มาซาฮิโกะ รู้ดีว่าสถานการณ์ในตอนนี้อันตรายเป็นอย่างมาก เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอย่าง มาดาระ ก็เหมือนกับว่าเขาพยายามฆ่ามังกร ถึงแม้ว่า มาซาฮิโกะ จะอายุมากกว่าและมีประสบการณ์มากกว่า แต่เขาก็รู้ดีว่า มาดาระ แข็งแกร่งขนาดไหน!
“ท่านโทบิรามะ ฉันจะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับ มาดาระ เอง ส่วนคนอื่น ๆ ฉันขอฝากให้ท่านจัดการด้วย ฉันจะสั่งสอนเด็กคนนั้นให้รู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของประสบการณ์” มาซาฮิโกะ พูดกับ โทบิรามะ ขณะที่ชี้ไปทาง มาดาระ ด้วยท่าทางที่ฮึกเหิม ในขณะเดียวกัน มาซาฮิโกะ ก็คิดกับตัวเองว่า “บ้าจริง เท่ชะมัดเลยเรา”
“ท่านปู่…” โทบิรามะ พยายามหยุด มาซาฮิโกะ แต่ก็ไม่ทันการ ทันใดนั้น มาซาฮิโกะ ก็ปาดาวกระจายของเขาไปที่ มาดาระ
เมื่อ โทบิรามะ เห็นดังนั้นเขาก็หันไปหานินจาของเขาแล้วพูดว่า “พวกเจ้าไปจัดการกับคนอื่น ๆ ฉันจะไปสนับสนุนเขา”
“คอยดูดาวกระจายของฉันให้ดี ดาวกระจายฟูมะ กงจักรสายลม!”
มาซาฮิโกะ ตะโกนออกมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ขว้างดาวกระจายหลาย 10 อัน ตรงไปที่ สมาชิกทั้ง 7 ของตระกูลอุจิฮะ และในวินาทีต่อมา ดาวกระจายเหล่านั้นก็เปลี่ยนรูปร่างเป็น ดาวกระจายฟูมะ กงจักรสายลม และพุ่งตรงเข้าหา มาดาระ และคนอื่น ๆ
“คาคาอะไรกัน! ทุกคนหลบก่อน!” อิซึนะ ตะโกนบอก
คนอื่น ๆ ยกเว้น มาดาระ กระโดดหลบอย่างรวดเร็วเพื่อหนีการโจมตีของ มาซาฮิโกะ
มาดาระ มองไปที่ ดาวกระจายฟูมะ เหล่านั้นด้วยความใจเย็น จากนั้นเขาก็เอี้ยวตัวหลบ ดาวกระจายฟูมะ ที่พุ่งตรงมาหาเขาอย่างต่อเนื่องโดยที่เขาไม่ได้ก้าวขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว และเมื่อ ดาวกระจายฟูมะ อันสุดท้ายพุ่งตรงมาหาเขา เขาก็คว้ามันไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเขาหลบการโจมตีของ มาซาฮิโกะ ได้ทันหมด เขาก็หันหน้าไปทาง มาซาฮิโกะ และพูดด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ยออกมาว่า “นี่นะเหรอประสบการณ์ที่แกพูดถึง?”
มาซาฮิโกะ ยิ้มก่อนที่จะพูดว่า “ไม่ใช่อย่างแน่นอน!…คาถาแปลงร่างดาวกระจาย!”
ในวินาทีต่อมา ดาวกระจายฟูมะ ที่มาการะถืออยู่ในมือก็ระเบิดออกแล้วกลายเป็น มาซาฮิโกะ!
ขณะที่ มาซาฮิโกะ ลอยอยู่ในอากาศ เขาก็เตะ มาดาระ เข้าที่หน้าอกอย่างแรง
มาดาระ ไม่สามารถหลบหรือป้องกันการโจมตีนี้ได้ทัน ทำให้เขาถูกลูกเตะของ มาซาฮิโกะ เข้าไปอย่างจังจนทำให้เขากระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร
มาดาระ กระแทกลงกับพื้นอย่างแรง ทำให้เกิดเป็นฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วจนทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านในฝุ่นนั้นได้
“ท่านพี่! หนอยไอ่แก่…” อิซึนะ ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็พุ่งเข้าหา มาซาฮิโกะ อย่างรวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้น โทบิรามะ ก็พุ่งมาตรงหน้าเขาและขวางเขาไว้ทันที
โทบิรามะ พุ่งเข้าโจมตี อิซึนะ ด้วยมีดคุไน แต่ อิซึมะ ก็หยิบมีดคุไน ขึ้นมากันไว้ได้ทัน ทั้งคู่ต่อสู้กันอย่างดุเดือดในขณะที่ นินจาคนอื่น ๆ จากทั้ง 2 ฝ่ายก็กำลังต่อสู้กันด้วยเช่นกัน
“บ้าเอ้ย!” ฝุ่นค่อย ๆ จางหายไป ทำให้มองเห็นร่างกายของ มาดาระ ที่เต็มไปด้วยฝุ่น และเขาก็มีเลือดออกที่ริมฝีปากเล็กน้อย แต่แน่นอนว่านี่ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่จริง ๆ แล้วมันทำให้ความทะนงตนในตัวของเขาตื่นขึ้นก็เท่านั้น!
การแสดงออกที่หยิ่งผยองบนใบหน้าของ มาซาฮิโกะ หายไปทันทีเมื่อเขาเห็นสีหน้าของ มาดาระ และเห็นได้ชัดว่า มาดาระ ในตอนนี้โกรธเป็นอย่างมาก
จากนั้น มาดาระ ก็ประสานอินขึ้นมาอย่างไม่ลังเล “คาถาไฟ : เพลิงมังกรคำราม!” ทันใดนั้นเปลวไฟรูปหัวมังกรจำนวนมากก็พุ่งตรงเข้าหา มาซาฮิโกะ ทันที
ด้วยสัญชาตญาณเมื่อเห็นดังนั้น มาซาฮิโกะ ก็ใช้คาถาออกมาทันที
“คาถาดิน : ซ่อนตัวตุ่น” ทันใดนั้นร่างของเขาก็จมลงไปในดินทันที และเมื่อคาถาไฟของ มาดาระ ผ่านไปหมด เขาก็กลับขึ้นมาอยู่บนดินอีกครั้ง
“นี่เหละ ช่องว่างของประสบการณ์ที่แท้จริงระหว่างฉันกับท่าน”
“แทนที่ท่านจะใช้ ‘คาถาไฟ : เพลิงมังกรคำราม’ ท่านน่าจะใช้ ‘คาถาไฟ : มังกรเพลิงยักษ์’ มากกว่านะ เพราะมันเหมาะกับการต่อสู้แบบตัวต่อตัวมากกว่า”
“ตอนนี้คงเห็นแล้วสินะ ว่าจักระที่ท่านใช้ออกมามันไร้ประโยชน์มากแค่ไหน?” มาซาฮิโกะ พูดออกมาในขณะที่เขาส่ายหัวราวกับว่าเขาเป็นอาจารย์ที่กำลังสอนลูกศิษย์ของเขาอยู่
ตอนนี้ มาซาฮิโกะ ได้ทำให้ มาดาระ โกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว และทันใดนั้น เนตรวงแหวน ของ มาดาระ ก็ปรากฏออกมา “คาถาไฟ : ลูกบอลเพลิงยักษ์!”
ทันใดนั้น มาดาระ ก็ยิงลูกบอลเพลิงยักษ์ออกมาจากปากของเขา มันมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใหญ่ประมาณ 10 เมตร เลยทีเดียว
มาซาฮิโกะ รู้สึกได้ถึงความร้อนของลูกไฟในทันที แม้ว่ามันจะยังมาไม่ถึงเขาก็ตาม
“ทำไมเขาถึงใช้ เนตรวงแหวน ละ…เท่าที่เรารู้ เนตรวงแหวน มันไม่ได้ช่วยให้คาถาไฟของเขาแข็งแกร่งขึ้นเลยนี่น่า? ถ้ามันเป็นเพียงแค่คาถาไฟธรรมดาละก็ เราคิดเราสามารถจัดการกับมันได้แน่นอน” มาซาฮิโกะ คิดกับตัวเอง
ทันใดนั้น มาซาฮิโกะ ก็ประสานอินขึ้นมา ‘ชวด – มะเส็ง – มะเมีย – จอ’ “คาถาลม : คลื่นสุญญากาศ” ทันใดนั้น คลื่นสุญญากาศ ก็พุ่งตรงเข้าหาลูกบอลไฟ แล้วผ่าลูกบอลไฟลูกนั้นออกเป็น 2 ซีกในทันที
“โชคดีนะที่เรายังพอรู้คาถาลมอยู่บ้าง ถ้าเราใช้กำแพงดินมันคงไม่สามารถหยุดคาถาไฟที่รุนแรงแบบนี้ได้อย่างแน่นอน…สู้กับคนอย่าง มาดาระ…มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ” มาซาฮิโกะ บ่นกับตัวเองเบา ๆ
มาซาฮิโกะ ไม่ได้โจมตี มาดาระ กลับในทันที แต่เขากลับพูดกับ มาดาระ ว่า “อุจิฮะ มาดาระ…ท่านยังอยากจะต่อสู้ต่อไปไหม? ดูเหมือนว่านินจาที่ท่านพามาด้วยจะสู้ต่อไปไม่ไหวแล้วนะ”
มาดาระ มองไปรอบ ๆ
อิซึนะ กำลังถูก โทบิรามะ ไล่ต้อนอย่างหนัก และ นินจาตระกูลอุจิฮะ อีก 5 คน ก็กำลังแย่เช่นกัน พวกเขาได้รับบาดเจ็บหลายจุด และ มาดาระ ก็ไปช่วยพวกเขาไม่ได้เพราะ มาซาฮิโกะ ยังขวางเขาไว้อยู่
นี่ยังไม่รวมถึง เจ้าหญิงแห่งตระกูลอุซึมากิ ที่นั่งอยู่ในเกี้ยว ที่เป็นอัจฉริยะยอดนักสู้มาตั้งแต่เด็ก…
“อิซึนะ พาคนอื่นกลับมา เราต้องล่าถอย” มาดาระ ออกคำสั่งเสียงดัง
อิซึนะ รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ประสานอินขึ้นมา “คาถาไฟ : เพลิงทำลายล้าง!” ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็พุ่งออกมาเป็นวงล้อมและแยก มาดาระ และ มาซาฮิโกะ ออกจากกัน ในขณะเดียวกันเปลวไฟนั้นก็แยก นินจาอุจิฮะ อีก 5 คน ออกมาด้วยเช่นกัน จากนั้น นินจาอุจิฮะ ทั้งหมดก็มารวมกลุ่มกันอีกครั้งกลางวงล้อมของไฟ แล้วพวกเขาก็หนีเข้าไปในป่า เหลือเพียง มาดาระ คนเดียวเท่านั้นที่ยังคงยืนจ้องหน้า มาซาฮิโกะ อยู่อย่างไม่ละสายตา
“ท่านเป็นคนที่หยิ่งยโสเกินไป มาดาระ ท่านคิดว่าท่านจะสามารถเอาชนะฉันได้ด้วยตัวคนเดียวงั้นเหรอ? แม้แต่พี่ชายของฉันยังไม่สามารถหยุดฉันได้เลย ท่านหนีไปสะเถอะ วันนี้เราจะปล่อยท่านไป”
“ให้ฉัน…หนีเหรอ? ไม่มีทาง! ฉันยังมีไม้ตายที่จะเก็บไว้ใช้กับ ฮาชิรามะ อยู่อีก”
“ถ้าอย่างงั้น ฉันจะลองใช้กับแกก่อนแล้วกัน!” มาดาระ พูดด้วยความดุดัน
ในวินาทีต่อมา เนตรวงแหวน ของเขาก็หมุนแล้วเปลี่ยนรูปร่าง ทันใดนั้นเลือดก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเขาราวกับว่ามันเป็นน้ำตา และโครงกระดูกสีน้ำเงินก็ปรากฏออกมาปกคลุมร่างของเขา
หลังจากนั้นการต่อสู้ระหว่าง มาดาระ กับ มาซาฮิโกะ และคนอื่น ๆ ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
…
10 นาทีต่อมา
มาซาฮิโกะ หิวปลี โทบิรามะ กลับมาที่ขบวนอารักขา พวกเขาทำอะไร มาดาระ ไม่ได้เลย
คาถานินจา และ ดาวกระจาย ของ มาซาฮิโกะ ไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับ มาดาระ อีกต่อไป เมื่อเขาใช้ ซูซาโนะโอะ
ในตอนนี้เหลือเพียงแค่ มาซาฮิโกะ , โทบิรามะ และ โจนิน อีก 3 คนเท่านั้นที่ยังสามารถยืนอยู่ได้หลังจากพวกเขาป้องกันการโจมตีครั้งสุดท้ายของ มาดาระ ก่อนที่ มาดาระ จะรู้สึกได้รับชัยชนะและหายตัวไป
แม้แต่ มาซาฮิโกะ ก็ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้
โทบิรามะ สูดหายใจลึก ๆ จากนั้นเขาก็พยายามยืนด้วยตัวเขาเอง
เขามองไปที่ นินจา 3 คน ที่ตอนนี้พวกเขาได้ลงไปนอนกองอยู่กับพื้นเรียบร้อยแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บถึงตาย พวกเขาแค่หมดแรงเท่านั้น
“มาดาระ แข็งแกร่งเกินไป โชคดีที่เมื่อกี้เหลือแค่ มาดาระ เพียงคนเดียว ไม่เช่นนั้นสถานการณ์จะเลวร้ายยิ่งกว่านี้แน่นอน” โทบิรามะ พูดก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“ใช่แล้ว เราโชคดีมาก ถ้า อิซึนะ ยังอยู่ที่นี่ มิโตะ คงจะถูกจับตัวไปแล้ว และถ้ามันเกิดขึ้นฉันจะเอาหน้าไปเจอกับหลานชายของฉันได้อย่างไร?!” มาซาฮิโกะ พูดออกมา
เขาคิดในใจว่า ‘ตอนแรกเราคิดว่า มาดาระ จะมาที่นี่เพื่อแค่มาหยอกล้อกับ ฮาชิรามะ เท่านั้น แต่เขาต้องเล่นแรงขนาดนี้เลยเหรอ เขาไม่ห่วงมิตรภาพของพวกเขาเลยเหรอ?’
ถ้าหากที่ มาดาระ ต้องทำถึงขนาดนี้ก็เพราะคำพูดขอ มาซาฮิโกะ เขาจะต้องรู้สึกผิดและอับอายไปตลอดชาติแน่นอน
ในเวลานี้ มิโตะ ก็ออกมาจากเกี้ยวของเธอ “ขอโทษนะคะที่ฉันช่วยอะไรไม่ได้เลย เชิญท่านพาผู้บาดเจ็บเข้าไปนั่งในเกี้ยวนี้ก่อนนะคะ”
“เราต้องรีบเดินทางต่อ เราไม่ควรตามเขาไป หากเราตามเขาไปฉันกลัวว่าทุกคนจะไม่สามารถรับมือกับเขาได้เป็นครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน” มาซาฮิโกะ เสนอ
“เรื่องนั้น…” หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โทบิรามะ ก็เห็นด้วยและพูดว่า “ทุกคน กลับเข้าขบวน เราจะเดินทางต่อ”
ในตอนนี้ เจ้าสาวมิโตะ กำลังเดินอยู่ในขบวน ขณะที่ในเกี้ยวก็ให้นินจาที่บาดเจ็บทั้ง 3 คนนั่ง
มาซาฮิโกะ คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าถ้าหาก ฮาชิรามะ เปิดเกี้ยวออกมาแล้วสิ่งที่พบไม่ใช่เจ้าสาวของเขา แต่กลับเป็น นินจา 3 คน คงจะตลกน่าดู เมื่อคิดเรื่องนี้แล้วก็ทำให้ มาซาฮิโกะ หัวเราะออกมา
โทบิรามะ มองไปที่ มาซาฮิโกะ และถามเขาว่า “ท่านปู่ วิชาดาวกระจาย ที่ท่านใช้เมื่อกี้คล้ายกับวิชาที่ฉันกำลังพัฒนาอยู่ในตอนนี้เลย ท่านช่วยบอกฉันเพิ่มเติมเกี่ยวกับมันได้ไหม?”
“เทพอัสนีเวหา งั้นเหรอ?” มาซาฮิโกะ ถามกลับ “ไม่มีปัญหา แต่ท่านต้องสัญญากับฉันมาข้อหนึ่งก่อน”
“ได้ครับ ว่าแต่สัญญาอะไรเหรอครับ?”
“เมื่อถึงเวลางานแต่ง ท่านต้องทำแบบนี้…”
“เรื่องนั้นมัน…”
หลังจากนั้นไม่นาน ขบวนอารักขาก็เดินมาเกือบถึง บ้านของตระกูลเซนจู จนสามารถมองเห็นมันได้จากระยะไกล