[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit – บทที่2 ตอนที่ 11

บทที่ 2 ตอนที่ 11

 

คฤหาสน์ของท่านเอิร์ลนั้นตั้งอยู่ในเขตที่พักอาศัยของชนชั้นสูง มันถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงที่ยาวมากๆ บางคนถึงกับบอกว่ามันคิอ “ศูนย์กลางแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์” แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แบบนั้น

 

ศูนย์กลางแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์ก็คือ “พระราชวังศักดิ์สิทธิ์” เป็นที่ที่เก็บแท่นบูชาแห่งแรกเอาไว้ รวมถึงเป็นที่ประทับของราชันศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย

 

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพระราชวังได้ เอิร์ลซิวลิซส์บอกว่าเขาสามารถเข้าไปที่นั่นได้เพียงไม่กี่ครั้งต่อปีเท่านั้น (ถึงยังนั้นก็ยังเยอะกว่าขุนนางทั่วไปอยู่ดี)

 

เมืองนั้นถูกแบ่งออกเป็นกำแพงชั้นต่างๆ 8 ชั้นโดยเริ่มจากศุนย์กลางของเมือง – มีชื่อตั้งแต่ “กำแพงชั้นที่ 1” ไปจนถึง “กำแพงชั้นที่ 8” กำแพงชั้นที่ 8 นั้นอยู่ไกลจากปราสาทมากที่สุดเลยใช้เป็นกำแพงสำหรับขวางกั้นข้าศึกจากประเทศอื่นๆ ทว่า เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากเข้ามายังเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มันจึงมีบ้านเรือนมากมายถูกสร้างอยู่ด้านนอกกำแพงด้วย

 

กำแพงที่ 1 นั้นจะล้อมพระราชวังศักดิ์สิทธิ์เอาไว้รวมถึงหอประชุมรัฐสภา,และหน่วยงานรัฐบาลกลางต่างๆ ส่วนโบสถ์ประจำรัฐจะอยู่ด้านนอกของกำแพงที่ 1 บริเวณนี้ถูกเรียกเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1 ซึ่งเป็นที่ที่ท่านเอิร์ลจะต้องมาบ่อยๆ ด้วยการที่ตัวพระราชวังนั้นอยู่ตรงกลางของเมืองและบริเวณนี้เป็นสถานที่แรกหลังจากนั้น มันเลยถูกเรียกว่า “เขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 1” นั่นเอง

 

(มันเหมือนกับ*ย่านคาซูมิงาเซกิในญี่ปุ่นเลย)

 

“โบสถ์หลักแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์” นั้นจะตั้งอยู่นอกกำแพงชั้นที่ 2 มันถูกพูดกันว่าเป็นโบสถ์ทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองศักดิ์สิทธิ์เลย โบสถ์ประจำรัฐที่เป็นของพวกขุนนางเท่านั้นก็ดูจะไม่ได้ใหญ่โตขนาดเท่านี้เลย เอาเถอะ หินสกิลในประเทศนี้โพล่ขึ้นมาจากแท่นบูชานี่นะ มันก็คงไม่แปลกที่จะมีการภาวนาถึงพระเจ้ากัน ตัวของแท่นบูชาที่ผู้คนต้องการสวดภาวนาเพื่อหินสกิลนั้นถูกคุมเข้มและไม่อนุญาตให้ใครใช้

 

วันนี้พวกเราจะมุ่งหน้าไปยังโถงงานเลี้ยงที่อยู่ตรงระหว่างกำแพงที่ 2 กับ กำแพงที่ 3 มันอยู่ใกล้ๆกับโบสถ์หลักแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์ในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 2 ด้วย เนื่องจากคฤหาสน์ของท่านเอิร์ลนั้นก็อยู่ในเขตเดียวกัน พวกเราก็เลยไม่ต้องข้ามกำแพงไปมา ขออธิบายเพิ่มเติมว่าตัวของหอพักและลานฝึกซ้อมของกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ในเขตศักดิ์สิทธิ์ที่ 3 โดยตามปกติแล้วจะต้องร่ำรวยจริงๆเท่านั้นถึงจะอาศัยอยู่ที่นั่นได้ เขตอื่นๆนอกจากนี้จะถูกเรียกว่า บล็อก 4 เห็นได้ถึงความเหนือกว่าของพวกขุนนางได้จากชื่อที่เปลี่ยนไปนี้เลย

 

ที่ที่ผมช่วยท่านเอิร์ลนั้นก็คือบล็อก 4 จริงๆเวลานั้นท่านเอิร์ลควรจะอยู่ที่บ้านแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไปอยู่ที่บล็อก 4 กันนะ? เอาเถอะ สายงานของเขาทำให้เกิดศัตรูมากมายอยู่แล้ว ดังนั้นผมก็คงไม่อยากจะถามเขาถึงเหตุผลหรอก…

 

「เรย์จิ เป็นอะไรหรือปล่าว? สีหน้าดูมืดมนขึ้นนะ」

 

「ไม่ครับ นั่นไม่จริงหรอกครับ…」

 

「นายคิดอะไรอยู่กัน?」

 

ผมก็คิดอะไรหลายๆอย่างเลยแหล่ะ แต่เหตุผลจริงๆเลยก็คือว่าผมไม่อยากมองไปยังดวงตาของคุณหนูตรงๆต่างหาก ดังนั้นผมก็เลยมองออกไปข้างนอกรถม้า ผมกับคุณหนูนั้นนั่งอยู่ตรงข้ามกันในรถม้าที่มีพื้นที่กว้างพอประมาณแต่ไม่ถึงกับเป็นห้อง ถึงแม้เนตรเวทมนตร์จะไม่ทำงานถ้าไม่ใส่มานาลงไปก็จริง แต่แค่มองไปหัวใจผมก็สั่นไหวแล้ว ผมเองก็ไม่ใช่โลลิคอนนี่นา แปลกจริงๆ (TL:ไม่อะ เอ็งโลลิคอนแน่ๆ)

 

「โอ๊ะ ชั้นเข้าใจแล้ว」

 

「คุณหนูคิดผิดแล้วครับ」

 

「ชั้นยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ!」

 

「ผมมั่นใจว่าคุณหนูจะต้องพูดว่า “หวนคิดถึงอดีต” แน่นอน ใช่ไหมละครับ?」

 

「………」

 

「ตรงเผงสินะครับ」

 

「นั่นมันขี้โกงนี่!」

 

「ถ้ามีอะไรโกงๆอย่างความสามารถอ่านใจคนได้ ผมเองก็อยากจะมีมันเหมือนกันนะครับ」

 

อืม คิดว่าที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงจะเป็น “เนตรเวทมนตร์” ของท่านเอิร์ลละนะ

 

ผมยังคงพูดคุยเรื่องไร้สาระกับคุณหนูต่อไป เพราะผมรู้ว่าหัวใจของเธอยังคงว้าวุ่นอยู่ – เหมือนกับบรรยากาศภายในคฤหาสน์ตอนนี้ที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ และที่มันเป็นแบบนั้นก็เพราะพ่อของเธอที่เป็นคนกล่าวชมคนอื่นยากได้กล่าวชมเธอ มนุษย์นั้นต่อให้มีคนมาบอกว่าวันนี้เป็นวัน “พิเศษ” พวกเขาก็จะไม่เข้าใจจนกว่าจะเจอกับมันด้วยตัวเอง

 

ถ้าเธอคุยกับผมแล้วใจเย็นลงได้ มันก็ไม่เป็นไรหรอก

 

(…ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมจะอยู่กับเธอได้นานแค่ไหนเหมือนกัน)

 

ท่านเอิร์ลซิวลิซส์กำลังตามหาข้อมูลที่ผมตั้งเงื่อนไขเอาไว้ด้วยเวทย์พันธสัญญาอยู่ ผมไม่ในใจว่าข้อมูลไหนจะมาถึงก่อนกันระหว่างลาร์คหรือลูลูช่า แต่เมื่อไหร่ที่ผมได้พวกมันมา ผมก็จะต้องออกจากคุณหนูไป

 

「นายได้ดูรายชื่อคนที่เข้าร่วมวันนี้แล้วหรือยัง เรย์จิ?」

 

「โอ๊ะ จริงสิ มีนั่นด้วยสินะครับ」

 

ผมมองไปยังกระดาษเรียบๆที่ทำจากพืช มีทั้งหมด 22 คนที่เข้าร่วม ชื่อของคุณหนูนั้นอยู่ลำดับที่ 6 จากด้านบน

 

(คนที่อยู่ข้างบนชื่อของเธอก็คือ…)

 

ผมตรวจดูรายชื่อที่อยู่ด้านบนชื่อของคุณหนูเพื่อดูว่ามีใครที่เป็นปัญหาหรือเปล่า

 

★ องค์ชายศักดิ์สิทธิ์ คลูฟชราท (Kluvshrat)

 

★ ตระกูลดยุค: หลุยส์ โรซีเออร์ (Louis Rozier)

 

★ ตระกูลดยุค: อีธาน เอเบเน่ (Ethan Ebene)

 

☆ ตระกูลมาร์ควิส: ชาร์ล็อต เฟรส (Charlotte Phrase)

 

☆ ตระกูลเอิร์ลประจำชายแดน: มิร่า มิวล์ (Mira Mule)

 

ดาวสีดำดูเหมือนจะเป็นผู้ชาย ส่วนดาวสีขาวจะเป็นผู้หญิงนะ

 

「เข้าใจละ」

 

「นายเห็นอะไรหรอ?」

 

「แค่มองไปที่ชื่ออย่างเดียว ผมก็รู้ว่ามันไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วครับ」

 

ขณะที่ผมตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา คุณหนูที่กำลังรอคำตอบอยู่นั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

「คุณหนูครับ?」

 

「อะฮ่าๆๆๆๆๆ! มะ-โมวเรย์จิ ฮ่าฮา… นายไม่เห็นจะต้องพูดแบบนั้นออกมาดังๆเลยก็ได้ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องที่นายคิดอยู่จริงๆก็ตาม!」

 

「งั้นหรอครับ… แต่มันตลกขนาดนั้นเลยหรอครับ?」

 

「แน่นอนสิ! เพราะพวกนั้นเป็นลูกของขุนนางจากศูนย์กลางของประเทศเลยนะ แถมชื่อที่อยู่บนสุดยังเป็นชื่อของเจ้าชายศักดิ์สิทธิ์–」

 

「ทำไมถึงหยุดพูดละครับ?」

 

「………」

 

「?」

 

「…ไม่ ไม่มีอะไร」

 

คุณหนูโบกมือไปมาก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอยู่ๆคุณหนูถึงเปลี่ยนใจขึ้นมา

 

「นี่ เรย์จิ นายรู้อะไรไหม?」

 

「อะไรหรอครับ?」

 

「ชั้นถูกท่านพ่อชมด้วยในวันนี้」

 

「ครับ ผมรู้」

 

「ชั้นมีความสุขมากๆเลยละ!」

 

รอยยิ้มของคุณหนูที่ผมเห็นนั้นไม่ใช่ทั้งรอยยิ้มเย้ายวนหรือพลังลึกลับจาก “เนตรเวทมนตร์” ของเธอหรอก — มันเป็นรอยยิ้มที่สว่างสดใสและใสซื่อบริสุทธิ์มากๆ

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง หัวใจของผมกลับเต้นระรัว

 

「…ครับ ผมรู้ดี ผมดีใจกับคุณหนูด้วยนะครับ」

 

「อื้ม!」

 

รถม้ากำลังพาตัวคุณหนูกับผมไปยังโถงจัดงานเลี้ยงอย่างช้าๆ

 

*มุมมองของ อีวา ซิวลิซส์*

 

คนคุ้มกันของชั้นนั้นเป็นคนที่แปลกมากๆ

 

อย่างแรกเลยก็คือว่าเขายังเป็นเด็กอยู่เลย “ถึงหมอนั่นจะยังเป็นเด็กแต่เขากลับมีกล้ามเนื้อที่ดีมากเลย” หัวหน้าอัศวินแม็กซิมที่ปกติมักจะกล่าวชมเฉพาะอัศวินอายุ 20 ปีขึ้นไปหรือน้อยที่สุดก็คือ 18 ปีนั้นได้กล่าวชมเขาออกมา

 

อย่างไรก็ตาม คนคุ้มกันของชั้นอายุเพียงแค่ 14 ปีเท่านั้น

 

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่ตัวเขารับงานนี้ยังอายุแค่ 13 ปีเอง

 

ยิ่งไปกว่านั้นอีก เขายังเอาชนะในการต่อสู้กับหัวหน้าอัศวินด้วย

 

คนคุ้มกันของชั้นเป็นคนที่แปลกจริงๆ แปลกมากๆ

 

เขามีความรู้ที่ตัวชั้นไม่มี แน่นอน ชั้นรู้ว่าเขาอายุมากกว่าชั้น 2 ปี ดังนั้นชั้นจึงเข้าใจว่าเขามีประสบการณ์มากกว่าชั้น แต่ทั้งๆที่เขาเป็นคนธรรมดาสามัญที่ไม่ได้รับการเรียนการสอนของขุนนางแท้ๆ เขากลับทำให้ครูสอนพิเศษตะลึงในความรอบรู้ถึงเรื่องสังคม,เศรษฐกิจ,และ ประเด็นทางการเมืองได้

 

เขาโกหกเรื่องอายุของเขางั้นหรอ?

 

ชั้นไม่คิดแบบนั้นนะ ลักษณะตัวของเขาเองก็สมกับอายุดี

 

คนคุ้มกันของชั้นแปลกมาก แปลกจริงๆ

 

เขาไม่รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่จะมีขุนนางชั้นสูงจากทั่วราชอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์เข้าร่วมเลยแม้แต่น้อย ทำเอาตัวชั้นดูเป็นคนโง่เลยที่รู้สึกกังวลถึงเรื่องนี้ เขายังพูดแกล้งชั้นด้วยสีหน้าใจเย็นแบบนั้นได้อยู่

 

และ… ขนาดที่เจ้าชายศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเข้าร่วมงานนี้เลยนะ! ลูกชายของท่านราชันศักดิ์สิทธิ์คนนั้นเชียวนะ! เขาไม่ได้รู้สึกเป็นเกียรติเลยสักนิด! ชั้นยังไม่เคยเห็นท่านราชันศักดิ์สิทธิ์และเจ้าชายศักดิ์สิทธิ์คลูฟชราทซามะที่เป็นลูกคนที่ 3 เลย เป็นเกียรติมากเลยที่ชั้นได้เห็นเจ้าชายองค์แรกกับเจ้าหญิงองค์แรกไปแล้ว

 

ผู้คนในประเทศนี้จะต้องหลั่งน้ำตาให้กับเกียรติแบบนี้เลย!

 

แต่ถึงยังงั้น! อะไรของคนคุ้มกันคนนี้กัน!

 

เขายังกังวลเรื่องที่ชั้นขอให้เขาพาเข้าไปในเมืองมากกว่านี้ซะอีก!

 

แต่รู้ไหม

 

ในตอนนั้น อยู่ๆชั้นก็รู้สึกตัว

 

สิ่งที่ชั้นปราถนาก็คือสังคมที่ผู้คนไม่ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเวลาอยู่กับขุนนางเหมือนกับที่เรย์จิเป็น สังคมที่ทุกคนนั้นเท่าเทียมและเสมอภาค

 

ทว่า ตัวชั้นถูกผูกมัดเอาไว้ด้วย “สามัญสำนึก” ของสังคมขุนนางโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลย

 

เรย์จิสังเกตเห็นมันแล้วชี้ให้เห็นงจากทัศนคติของเขา

 

จากนั้น ตัวชั้น ในฐานะเจ้านายของเขา จะต้องตอบสนองกับเขาอย่างเหมาะสม

 

「คุณหนูครับ ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาถึงกันแล้วนะครับ ผมจะลงไปก่อนแล้วคุ้มกันคุณหนูเอง」

 

「อืม ฟากด้วยนะ」

 

เรย์จิลงจากรถม้าเบามากจนถึงขนาดที่ชั้นสงสัยว่าเขามีน้ำหนักบ้างหรือเปล่าเลย ดูสิ ขนาดตอนที่เท้าของเขาเหยียบพื้นยังไม่มีเสียงด้วยซ้ำ แปลกจริงๆ

 

ท้องฟ้ายามพลบค่ำนั้นกำลังมืดลงเรื่อยๆ ดวงดาวบนท้องฟ้าเองก็สว่างไสวระยิบระยับมากขึ้น แถมเนื่องจากวันนี้เป็นคืนจันทร์ดับ ดังนั้นเวลากลางคืนของคืนนี้จึงมืดมากกว่าปกติอีกด้วย

 

ด้านนอกของรถม้านี้ก็คือโถงจัดงานเลี้ยง – สถานที่ที่คฤหาสน์ทั้งหลังถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่จัดงาน

 

เทียนถูกจุดเอาไว้ตรงจุดจอดรถม้าไปทั่วบริเวณ เทียนนั้นอุ่นกว่าตะเกียงเวทมนตร์ก็จริง แต่มันให้แสงสว่างที่มากกว่า

 

มีรถม้ามากมายมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว และเหล่าอัศวินคุ้มกันก็ได้ลงมาจากหลังม้าแล้วยืนรอให้ชั้นลงไป

 

นี่เป็นก้าวแรก

 

ก้าวแรกของชั้นในฐานะขุนนางที่เข้าใจถึงสังคมที่เท่าเทียมและเสมอภาค

 

「นี้ครับ คุณหนู」

 

เรย์จิ คนคุ้มกันที่แสนแปลกประหลาดแต่กลับพึ่งพาได้มากนั้น กำลังยื่นมือของเขามาที่ชั้น

 

ชั้นจับมือนั้นเอาไว้

 

โดยที่ไม่รู้เลยว่าคืนนี้จะเป็นคืนที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง

 

================================================================

*ย่านคาซูมิงาเซกิ ย่านหนึ่งในโตเกียว เป็นแหล่งรวมหน่วยงานราชการแทบทั้งหมดของญี่ปุ่น

 

 

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

[นิยายแปล] Overlimit Skill Holder – Only A Reincarnator Can Possess The Skill That Exceeds The Limit

Options

not work with dark mode
Reset