทุกคน
“ใช่แล้ว!” มาซาฮิโกะ พูดสนับสนุนด้วยความฮึกเหิม
จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีใครนึกภาพสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ออกเลยแม้แต่น้อย…