บทที่ 2 ตอนที่ 16
แต่ละคนที่อยู่บนโต๊ะนี้นั้นล้วนมาจากตระกูลที่สูงกว่า “เอิร์ล” ทั้งนั้น ส่วนผู้คนที่คุณหนูพบเจอมา — บางทีแทบทั้งหมดอาจจะเป็นเด็กจากตระกูลที่ยศต่ำกว่าเอิร์ลละมั้ง ดังนั้นคุณหนูก็เลยไม่เคยเจอใครที่มีท่าทีปองร้ายแบบนี้มาก่อน
(หัวใจเต็นเร็วขึ้น, เหงื่อไหลมากขึ้น, อุณหภูมิของร่างกายเองก็สูงขึ้น… คุณหนูครับ อย่างพึ่งกระวนกระวายไปนะครับ)
มีข้อมูลพวกนั้นหลั่งไหลออกมาเมื่อผมตรวจสอบสถานะของคุณหนูด้วย 【World Ruler】เอาเถอะ จริงๆผมก็ไม่จำเป็นจะต้องเช็คเลยก็ได้ เพราะสีหน้าของคุณหนูแข็งค้างไปแล้วยังไงละ
「…ตระกูลซิวลิซส์ได้สร้างความขัดแย้งในหมู่ขุนนางยังงั้นหรอคะ?」
คุณหนูพยายามพูดออกมาให้สุภาพมากที่สุด ทว่าน้ำเสียงของเธอนั้นเย็นชามาก เย็นชาพอๆกับท่านเอิร์ล – ทำเอาผมคิดว่า “สมแล้วที่เป็นพ่อลูกกัน” เลย
คุณหนูชาล็อตสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอยังคงลังเลอยู่ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจพูดต่อ
「คะ-ค่ะ ใช่แล้วค่ะ! คุณจะบอกว่าคุณไม่เคยได้ยินข่าวลือพวกนี้หรอคะ? ที่ว่าตระกูลซิวลิซส์นั้นไม่ปกครองดินแดนทั้งๆที่เป็นถึงเอิร์ล แถมยังเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอย่างหนักด้วย จนถูกเรียกว่า “พ่อค้าติดอาวุธผู้ซึ่งรอคอยข้อพิพาทอย่างกระตือรือร้น”–」
「คุณชาล็อต!」เจ้าชายคลูฟชราทพูดขึ้น
วงออร์เคสตราหยุดบรรเลงเพลงลง และทั่วทั้งโถงจัดงานก็เงียบสงัด
「…ลูกสาวของตระกูลขุนนางอันทรงเกียรติกลับเชื่อในข่าวลือจากผู้คนที่ประสงค์ร้ายอย่างนั้นหรอครับ?」
เจ้าชายคลูฟชราทนั้นไม่ได้มีเพียงแค่รูปลักษณ์ที่อ่อนโยนเท่านั้น แต่หัวใจของเขาเองก็ยังอ่อนโยนด้วย ผมคิดแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าที่เสียงของเขาสั่นนั้นเป็นเพราะว่าเขากำลังโกรธ หรือกำลังหวาดกลัวท่าทีของคนรอบข้างหลังจากที่เขาขึ้นเสียงออกไปกันแน่ — แต่เรื่องที่เขาออกตัวเพื่อปกป้องคุณหนูอีวานั้นก็ยังเป็นความจริงอยู่ดี
ริมฝีปากของราชันศักดิ์สิทธิ์ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าชายนั้นยกขึ้นเล็กน้อย ผมสังเกตุเขามาซักพักแล้ว ถ้าเจ้าชายไม่พูดอะไรละก็ ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็จะเป็นคนพูดออกมาเองแน่ๆ
เมื่อเอ่ยคำใดออกไปแล้วย่อมไม่คืนคำ ดังนั้น คุณหนูชาล็อตก็เลยยังพูดต่อไปแม้จะกำลังหวาดกลัวเจ้าชายที่ยศสูงกว่า
「ด้วยความเคารพนะคะ คลูฟชราทซามะ… ไม่ใช่เรื่องจริงหรอคะที่ท่านเอิร์ลซิวลิซส์สั่งประหารขุนนางหลายคนน่ะค่ะ? ผลสุดท้ายการแจกจายสินค้าไปยังดินแดนต่างๆก็ล่าช้าลง จนเหล่าขุนนางก็จำเป็นจะต้องใช้ทรัพย์สินของตัวเองเพื่อระงับความโกลาหลน่ะค่ะ ทั้งๆที่ เหล่าขุนนางที่ไม่มีดินแดนไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยนะคะ」
มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นด้วยสินะ
ทว่า ที่ท่านเอิร์ลทำแบบนั้นก็เพื่อแท่นแท่นบูชาที่หนึ่ง เพราะแบบนั้นเขาจึงต้องรับบทตัวร้ายเพื่อประเทศชาติหนิ แต่เธอกลับเอาแต่พูดถึงผลเสียอย่างเดียวเลย
(โอ๊ะ จริงสิ มันเป็นความลับที่รู้กันในเฉพาะขุนนางเพียงหยิบมือนั่นา เรื่องที่ว่าท่านเอิร์ลเป็น “ผู้ช่วยเลขาธิการพิเศษ” ของสำนักงานบริหารแท่นบูชา ท่านเอิร์ลนั้นประหารคนพวกนั้นด้วยเหตุผลเช่น “ฉ้อโกง”, “เลี่ยงภาษี”,และ “ติดสินบน” ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับแท่นบูชาที่หนึ่งเลย เขาทำไปเพื่อสงวนภาพลักษณ์ของแท่นบูชาที่หนึ่งที่ว่า “ไม่ได้ปนเปื้อน” สินะ)
คุณหนูชาล็อตมาจากตระกูลมาร์ควิสแต่กลับไม่รู้อะไรเลยหรอ? ไม่สิ ผู้นำตระกูลอาจจะรู้ แต่เขาไม่ได้บอกใครก็เท่านั้นเอง
「ยิ่งไปกว่านั้นนะคะ ยังมีขุนนางบางคนที่เห็นประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ในการควบคุมการกระจายสินค้าเพื่อทำเงินจำนวนมากอีกด้วยนะคะ」
………….
ดูจากชื่อเล่น “ลอร์ดเลือดเย็น” ของท่านเอิร์ลแล้วละก็ มันก็ดูเหมือนเขาจะทำอะไรก็ได้จริงๆ เขาเป็นคนที่ทำให้เกิดความโกลาหลนี้มาตั้งแต่แรก ดังนั้นมันจึงง่ายที่จะคาดเดาสิ่งที่จะทำเกิดขึ้นต่อไปสินะ
「…ท่านพ่อ ที่คุณชาล็อตพูด…」
น้ำเสียงไม่พอใจของเจ้าชายได้กลับมาเป็นตามปกติของเขาแล้ว ภาพลักษณ์ใจเสาะของเขานั้นทำเอาผมอยากจะปกป้องเขาจริงๆ – แต่ว่าช่างเรื่องนั้นไปก่อน ท่านราชันศักดิ์สิทธิ์นั้นยังคงเงียบอยู่ พร้อมกับมีสีหน้าปั้นยากอยู่บนใบหน้าของเขาด้วย
(มันเป็นเรื่องที่พูดในที่สาธารณะไม่ได้สินะ…)
ถ้าเขาปกป้องท่านเอิร์ลแล้วพูดความจริงละก็ มันจะทำให้แท่นบูชาที่หนึ่งเสื่อมเสีย ทว่า ถ้าเขายอมรับสิ่งที่คุณหนูชาล็อตพูดละก็ มันก็จะหมายถึงการหักหลังเขาผู้ภักดีที่ยอมรับบทตัวร้ายไป
「…ถ้ามองเพียงด้านเดียวละก็ ทั้งหมดนั่นก็คือความจริงละนะ」
สีหน้าของคุณหนูชาล็อตสดใสขึ้นจากคำพูดของราชันศักดิ์สิทธิ์
「ทว่า ใครก็ตามที่อยู่ในแวดวงทางการเมือง คนผู้นั้นย่อมจะรู้ว่าทุกสิ่งนั้นมีสองด้านเสมอ」
「สองด้านหรอครับ?」
ราชันศักดิ์สิทธิ์ลูบหัวของเจ้าชายที่กำลังจ้องเขม็งอยู่
「พวกเจ้าพึ่งจะได้ก้าวเข้าสู่สังคมขุนนางเอง ต่อจากนี้ไป พวกเจ้าจะต้องเลือกหินสกิลของพวกเจ้า เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง บางครั้งก็ต้องทะเลาะกับคนอื่นๆ บางครั้งก็ล้มเหลว บ้างครั้งก็มีความสุข และบางครั้งก็เจ็บปวด เนื่องจากพวกเจ้าทุกคนนั้นมีสายเลือดของขุนนางไหลเวียนอยู่ในตัว พวกเจ้าก็จะต้องต่อสู้กับชะตากรรมพวกนั้นอย่างแน่นอน… คุณชาล็อต」
「คะ-ค่ะ ฝ่าบาท」
คุณหนูชาล็อตที่ถูกเรียกชื่อโดยตรงจากราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้ทำหลังตรงทันที
「อย่าเชื่อในข่าวลือให้มากนัก เจ้ายังไม่ได้ยินจากปากของลุงเฟรสโดยตรงเลยสินะ ใช่ไหม? กลับไปแล้วไปถามเขาเรื่องนี้ จากนั้นก็จงจดจำทุกคำพูดที่เขาได้พูดออกมาซะนะ」
「ขะ-เข้าใจแล้วค่ะ…?」
「ข้าคงพูดอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเจ้าจะมาทะเลา–」
「ฝ่าบาท ผมไม่คิดว่าคนคุ้มกันควรจะพูดมากแบบนี้หรอกนะครับ」
「…ข้าก็ว่ายังงั้น」
เมื่อเขาถูกบอกโดยเอิร์ลหมีประจำชายแดน ราชันศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เอามือกอดอกแล้วเงียบไป
「?」
ถึงคุณหนูดูจะรู้สึกไม่พอใจที่บทสนทนาจบลงไปอย่างครึ่งๆกลางๆก็เถอะ ทว่าหลังจากนั้นวงออร์เคสตราก็ได้บรรเลงเพลงใหม่ แล้วอาหารจานต่อไปก็ได้เข้ามาเสิร์ฟ
ถึงบทสนทนาของโต๊ะอื่นๆจะเริ่มขึ้นแล้วก็ตาม แต่ตัวคุณหนูก็ยังคงเงียบต่อไปพร้อมกับสีหน้ามืดมน ท่านเอิร์ลไม่ได้บอกเธออะไรเกี่ยวกับเรื่อง “ลอร์ดเลือดเย็น” เลยหรอ? ไม่ ผมมั่นใจว่าเขาจะต้องบอกเธอแล้วแน่ๆ
ขณะที่คำแนะนำ “มาเป็นเพื่อนกันเถอะ” ของคุณชายอีธานถูกพัดตกไป คุณหนูมิร่า ลูกสาวของเอิร์ลชายแดน ก็ได้เริ่มบทสนทนาใหม่ขึ้นมา
「ถึงยังงั้น มีอาหารอร่อยๆอยู่เต็มไปหมดเลยนะคะ ทั้งหมดเป็นอาหารที่หาไม่ได้ในดินแดนของชั้นเลยละคะ」
เจ้าชายรู้สึกโล่งใจที่บทสนทนาได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เขาได้พูดเสริมว่า
「อาหารในวันนี้ทั้งหมดถูกจัดเตรียมเอาไว้โดยตระกูลโรซีเออร์ ใช่ไหมละ หลุยส์?」
「โอ๊ะ ใช่แล้ว… ข้าหวังว่าพวกมันจะถูกปากเธอนะ」หลุยส์พูดขึ้นโดยน้ำเสียงที่เจียมเนื้อเจียมตัวอย่างน่าประหลาดใจ
ท่าทีเอาตัวเองเป็นหลักเมื่อก่อนหน้านี้นั้นไม่เหลืออยู่เลย เป็นเพราะเขาช็อคจากเรื่องข่าวลือของท่านเอิร์ลซิวลิซส์อย่างนั้นหรอ?
「ดินแดนของท่านเอิร์ลประจำชายแดนมิวล์นั้นเป็นยังไงหรอครับ?」
「เป็นพื้นที่ที่ชนบทมากเลยค่ะ มีทั้งทุ่งหญ้ากว้างใหญ่, สวนเพาะปลูก, และนอกจากนั้นก็ยังมีดันเจี้ยนที่ถูกทิ้งเอาไว้จากคนในยุคโบราณที่ตั้งอยู่ในบริเวณภูเขาด้วยค่ะ เหล่านักพจญภัยก็มักจะมาสำรวจดันเจี้ยนพวกนั้นอยู่บ่อยๆ」
ดันเจี้ยน!
ช่างเป็นคำที่น่าตื่นเต้นจริงๆ ดันเจี้ยนเดียวที่ผมรู้จักก็คือเหมืองที่ 6 ที่ผมเคยทำงานเป็นทาสอยู่ในนั้น ผมสงสัยจังว่ามันจะต่างจากที่นั่นหรือปล่าว… เป็นสถานที่แบบไหนกันนะ…