บทที่ 1 ตอนที่ 32
「นี้มันเลวร้ายมาก…」
มีแผลไหม้ขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าและครึ่งซีกขวาของร่างกาย ทว่า ครึ่งซีกซ้ายดูจะไม่ได้ผลกระทบเพราะกลายเป็นหิน
…ถึงจะไม่ได้กลายเป็นหินโดยสมบูรณ์ แต่ก็ป้องกันการโดนเผาได้งั้นหรอ?
นี่มันสะดวกสำหรับผมเลยที่ครึ่งซีกซ้ายถูกเปิดเอาไว้อยู่แล้ว
「หืมม… เรย์จิ…?」
ดันเต้ซํงมองไปรอบๆห้องราวกับว่าเขามองไปยังภาพหลอน
「ครับ ผมทำยาที่จะรักษาคำสาปมา เพราะงั้นให้ผมได้ใช้มันนะครับ」
「…โทษทีนะ ไม่ได้ยินที่เธอพูดเลย เธอพูดอะไรนะ…? ในหัวรู้สึกเวียนหัวไปหมด…」
「ไม่เป็นไรหรอกครับ โปรดนอนพักต่อไปเถอะครับ」
…ขอโทษนะครับ ดันเต้ซัง ผมบอกเรื่องยาที่ผมจะใช้ไม่ได้
ผมคิดว่าบางทีเขาคงจะยอมรับมันอน่ แต่ มันมีตัวอย่างมากมายที่ไม่รู้จะรู้สึกดีกว่าละนะ ใช่ไหมละ?
ดันเต้ซังเองก็อยากจะนอนต่อด้วย จากการที่เขาหลับไปในเวลาไม่นาน ผมขึ้นไปบนเตียงก่อนจะทายาลงบนผิวของดันเต้ซัง
「!」
เมื่อมิธริลสีดำนั้นสัมผัสกับผิวสีเทาของเขา มันก็เปล่งแสงออกมา ก่อนที่ผิวสีเทาจะถูกเปลี่ยนเป็นสีดำ อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบผ่าน【World Ruler】แล้วก็ได้รู้ว่าคำสาปได้ถูกรักษาแล้ว
ดันเต้ซังกับคนอื่นๆเรียกมันว่า “คำสาป” ก็จริง ทว่าจริงๆแล้วมันเป็น “พิษ” นั่นแหล่ะว่าทำไมดันเต้ซังถึงได้หยุดการกระจายของมันได้ด้วย【เสริมภูมิคุ้มกัน】
ถ้าพิษถูกกำจัดแล้ว ดันเต้ซังก็จะหายดี
「ขอบคุณพระเจ้า…」
กลิ่นของมันค่อนข้างฉุน
ผมรู้ ผมรู้มาตลอดว่าดันเต้ซังเป็นคนที่ใจดีแบบหาที่สุดไม่ได้ ผมรู้ว่าเขากำลังหาที่ตายของตัวเองแต่ไม่แสดงออกเพราะไม่งั้นเขาจะถูกพรากชีวิตนักพจญภัยของเขาไป
และผมก็รู้ว่าลูกสาวของเขา น็อนซัง นั้นก็ยังคงมองหาทางรักษาอย่างสิ้นหวังแม้จะรู้สิ่งที่พ่อของตนคิดก็ตาม
(โลกที่ทั้งสองคนจะไม่ได้รับรางวัลจากความพยายามหน่ะ ต้องเป็นโลกที่แปลกมากๆเลยละนะ…)
ผมใช้เวลาทายารักษาไปประมาณ 10 นาทีจนกระทั่งไม่เหลือส่วนที่เป็นหินอีกแล้ว
ผมยืนยันหลายต่อหลายครั้งกับ【World Ruler】– รักษาเสร็จสมบูรณ์ พิษที่ทำให้การเป็นหินหายไปหมดแล้ว ดันเต้ซังหายใจได้มั่นคงขึ้นจากการอดทนแผลไฟไหม้ ต่อจากนี้ไปเขาคงจะไม่เป็นไรแล้วละ ไม่สิ แผลไฟไหม้ก็น่าจะหายในทันทีเพราะพละกำลังของเขาที่เคยลดลงไปจากพิษคำสาปก็น่าจะกลับมาแล้ว
มันอาจจะอันตรายมากถ้าทิ้งมิธริลนี้ไว้ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจจะเอามันไปด้วย
ผมกลับมาที่ห้องของตัวเองแล้วเก็บข้าวของที่เป็นของผม ถึงจะพูดแบบนั้น ของๆผมก็มีแค่กระเป๋าเครื่องมือเล็กๆเท่านั้น นอกจากนั้นก็มีเงินที่ได้มาจากดันเต้ซังและจากการขายขมิ้นอันนั้น
「…ต้องไปแล้ว」
อยู่ที่นี่ต่อไปก็รังแต่จะทำให้ทุกคนเดือดร้อน
เพราะอย่างงั้นผมเลยต้องไป
ผมต้องมองไปยังอนาคตข้างหน้าต่อจากนี้
「…ไม่อยากไปเลย」
ผมไม่อาจทำใจให้คิดบวกได้ ผมอยากจะเห็นดันเต้ซังที่หายดีแล้วเคลื่อนไหวไปรอบๆ ถึงน็อนซังอาจจะต้องกลับไปยังโบสถ์เนื่องจากดันเต้ซังหายดีแล้ว แต่ผมก็อยากจะเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ อีกอย่างผมก็ไม่อยากจะทิ้งมิมิโนะซังเอาไว้คนเดียวหลังจากที่ไรเครียซังตาย
「เรย์จิคุง?」
ผมถูกจับได้เนื่องจากตกอยู่ในภวังค์จนไม่ทันได้สังเกตว่ามิมิโนะซังกำลังยืนอยู่ที่ประตูห้อง
「เธอจะไปไหนงั้นหรอ? ชั้นเห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ที่เตียงเลยวิ่งออกไปตามหา…」
มิมิโนะซังมีสีหน้าตกใจ บางทีอาจจะเพราะว่าเธอเห็นใบหน้าที่เกือบจะร้องไห้ของผม หรือบางทีอาจจะเพราะสภาพ “พร้อมออกไป” ของผมก็ได้
「…ตอนนี้ชั้นรู้สึกไม่ดีเลย… แต่ชั้นอาจจะคิดไปเองก็ได้ ใช่ไหม? เธอไม่ได้กำลังจะจากไป ใช่ไหม เรย์จิคุง…?」
ผมมักจะถูกกระตุ้นให้พูดความจริงทั้งตรงนั้นตรงนี้เสมอเลย
แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่งั้นมิมิโนะซังจะต้องปกป้องผมด้วยทุกอย่างที่เธอมีแน่นอน ทว่าเส้นทางแบบนั้นมีแต่จะมุ่งหน้าไปสู่การล่มสลายเพียงเท่านั้น
ซิวเวอร์บาลานซ์นั้นปกป้องผมมาโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับตัวผมเลย และในวันนี้เอง ผมก็กำลังจะจากไปอย่างเงียบๆด้วย
「ผมขอโทษครับ มิมิโนะซัง ผมต้องไปแล้ว」
「……!!」
มิมิโนะซังเหมือนกับจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไป เธอหยุดพูดไปเพื่อกลืนคำพูดที่เธออยากจะพูดเอาไว้
「—แต่สักวันนึง ผมจะกลับมาแน่นอน」
และอีกอย่างนึงที่ผมอยากจะพูด
「ยังไงซะ ผมก็เป็นสมาชิกของซิวเวอร์บาลานซ์อยู่แล้วนี่ครับ」
「!!」
แล้วผมก็เดินผ่านมิมิโนะซัง ถึงจะมีน้ำตาก่อตัวขึ้นที่ขอบตาของผม แต่ผมก็ห้ามตัวเองไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมา
「…เธอสัญญานะ…?」
ผมได้ยินเสียงมิมิโนะซังมาจากข้างหลัง
「ครับผมสัญญา… ผมจะกลับมาแน่นอน」
ผมยืนยันคำตอบของผมด้วยเสียงอันหนักแน่นจนเกือบจะตะโกนออกมา
「ผมจะไปแล้วนะครับ!」
แล้วผมก็เริ่มออกวิ่ง ผมได้ยินเสียงร้องไห้ของมิมิโนะซังเมื่อผมออกมาจากโรงแรม แต่ถึงอย่างนั้น – ผมก็ยังเชื่อว่าผมไม่ควรหันกลับไป และตั้งหน้าตั้งตาวิ่งต่อไป
ใช่แล้ว นี้ไม่ใช่การจากลาถาวรซะหน่อย ผมแค่ออกมาจากปาร์ตี้ชั่วคราวก็เท่านั้นเอง
ผมจะกลับมาในสักวัน
ผมจะกลับมาแน่นอน
เมื่อถึงตอนนั้น ผมจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้
ผมจะกลับมายังซิวเวอร์บาลานซ์แน่นอนเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณที่ผมติดข้างเอาไว้
ดวงอาทิตย์ได้ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว และเมืองก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ผมควรจะออกจากเมืองนี้ทันที ตาแก่ฮินกาบอกไว้ว่าสกิล【ราชันแห่งเงา★★★★★★】นั้นประเมินค่าไม่ได้ พวกนั้นจะต้องไล่ล่าตามตัวลาร์คแล้วดึงหินสกิลออกมาไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตามแน่ๆ
แทบจะไม่มีเบาะแสใดที่จะนำไปสู่ตัวลาร์คเลย มีเพียงแค่ตัวผมเท่านั้นที่เหมาะจะเป็นเบาะแสมากที่สุด ดังนั้นการออกจากเมืองนี้จึงเป็นเป้าหมายสูงสุดในตอนนี้
โชคยังดีที่ผมมีเงิน จะมีรถม้าโดยสารคันไหนที่ผมสามารถเช่าได้มั้งนะ…?
ผมมาถึงสถานีรถม้าจากการถามทางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา มันเป็นพื้นที่ที่มีสภาพเป็นครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ มีรถม้าจอดอยู่มากมายถัดจากป้ายที่แสดงถึงจุดหมายปลายทางที่จะไป
เอายังไงดี? ผมจะไปที่ไหนดี? ไม่ใช่ว่าการข้ามชายแดนมันยากงั้นหรอ? ถ้าเป็นยังงั้น ผมควรจะไปที่เมืองใกล้เคียงดีกว่า?
「เฮ้ย」
「เย้ย!?」
ผมส่งเสียงแปลกๆออกมาเมื่ออยู่ๆก็มีมือมาจับที่คอของผม
เป็นคนที่ไม่ได้คาดคิดเลยสักนิด – ออสการ์ หัวหน้าของปาร์ตี้ “ดาวนิรันดร์”
ไม่เห็นรอยยิ้มที่น่าสงสัยที่เขามักจะทำบ่อยๆในวันนี้เลย แทนที่กันนั้น เขากำลังขมวดคิ้วอยู่
「เอออ อา…? อะไรหรอครับ?」
「แกเป็นเด็กที่อยู่กับ “โล่ใหญ่สีเงิน” ใช่ไหม?」
「คะ-ครับ…」
「มากับข้า!」
「เอ๋!?」
ผมถูกลากไปที่ด้านหลังของอาคาร
「ทะ-ทำอะไรของคุณกัน? ผมจะตะโกนขอความช่วยเหลือนะ」
「หยุดเลย อีกอย่าง แกเองนั่นแหล่ะที่จะมีปัญหา」
「…หมะ-หมายความว่ายังไงกันครับ?」
นี่มันเรื่องนั้นรึปล่าว? พวกเขารู้แล้วว่าผมขโมยมิธริลยังงั้นหรอ? อีกอย่างหลักฐานก็ยังอยู่ในกระเป๋าเครื่องมือของผม ถึงมันจะเป็นซูชิโรลที่ห่วยแตกที่สุดในโลกเลยก็เถอะ
「มีพวกทหารบุกเข้าไปในกิลด์นักพจญภัยเมื่อเช้านี้ พวกเขากำลังตามหาเด็กผมสีดำตาสีดำที่อยู่กับปาร์ตี้นักพจญภัย」
「………」
「นั่นคือแก ใช่ไหมละ?」
เร็วมาก พวกนั้นเคลื่อนไหวเร็วกันเกินไปแล้ว
เหงื่อเย็นๆไหลลงมาที่กลางหลังของผม
「ผะ-ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่…」
「อย่าโง่ไปหน่อยเลย มาสงสัยในตัวข้าที่ยอดเยี่ยมผู้นี้ ถ้าข้าจะส่งแกให้กับพวกทหารละก็ แกคงได้ถูกข้ามัดด้วยเชือกไปนานแล้ว」
ก็คงจะเป็นอย่างนั้นละนะ
「งั้นก็หมายความว่าออสการ์ซัง…」
「แกอยู่ที่นี่ก็หมายความว่าอยากจะออกจากเมืองใช่ไหมละ? ข้าจะช่วยเจ้าเอง」
โอ้! ผู้สมรู้ร่วมคิดที่คาดไม่ถึง!?
「ตะ-แต่ว่าทำไม…」
「สมาชิกปาร์ตี้ของข้าถูกช่วยไว้โดย “โล่ใหญ่สีเงิน” ตอนที่เขาเกือบจะถูกกลืนเข้าไปโดยแรงระเบิดจาก【เวทย์ไฟ】เฮงซวยนั่น ถ้าข้าไม่ได้ตอบแทนละก็ ข้าคงเรียกตัวเองว่าลูกผู้ชายไม่ได้หรอก」
「จริงๆ ข้าก็กำลังจะไปที่โรงแรมเพื่อบอกพวกแก」เขาพึมพำออกมา「ประตูเมืองทั้งหมดจะถูกตรวจสอบโดยพวกทหาร พวกนั้นจะตรวจสอบเฉพาะคนที่มีตาสีดำ โดยคำนึงถึงว่ามีโอกาศที่ผมอาจจะไม่ใช่สีดำอีกต่อไปแล้ว」
「วะ-ว่ายังไงนะครับ!?」
ซวยแล้ว! เครือข่ายข้อมูลของประเทศนี้มันอะไรกัน!? ถ้าจะเคลื่อนไหวกันเร็วขนาดนี้ ก็ควรจะมีส่วนรวมในการกำจัดมังกรให้มากกว่านี้หน่อยเหอะ!
「…ดูจากสีหน้าของแก ข้าคิดว่าแกคงจะไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้นสินะ ลองนั่งรถม้าดูสิ แกถูกจับได้ในเสี้ยววิแน่ๆ」
「กะ-เกือบไปแล้ว… แต่ถ้าใช้ทางออกไม่ได้ งั้นก็หมายความว่าผมจะต้องติดอยู่ที่นี่อย่างงั้นหรอครับ?」
「ไม่ ข้าสามารถพาแกออกไปจากเมืองได้」
「ด้วยวิธีไหนหรอครับ…?」
ออสการ์ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม
「ตามมา มันเป็นอะไรแบบ “ใช้โจรในการจับโจร” ละนะ」
มันเป็นรอยยิ้มที่ดูน่าสงสัยตามปกติของเขา