บทที่ 2 ตอนที่ 24
นั่นก็หมายความว่า… คนร้ายก็คือดยุคริเวียร์!
「แต่ในวันนี้ที่ข้าได้ไปสัมภาษณ์ดยุคริเวียร์มา ข้าไม่สามารถสรุปออกมาได้ว่าเขากำลังโกหกเลย」
「เอ๊ะ… จริงหรอครับ? แต่มันก็ขึ้นอยู่กับวิธีที่เขาใช้ตอบไม่ใช่หรอครับ ที่ทำให้คุณไม่สามารถบอกได้ว่าเขากำลังโกหกอยู่หน่ะ」
「นายหมายความว่ายังไงกัน เรย์จิ?」คุณหนูถามขึ้นมา
「ตัวอย่างเช่น ถ้าดยุครีเวียร์เป็นคนอยู่เบื้องหลังแล้วพูดว่า “ข้าไม่ได้เป็นคนวางยา” มันก็ไม่ใช่เรื่องโกหกจริงๆนั่นแหล่ะครับ เพราะคนที่วางยาเป็นตัวของคนรับใช้」
「อา…」
「เป็นอย่างที่เจ้าพูดเลย เรย์จิซัง เจ้าดูจะมีไหวพริบกับเรื่องแบบนี้ดีนะเนี้ย」
ท่านเอิร์ลครับ นั่นคือคำชมใช่ไหมครับ? ท่านไม่ได้กำลังจะบอกว่าผมเป็นคนเจ้าเล่ห์ใช่ไหมครับ?
「แน่นอนว่าได้ตระหนักถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว ฝ่าบาทก็เลยถามคำถามอื่นๆอีกมากมายเลย… แต่ตัวข้าเองก็ไม่ได้สงสัยว่าดยุครีเวียร์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่แรกแล้วละนะ」
「เอ๊ะ… ยังงั้นหรอครับ?」
「ก็ตั้งแต่แรกแล้ว มันก็แทบจะไม่มีข้อมูลว่าจะมีหินสกิล 5 ดาวหรือมากกว่าปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่แรกแล้วนี่」
อา จริงด้วย นั่นก็หมายความว่าการสืบสวนต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งซะแล้วสิ
「การสัมภาษณ์ในวันนี้ทำให้เหนื่อยมากเลย」
ท่านเอิร์ลถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะพึงตัวไปกับพนักเก้าอี้
「ท่านพ่อคะ เรามาดื่มชากันเถอะค่ะ」
「อืม เอาตามนั้นละกัน」
คุณหนูสั่นกระดิ่งเพื่อเรียกเมดให้มาชงชาให้
ในเวลานั้น ท่านเอิร์ลก็ดูจะพูดสิ่งที่เขาอยากจะพูดหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ผมจะถามบางอย่างกับท่านเอิร์ลมั้งแล้ว
「—ไม่ใช่แค่เรื่องที่ข้าใช้ “เนตรเวทมนตร์แห่งการสืบสวน” กับขุนนางชั้นสูงจนเหนื่อยหรอกนะ…」
ตอนที่เมดได้ออกไปและเป็นตอนที่ผมกำลังจะเริ่มพูด ท่านเอิร์ลก็ได้พูดขึ้นมาก่อนพร้อมกับถ้วยน้ำชาในมือ
「พวกนั้นบอกว่าจะให้ข้าใช่เนตรเวทมนตร์ก็ได้ แต่ต้องมีของตอบแทนด้วยนะสิ…」
「ของตอบแทนงั้นหรอครับ?! งั้นก็หมายความว่า…」
ผมมองไปที่คุณหนู นั่นมันเป็นการประกาศว่าพวกเขาจะเอาคุณหนูแต่งเข้าตระกูลไม่ใช่หรอ?
มีความเป็นไปได้! ไอ้หลุยส์นั่นจะต้องไปร้องไห้หาพ่อแน่นอนเลย!
「ใช่แล้วละ」ท่านเอิร์ลพูดพร้อมกับสีหน้าที่ร่มรื่นยิ้มแย้มแจ่มใส「พวกนั้นต้องการตัวเรย์จิซัง!」
「อย่างที่คิด! พวกนั้นต้องการตัวคุณหนู– เอ๊ะ?」
ผม?
「ใช่ เจ้านั่นแหล่ะ」
ผมหรอ? ทำไมละ?
ขณะที่ผมมองไปที่คุณหนู เธอก็ได้มองผมกลับราวกับจะบอกว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว”
「เจ้าเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่ารองกัปตันแห่งภาคัอัศวินเลย แถมยังพบยาพิษที่ขนาดคนคุ้มกันของตระกูลเอเบนยังไม่รู้ตัวเลยด้วย ทั้งๆที่ยังไม่มีสกิลอีกด้วยนะ! ถึงเรื่องนั้นข้าจะพึ่งรู้ในวันนี้ก็เถอะ แต่การที่เจ้าพบยาพิษที่สามารถผ่านได้แม้แต่เชฟมืออาชีพผู้ที่มีสกิล【ตรวจสอบ】อย่างนั้นได้ มันก็ไม่แปลกหรอกที่เจ้าจะเป็นที่ต้องการตัวหน่ะ」
「…………」
เอาจริงดิ? มาคิดดูดีๆแล้ว ก็พอจะสมเหตุสมผลอยู่นะมั้ง? ไม่สิ ผมยังอายุ 14 ปีอยู่เลยนะ
「…เรย์จิ นายจะไปอยู่ตระกูลอื่นงั้นหรอ?」คุณหนูถามขึ้นพร้อมกับจับไปที่ชายเสื้อของผม
(คิดว่าจะไม่ทำให้คุณหนูเป็นกังวลอีกแล้วนะวันนี้ แต่ก็ยัง…)
「แน่นอนว่าผมไม่คิดจะไปไหนอยู่แล้วครับ」ผมตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
「จริงหรอ?」
「ครับ」
「…อีวา ถึงรอยยิ้มของเรย์จิซังจะดูน่าสงสัยก็จริง แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริง」
ท่านเอิร์ลครับ! อย่าใช้งาน “เนตรเวทมนตร์แห่งการสืบสวน” ตามใจชอบอย่างนี้สิครับ!
「แต่ข้าคิดว่าหลังจากนี้เจ้าจะต้องระวังตัวเอาไว้ ตัวปรมาจารย์ดาบเองก็มาในวันนี้ด้วยเช่นกัน ตาของเขาลุกวาวเลยละหลังจากที่ได้ยินเรื่องของเรย์จิซัง」
หยึย ไม่เห็นอยากจะรู้เรื่องนั้นเลย ไม่สิ เดี๋ยวนะ ถ้าผมเจอกับคนที่ถูกเรียกว่า “ปรมาจารย์ดาบ” ในการฝึกซ้อมแล้วละก็ ผมจะสามารถเรียนสกิล【ทักษะดาบมังกร】ได้ใช่ไหมนะ?
(…ไม่ ไม่เอาดีกว่า ความโลภจะนำไปสู่ความชิบหาย ผมจะต้องระมัดระวังตัวเอาไว้)
「สำหรับตอนนี้ ความสนใจของผมกับท่านเอิร์ลนั้นใกล้เคียงกัน ดังนั้นผมไม่มีเหตุผลให้ออกไปไหนหรอกครับ」ผมพูดให้คุณหนูสบายใจ
「ความสนใจ? ไม่ใช่ว่านายแค่ถูกท่านพ่อจ้างเฉยๆไม่ใช่หรอ เรย์จิ?」
「มาคิดดูแล้ว ผมไม่เคยบอกคุณหนูเลยนี่นะครับ ผมได้ร้องขอให้ท่านเอิร์ลทำอยู่สองอย่างครับ ซึ่งก็คือ “ข่าวคราวเกี่ยวกับหินสกิล 5 ดาวหรือมากกว่า” กับ “ตามหาคนที่มีชื่อว่าลูลูช่า” ครับ」
「…เรย์จิซัง ไม่ใช่ว่านั่นเป็นความลับยังงั้นรึ?」ท่านเอิร์ลถามขึ้นมาพร้อมกับเอามือก่ายหน้าผาก
「ไม่ครับ ไม่ใช่ความลับอะไรหรอกครับ ต่อให้ท่านป่าวประกาศออกไปอย่างใหญ่โตก็ไม่เป็นไรหรอกครับ」
「…ข้าก็คิดว่ามันเป็นความลับซะอีก ข้าก็เลยสืบหาอย่างระมัดระวังมากๆเลยนะ」
「ก็ไม่ได้ถามผมนี่ครับ」ผมตอบกลับท่านเอิร์ลพร้อมกับยิ้มกว้าง
เอาคือที่ท่านเอิร์ลพูดเอาไว้ครั้งก่อนซะเลย
「ถ้าชั้นได้ยินข่าวคราวพวกนั้นมาละก็ ชั้นจะรีบบอกนายเลยนะ เรย์จิ!」
「ขอบคุณครับ ผมเองก็จะรอนะครับ ตอนนี้คุณหนูเป็นถึงขุนนางเต็มตัวแล้วด้วย」
「ให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง!」คุณหนูพูดพร้อมกับยืดอก「ชั้นจะทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะสามารถพูดคุยกับเรย์จิได้อย่างเท่าเทียมเลยด้วย! ก่อนอื่นเลยก็– ท่านพ่อคะ」
「อะไรรึ อีวา?」
「ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ท่านพ่อได้เตรียมเอาไว้จนถึงตอนนี้นะคะ ศูนย์จัดการทรัพยากรมนุษย์ที่หนูกับเรย์จิจัดการไป ท่านพ่อเป็นจัดฉากเอาไว้ทั้งหมดเลยใช่ไหมละคะ ท่านพ่อ?」
ผมเกือบจะพ่นชาออกมาเลย
เดี๋ยวก่อนท่านเอิร์ล! ทำไมถึงมองมาที่ผมละ?! ไม่ ผมไม่ได้บอกอะไรคุณหนูเลยนะ!
แถม ผมก็ก่ะจะเป็นคนพูดเรื่องนี้เองด้วยซ้ำ
「…อีวา ลูกหมายความยังไงงั้นรึ?」
「ท่านพ่อคะ หนูคิดมาตลอดทั้งวันเลยค่ะ เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เรื่องที่มักจะไปได้ไม่สวยเท่าไหร่ การแสดงของฝ่าบาทเมื่อวานก็ด้วยค่ะ ถึงตอนแรกมันจะจบลงด้วยดีก็จริง แต่สุดท้ายงานเลี้ยงก็ล้มเหลวเพราะมีการพบยาพิษอยู่ในจานอาหารของท่านคลูฟชราท」
โอ้แหม่! ว้าว! เห็นมุมมองด้านนี้ของคุณหนูทำเอาผมหยุดหายใจไปเลย
ผมคิดว่า… ผมคงจะเข้าใจในตัวคุณหนูผิดไป
ผมเอาแต่คิดว่า “ต้องปกป้องเธอ” และ “วันนี้เธอจะเศร้ามากแน่ๆเลย”
「หนูอยากจะอยู่ในสังคมที่ประชาชนทุกคนในราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์นั้นมีอิสระในการใช้ชีวิต ทว่า ในทางตรงกันข้าม หนูไม่รู้เลยว่าหินสกิลนั้นส่งผลต่อวิถีชีวิตของผู้คนหรือว่ามันมีค่ามากแค่ไหนจนกระทั้งที่หนูได้ยินเรื่องในวันนี้นี่แหล่ะค่ะ ท่านพ่อคะ ถึงแม้หนูจะอยู่ในตำแหน่งที่ต้องตรวจสอบมัน ต้องรู้เกี่ยวกับมัน แต่ในใจลึกๆของหนูก็ยังคงคิดว่า “หินสกิลเป็นสิ่งที่ครอบครองได้เฉพาะขุนนาง” อยู่เลยค่ะ — ถึงแม้แนวคิดที่ว่า “ขุนนางนั้นสูงส่งโดยกำเนิด” จะเป็นสิ่งที่หนูจะต้องปฏิเสธมันแท้ๆ」
คุณหนูได้กลายเป็นขุนนาง ‘หญิง’ เต็มตัวแล้ว เธอยืนด้วยสองขาของตัวเองและคิดด้วยตัวเองได้แล้ว
「ขนาดเรื่องที่หนูชอบอย่างการ “บดขยี้ธุรกิจค้าทาส” เอง ถ้าแค่ครั้งเดียวละก็คงไม่เป็นไร แต่สำเร็จถึง 6 ครั้งรวดแบบนี้… ทำให้หนูคิดว่ามันแปลกๆ」
「…ก็เลยใสงสัยว่าพ่อเป็นคนเตรียมการเอาไว้งั้นรึ?」
คุณหนูพยักหน้าพร้อมกับมองไปที่พ่อของเธอผู้มีฉายา “ลอร์ดเลือดเย็น” มองตรงเข้าไปในดวงตาอย่างไม่สะทกสะท้าน
「วันนี้หนูคิดมาตลอดเลยละค่ะ… ถ้าเรย์จิไม่อยู่แล้วละ? ถ้าเรย์จิจากไปแล้วละ? มันเกือบจะบดขยี้หัวใจของหนูเลยค่ะ แต่หลังจากนั้น หนูก็ได้เข้าใจแล้วว่าเรย์จิเองก็มีศึกของเขาเองเหมือนกัน และเรย์จิก็ไม่ได้เสียเวลาว่างไปเปล่าๆด้วย ดังนั้นหนูก็เลยคิดอะไรหลายๆอย่างจนจบลงที่ข้อสรุปนี้ค่ะ」
ผ่านไปเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นหลังจากจบ “งานเลี้ยงต้นกล้าแห่งคืนข้างขึ้น” งานที่เด็กๆจะได้กลายเป็นขุนนางเต็มตัว แล้วตัวคุณหนูก็ใช้เวลาเพียงน้อยนิดจนกลายเป็นขุนนางเต็มตัวได้
และดูเหมือนจะมีผมเป็นแรงผลักดันด้วย ไม่มีอะไรน่าภูมิใจไปมากกว่านี้อีกแล้วละ
ทั้งมารยาทในการพูดและท่าทางที่ยกหัวของเธอให้สูงขึ้นนั้นแม้ไม่เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเธอก็ตาม แต่มันช่างสง่างามในสายตาของผมมากๆเลย
―หลังจากนี้ เจ้าจะได้เลือกหินสกิลของเจ้าเอง เรียนรู้สิ่งต่างๆ บางครั้งก็ต่อสู้กับคนอื่นๆ บางครั้งก็ผิดพลาด บางครั้งก็รู้สึกสนุกสนาน และบางครั้งก็รู้สึกเจ็บปวด เพราะตัวพวกเจ้านั้นเกิดมาในสายเลือดของขุนนาง พวกเจ้าก็จำเป็นจะต้องต่อสู้กับชะตากรรมพวกนี้
ราชันศักดิ์สิทธิ์กล่าวแบบนั้นกับเหล่าขุนนาง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคุณหนูนั้นคือขุนนาง ถ้าการกระทำนี้คือขุนนางละก็ งั้นคุณหนู ก็คือ ขุนนางแล้วอย่างแน่นอน