บทที่ 1 ตอนที่ 28
…การเคลื่อนไหวเมื่อกี้สูบมานาของผมแทบจะเกลี้ยงเลย แต่ผมก็ยังพอทนได้
「เมื่อกี้เป็นฝีมือของเธองั้นหรอ เรย์จิ?」
「คะ-ครับ」
「ทำได้ดีมาก!」
ดันเต้ซังชื่นชมผมจากจุดที่ห่างออกไปเล็กน้อยขณะเพชิญหน้ากับมังกรด้วยกันกับโจเซฟซัง
พอมองดีๆแล้ว ทั้งโจเซฟซังกับดันเต้ซังต่างอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ร่างกายของพวกเขาได้รับบาดเจ็บและอุปกรณ์สวมใส่ก็มีรอยไหม้ไปทั่ว
「หลังจากนี้จะเริ่มยากขึ้นแล้ว…」
「ใช่แล้ว」
เหล่านักพจญภัยที่เหลืออยู่นั้นน้อยกว่าครึ่งจากเดิม แถมยังทั้งบาดเจ็บและเหน็ดเหนื่อย
นั่นแหล่ะว่าทำไมผมถึงคิดว่าควรจะจัดการมันในตอนที่มันบาดเจ็บหนักแบบนี้ ทว่า…
「สัตว์ป่าจะยิ่งดุร้ายยามที่มันได้รับบาดเจ็บ」
นั่นเป็นสิ่งที่ไรเครียซังมักจะพูดเสมอเวลาเขาไปล่าสัตว์ ดันเต้ซังก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
ถ้ามังกรตัวนั้นไม่ได้อ่อนข้อให้จนถึงตอนนี้ละก็ เหล่านักพจญภัยคงถูกฆ่าจนไปหมดแล้ว
มันยังคงเป็นตัวอันตรายอยู่ดี
「พวกเราจะทำยังไง– หืม?」
ไรเครียซังหยุดพูดไปกลางคันแล้วมองไปยังอีกฝั่งของถนนทันที ในเวลาเดียวกัน ก็สามารถได้ยินถึงเสียงโห่ร้องของเหล่านักพจญภัยดังขึ้นมา
มีทหารม้ากว่า 30 นายอยู่ด้านหน้า ตามมาด้วยทหารราบกว่า 100 นาย เป็นกำลังเสริมนั่นเอง
「ชิ มากันจนได้นะ… ถึงจะแต่งตัวกันเต็มยศ แต่ช้าชะมัดยาด!」
ถึงมันจะฟังดูเสียดสี แต่ไรเครียซังก็เก็บซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่ได้
เหล่านักพจญภัยสามารถเข้าร่วมเป็นแนวหน้ากับกองทัพก็ได้ หรือจะถอยไปเป็นแนวหลังก็ได้เช่นกัน
ไม่ว่าจะทางไหน ก็หลบวิกฤตการโดนสังหารจนหมดได้แล้ว
「ขอบคุณพระเจ้า…」
ผมรู้สึกโล่งใจจากก้นบึงของหัวใจ ความโล่งใจนั้นอยู่จนกระทั่งผมได้เห็นคนที่อยู่หัวขบวนของกำลังเสริม
「…เจ้าพวกนี้ดิ้นรนภึงขนาดนี้กับแค่มังกรตัวเดียวเนี้ยนะ? ดูเหมือนจะมีแค่แมลงหวี่แมลงวันอยู่ที่นี่เท่านั้นเองนะ」
ชายรูปร่างเพรียวบาง ผมสีบอร์นปลิวไสวตามแรงลม ผิวขาวเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ และหูของเขาก็ค่อนข้างแหลม
เครื่องสวมใส่ของเขาก็แตกต่างจากทหารคนอื่นอย่างชัดเจน เขาสวมผ้าคลุมที่ทำจากผ้าเนิ้อดีและชุดที่ดูแพงมากราวกับของขุนนาง เขาไม่ได้สวมเกราะเหมือนกับจะบอกว่ามันไม่จำเป็นสำหรับเขา
「พวกเราต้องพึ่งท่านแล้ว」
ชายหน้าตาน่ากลัวที่มีหนวดเคราแพะก้มหัวของเขาลง และชายผมบอร์นก็ได้ลงมาจากม้าแล้วเดินไปทางมังกร
ท่าทางของเขาดึงดูดความสนใจจากทุกๆคน – รวมถึงตัวมังกรเองด้วย
「-นั่นหัวหน้ากิลด์ไม่ใช่หรอ?」
「ไอ้คนผมบอร์นหน้าตาดูดีนั่นก็เป็นนักพจญภัยงั้นหรอ?」
ผมได้ยินเสียงซุบซับกันดังมาจากพวกนักพจญภัย
「อืม แกเป็นมังกรอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ว่าไง? แกพูดไม่ได้รึไง?」
《เจ้าเป็นเอลฟ์…? ทำไมเอลฟ์ถึงมาอยู่ที่นี่?》
ทุกๆคนแตกตื่นเมื่ออยู่ๆก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาในหัว
…มังกรนั่นพูดได้งั้นหรอ? สามารถพูดคุยกันได้ถ้ามันตั้งใจจะคุยงั้นหรอ?
《อย่ามาสอด เอลฟ์ ด้วยพันธสัญญาเก่า ข้าจะจัดการแต่พวกมนุษย์เท่านั้น…》
…พันธสัญญา? พันธสัญญาอะไร?
《……มุ?》
ในตอนนั้น การเคลื่อนไหวของมังกรก็ได้หยุดลง
《……งั้นรึ สกิลระดับสูง【เวทย์ไฟ ★★★】กับ 【เพิ่มปริมาณมานา ★★★】แต่เจ้ามี 2 ช่องที่ปิดอยู่… เจ้าคงเป็นบุตรเลือดผสมสินะ?……》
ในตอนนั้นเอง เอลฟ์ – ฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นก็ขมวดคิ้ว
「เมื่อกี้แกว่ายังไงนะ?」
《…แทงใจดำงั้นรึ? บุตรเลือดผสมที่น่าสงสารจากผลของความสัมพันธ์กับเผ่าพันธุ์ที่เอลฟ์ไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย – กับมนุษย์ เจ้าถูกเนรเทศออกจากหมู่บ้านเอลฟ์หลังจากที่ถูกทำลายช่องสกิลเป็นการลงโทษงั้นรึ? ทว่า ดูเหมือนพวกเอลฟ์จะยังปราณีเจ้านะ จากการที่พวกเอลฟ์ยังให้หินสกิลหายากพวกนั้นกับเจ้าเนี้ย…》
「ตอนแรกข้าก็คิดว่าแกเป็นพวกไม่ชอบพูด แต่น่าแปลกใจ ดูเหมือนแกจะค่อนข้างเป็นมังกรที่ช่างจ้อซะเหลือเกิน แต่แกทำผิดพลาดไป 2 อย่าง」
《……ผิดพลาดงั้นรึ?》
「หนึ่ง ข้าไม่ได้ถูกเนรเทศ ข้าอาสาออกมาจากศูนย์รวมขยะไม่ได้เรื่องอย่างหมู่บ้านเอลฟ์ด้วยตัวเองต่างหาก และก็อีกข้อ…」
ฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นกางมือออกและชี้ไปทางมังกร
「ข้าไม่ใช่คนที่สิ่งมีชีวิตด้อยกว่าที่ถูกผูกมัดโดยโลกใบนี้อย่างแกจะมาพูดด้วยได้อย่างเท่าเทียมหรอกนะ! ตายซะ!」
มีแสงถูกรวบรวมไว้ที่มือขวาของเขาอย่างหนาแน่น และทันใดนั้นเอง ก็มีเปลวไฟหมุนวนออกมาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ มันถูกยิงไปทางมังกรทันที
มังกรตัวนั้นบิดหัวหลบการโจมตีได้ แต่การโจมตีนั้นได้ตกลงไปยังบางจากร่างกายของมัน ทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น
เหล่านักพจญภัยต่างกระเด็นออกไปจากแรงระเบิด โชคยังดีที่ผมหลบอยู่ด้านหลังของอาคาร และผมก็สามารถเฝ้าดูการต่อสู้ต่อได้ในทันทีจากตรงนี้
มังกรได้พ่นไฟออกมา แต่ฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นก็ได้กระโดดหลบออกมาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
…ความเร็วนั่นมันอะไรกัน?!
จากที่มังกรตัวนั้นได้พูดเอาไว้ – มังกรตัวนั้นมีความสามารถในการ “ระบุ” สกิลสินะ? – ว่าฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นมีเพียงแค่ 2 สกิลเท่านั้น แต่เขากลับกระโดดด้วยความเร็วขนาดนั้นได้
มังกรได้ทำการโจมตีต่อไปยังฮาล์ฟเอลฟ์ที่อยู่กลางอากาศด้วยขาหน้า ฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นหลบมันไ้ด้โดยวิธีที่ไม่สนกฎความเฉื่อยเลยสักนิด
(ได้ไงกัน? เขาหลบมันได้ยังไงกัน? เขาเพียงแค่ใช้【เวทย์ไฟ】… เข้าใจละ เขาใช้เวทย์ไฟจริงๆด้วย)
ในที่สุดผมก็ได้ข้อสรุปแล้ว เขาใช้การระเบิดจาก【เวทย์ไฟ】เพื่อขยับร่างกายของเขาโดยที่ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว
…ควบคุมมานาได้ยอดเยี่ยมอะไรขนาดนี้! ถ้าเรื่องที่มังกรตัวนั้นพูดเป็นเรื่องจริงละก็ หมายความว่าตัวเขาไม่มีสกิล【ควบคุมมานา】เลยด้วยซ้ำ
…ผมจะสามารถทำแบบนั้นได้เหมือนกันไหมนะ? บางที อาจจะทำได้ถึงแค่มีรอยไหม้นิดหน่อยเท่านั้นเอง
ฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นสวมใส่รองเท้าบู๊ตที่หนาเป็นพิเศษ เขาจึงสามารถใช้【เวทย์ไฟ】เพื่อเคลื่อนที่โดยการจุดระเบิดที่รองเท้านั่นได้
ผมเริ่มจะคิดว่าเรื่องที่มังกรตัวนั้นพูดเป็นเรื่องจริงแล้ว สกิล【เพิ่มปริมาณมานา】– ดูจะเป็นสกิลหายากเหมือนกับที่มิมิโนะซังเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้เลย
และ【World Ruler】ก็ดูจะสามารถเรียนรู้สกิลหายากนั่นได้ ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมค่อยๆถูกเติมเต็มไปด้วยมานาแล้ว
「สุดยอดไปเลย นั่นเป็นนักพจญภัยระดับมิธริวสินะ?」
「ระดับของเขามันแตกต่างออกไปจริงๆ」
「สมแล้วที่ถูกเรียกว่า “ผู้สังหารมังกรสีชาด” !」
ผมได้ยินเสียงของนักพจญภัยที่กำลังดูการต่อสู้อยู่ใกล้ๆกับผม
…งั้นนั่นก็คือระดับมิธริวสินะ!
เขาหลอกล่อมังกรคัวนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น เกล็ดของมังกรเริ่มปกคลุมไปด้วยมานาอีกครั้ง แต่เวทมนตร์ของชายคนนั้นก็แรงพอที่จะเจาะทะลุมันและสร้างความเสียหายได้โดยตรง
「ทำได้แค่นี้เองงั้นรึ? ไม่ต่างจากเดิมเลยจริงๆ พวกมังกรมันมีแต่พวกเชื่องช้า น่าเบื่อจริงๆ」
ด้วยรอยยิ้มผิดมนุษย์บนใบหน้า ฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นก็ยกวองมือขึ้นฟ้า ปรากฏลูกบอลไฟขนาดใหญ่ขึ้น
「เอาเลย! คริสต้า!」นักพจญภัยคนนึงที่รู้จักฮาล์ฟเอลฟ์คนนั้นร้องขึ้น
…โอ้ งั้นคนๆนั้นก็ชื่อ คริสต้า ยังงั้นหรอ? เขาเป็นนักพจญภัยฮาล์ฟเอลฟ์ระดับมิธริวนาวว่าคริสต้ายังงั้นหรอ…
…เดี๋ยวก่อนนะ!
―เรย์จิ… ถึงข้าจะทำลายอาณาจักรไรกุระไม่ได้ ข้าก็ต้องเอาคืนพวกมันไม่ทางใดก็ทางนึง ถ้าเป็นแบบนั้น… งั้น ข้าจะต้องฆ่าไอ้สารเลวเลือดเย็นนั่นให้ได้!―
…ใครกันที่พูดแบบนั้นเอาไว้?
―คริสต้า-ลา-คริสต้า นักพจญภัยฮาล์ฟเอลฟ์ระดับมิธริว ข้าจะต้องฆ่ามันให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม―
ผมหันหลังกลับไปมองข้างหลังของผม
ไรเครียซังที่ควรจะอยู่ตรงนั้น กลับหายไปก่อนที่ผมจะรู้ตัวซะแล้ว