บทที่ 1 ตอนที่ 22
มีนักพจญภัยอยู่ภายในกิลด์มากกว่าเมื่อวานซะอีก ทว่า พวกเขาไม่ได้ส่งสายตารังเกียจมาทางไรเครียซังเลย พวกเขาเอาแต่พูดคุยกันภายในกลุ่มเท่านั้น
「–ข้าก็เห็นมันเหมือนกัน」
「–มันมาถึงตอนเช้าของวันนี้ใช่ไหม?」
「–ข้าอยากจะลองนั่งมันสักครั้งจัง」
ผมมุ่งหน้าตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วถามพนักงานต้อนรับสาวว่า จะเป็นไรไหมถ้าจะเข้าไปในลานฝึกซ้อมในตอนนี้
「ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีใครใข้งานอยู่เลยนะคะ」
「จริงหรอครับ?」
「ค่ะ ทางผู้ฝึกสอน โจเซฟซัง ได้ติดต่อมาเพื่อขอลาหยุดในเช้าวันนี้ค่ะ」
…มันก็สมเหตุสมผลดีนะ เขาต้องเมาค้างแน่เลย
「และนักพจญภัยคนอื่นๆก็เอาแต่พูดคุยกันอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะค่ะ เธอได้เห็นเรือเหาะเวทมนตร์รึปล่าวคะ? ดูเหมือนมันจะมาถึงที่นี่เมื่อตอนเช้าตรู่ค่ะ ชั้นหลับอยู่ในตอนนั้นจึงไม่ทันได้เห็นมัน ในตอนนี้มันน่าจะจอดอยู่ที่ปราสาทของท่านดยุคค่ะ」
「เรือเหาะงั้นหรอครับ?!」
…มีของแบบนั้นอยู่ในโลกนี้ด้วนหรอเนี้ย!? ไม่รู้มาก่อนเลย
「ใช่แล้วค่ะ ดูเหมือนจะมีอยู่ทั้งหมด 5 ลำในสหพันธรัฐคีทแกรนด์แห่งนี้ แต่ลำที่ลงจอดในเมืองนี้ดูจะเป็นเรือเหาะส่วนตัวของท่านราชาเกฟเฟริด นามว่า “ปราสาทลอยฟ้าของเจ้าหญิง” ค่ะ」
「โอ้! ท่านราชาได้โดยสารมาด้วยหรือปล่าวครับ?」
「ไม่ค่ะ ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับกิลด์นักพจญภัยค่ะ ดังนั้นหัวหน้ากิลด์เลยถูกเรียกตัวไปตั้งแต่เช้า และ–」
「นี่เธอ」
รองหัวหน้ากิลด์ปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
「มัวแต่คุยอะไรไร้สาระกันอยู่ได้ ไปทำงานต่อได้แล้ว」
「โอ๊ะ ขะ-ขออภัยค่ะ… สามารถใช้งานลานฝึกซ้อมได้ตามสะดวกเลยนะคะ」
「ขอบคุณครับ」
ผมเองก็อยากจะถามอะไรเพิ่มอีกเล็กน้อยอยู่หรอก แต่รองหัวหน้ากิลด์คนนั้นจ้องมาทางนี้ตาไม่กระพริบเลยนี้สิ ดังนั้นผมเลยตัดสินใจออกมาทันที หลังจากนั้น รองหัวหน้ากิลด์คนนั้นก็ถูกเรียกตัวไปโดยเจ้าหน้าที่คนอื่นจากด้านหลังก่อนจะจากไป ผมหวังว่าเขาจะไม่ออกมาอีกเลยนะ
「แกคุยนานเอาเรื่องเลยนะ」
「อา ครับ ผมคงจะได้เรียนรู้อะไรมากกว่านี้ถ้ารองหัวหน้ากิลด์คนนั้นไม่ออกมานะครับ」
「โอ๊ะ ไอ้เฮงซวยเหยียดเผ่าพันธ์ุนั่นนะเรอะ?」
…ว้าว พูดตรงชะมัด
「เฮ้ แกจะไม่ไปลานฝึกซ้อมแล้วงั้นเรอะ?」
「ดูเหมือนวันนี้จะไม่มีใครใช้งานมันเลยครับ…」
ผมผิดหวังอย่างมาก โอกาสที่จะเรียนสกิลเพิ่มหลุดลอยออกไปซะแล้ว… เอาเถอะ ช่วยไม่ได้ ฝึกสกิลที่ผมมีให้ชำนาญก่อนก็แล้วกัน!
「งั้นก็รอให้ตาลุงดันเต้มารับก็แล้วกัน」
「ครับ」
「แล้วก็อีกอย่าง ข้าได้ยินเรื่องที่น่าสนใจมาด้วย」
ไรเครียซังพูดขณะที่พวกเราเดินไปยังมุมๆนึงของกิลด์ เหมือนว่าเขาจะไปแอบฟังบทสนทนาต่างๆระหว่างที่รอผมในที่ที่ไม่ค่อยสะดุดตามา
「เรื่องเกี่ยวกับเรือเหาะเวทมนตร์หรอครับ?」
「หืมม? ปล่าว ไม่ใช่เรื่องนั้น」
…โอ้ เรื่องอื่นอย่างงั้นหรอเนี้ย
「ข้าได้ยินมาว่ามีกลุ่มพ่อค้าถูกโจมตีโดยมอนสเตอร์บนทางหลวงแล้วถูกช่วยไว้ได้โดยเด็กคนนึง」
「ช่วย? โดยเด็กคนเดียวหน่ะหรอครับ?」
「ดูจะเป็นแบบนั้นแหล่ะ ดูเหมือนเด็กนั่นจะใช้เวทมนตร์ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน แกรู้จักธาตุทั้ง 8 ของเวทมนตร์ใช่ไหมหล่ะ?」
「เวทมนตร์ 8 ชนิดที่อยู่ในหมวดหมู่สกิล “ประเภทเวทมนตร์” ใช่ไหมครับ เหมือนกับเวทย์บุบผาของมิมิโนะซัง」
「ใช่ ยังมีธาตุหายากอย่าง【เวทย์แสง】กับ【เวทย์ความมืด】อยู่ด้วยใช่ไหมหล่ะ? ถึงข้าจะไม่เคยเห็นมันกับตาตัวเองก็ตามที…」
ไรเครียซังพูดออกมาอย่างอารมณ์ดี ไอ้มนุษย์สัตว์ซึนเดเระล่ำบึกคนนี่ในที่สุดก็เดเระแตกซะแล้วรึไงกัน?
「ดูเหมือนเวทย์ที่เด็กคนนั้นใช้จะเป็นธาตุความมืด มอนสเตอร์ที่โจมตีกลุ่มพ่อค้าดูจะเป็นกิ่งก่าเซนทอร์ที่มีครึ่งบนเป็นมังกรและครึ่งร่างเป็นม้า… ทว่า ข้าได้ยินมาว่าเกล็ดแข็งของมังกรนั่นกลับถูกทำลายโดยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเลย」
「……เดี๋ยวก่อนนะครับ」
หลังจากที่ผมฟังที่ไรเครียซังเล่าไปซักพัก ผมก็สันหลังวาบขึ้นมา
「มันเป็นอะไรบางอย่างสีดำเหมือนกับดาบ… ที่ฟันใส่มอนสเตอร์ตัวนั้นรึปล่าวครับ?」
「โอ๊ะ ใช่แล้วละ แกรู้ได้ยังไงกัน? ได้ยินเรื่องนี้มาจากเจ้าหน้าที่กิลด์เรอะ?」
「————」
ผมรู้จักการโจมตีนั่น
ลาร์ค (TL: ขอเปลี่ยนมาใช้แบบนี้นะครับ มันน่าจะดูดีกว่าใช้ ลาค นะครับ)
นั่นต้องเป็นลาร์คแน่นอน!
「ไรเครียซัง! ได้ยินเรื่องนี้มาจากใครหรอครับ?! ได้โปรดบอกผมเถอะนะครับว่าได้ยินมาจากใคร!」
「เฮ้ย อยู่ๆแกก็เป็นอะไรขึ้นมาหน่ะ?」
ตอนที่ผมกำลังคาดคั้นคำตอบจากไรเครียซังอยู่ ก็ได้มีบางอย่างเกิดขึ้น
「นักพจญภัยทุกคน จงฟัง!」
รองหัวหน้ากิลด์คนเดิมจู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาจากข้างใน
ใบหน้าของเขาขาวซีดอย่างกับกระดาษ และในมือของเขาที่กำลังถือกระดาษแผ่นนึงอยู่นั้นไม่ยอมหยุดสั่นเลย เหล่านักพจญภัยต่างหยุดพูดคุยกันจากสถานการณ์แปลกๆนี้ ก่อนจะตั้งใจฟังคำพูดต่อไปของรองหัวหน้ากิลด์
「มีการติดต่อฉุกเฉินมาจากเหมืองที่ 6! มี “มังกร” กำลังมุ่งหน้ามาที่เมืองนี้! ทางกิลด์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน ขอให้นักพจญภัยทั้งหมดทำการปกป้องเมืองนี้จาก “มังกร” ตัวนั้น!」
ภายในกิลด์นั้นเหมือนกับผึ้งแตกรังในทันที มีทั้งผู้คนที่แอบหนีออกจากกิลด์ ผู้คนที่กรูกันเข้าไปหารองหัวหน้ากิลด์และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ (เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม) ผู้คนที่กำลังตรวจสอบสภาพความพร้อมของตัวเอง และผู้คนที่ยังใจเย็นและสงบนิ่ง (เป็นพวกคนที่สวมเกราะแวววับหรือก็คือพวกนักพจญภัยชั้นสูง)
ผมพลาดโอกาสที่จะถามไรเครียซังเกี่ยวกับลาร์คซะแล้ว…
「เฮ้ มีเรื่องเอะอะอะไรกัน?」
ดันเต้ซังเดินเข้ามาในกิลด์ ดูเหมือนเขาจะมาที่กิลด์ทันทีหลังจากได้รับใบอนุญาตข้ามพรมแดนที่เขาร้องขอไปเมื่อวานแล้ว
「”มังกร”?」ดันเต้ซังขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น
「ใช่แล้ว คิดว่าไงละ ตาลุง?」
「ข้าได้ยินมาว่ามีการจลาจลในเหมืองที่ 6 แต่ไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับมังกรเลย ทว่าถ้ามันมาจากเครื่องมือสื่อสารเวทมนตร์ละก็ งั้นมันก็น่าจะเป็นเรื่องจริงแน่นอน ข้อมูลที่พวกเรามีมันยังน้อยเกินไป」
ดันเต้ซังเริ่มครุ่นคิดพร้อมกับเอามือกอดอก และเมื่อเขาสบตากับผม เขาก็หลบสายตาไปอย่างกระอักกระอวน
「ดันเต้ซัง ผม…」
「เรย์จิ เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหล่ะ」เขาขัดผมทันที
…ขนาดในเวลาที่สถานการณ์โดยรอบเริ่มแย่ลงแล้ว พวกเขาก็ยังคงใจดีกับผม ขนาดไรเครียซังก็ยังไม่ถามอะไรผมหลังจากที่ได้ยินคำว่า “เหมือง” กับ “มังกร” เลย น็อนซังเองก็ทำเพียงแค่กอดผมอย่างอ่อนโยนจากด้านหลังเพียงเท่านั้น
ผมถูกเจออยู่ในป่าไม่ไกลจากเหมือง มีรอยสักทาสอยู่ที่ข้อมือ
มันเป็นเครื่องมือยืนยันที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ผมหลบหนีออกมาจากเหมือง
「ไม่ครับ ผมต้องบอกคุณ ผมได้เห็นอะไรบางอย่างที่น่าจะเป็น “มังกร” มาครับ」
…ถึงอย่างนั้น ผมก็จะทำตัวเงียบต่อไปไม่ได้ เมื่อมีอันตรายกำลังจะเข้ามาใกล้พวกเรา
รองหัวหน้ากิลด์บอกว่ามันเป็น “มังกร” แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันเหมือนกับ “นกยักษ์” ซะมากกว่า
ผมอธิบายถึงอะไรบางอย่างที่ดูจะเป็น “มังกร” ที่ปรากฏตัวเหนือเหมือง ตอนแรกพวกเขาก็มีท่าทีกังวล แต่หลังจากที่รับรู้ว่าเรื่องราวของผมไม่ใช่การนอกเรื่อง พวกเขาก็ตั้งใจฟังกันด้วยสีหน้าจริงจังทันที
「และผมก็ไม่เห็นอะไรอีกเลยหลังจากที่ได้เห็นฝนแสงนั่น」
ทุกคนต่างเงียบกริบ
ในที่สุดผมก็รู้สึกตัว ไม่ใช่แค่ดันเต้ซังและคนอื่นๆในปาร์ตี้ แต่เหล่านักพจญภัยคนอื่นๆก็มารับฟังเรื่องราวของผมด้วยเช่นกัน
รองหัวหน้ากิลด์เป็นคนแรกที่ตอบสนอง
「เธอ ถ้าเรื่องที่เธอเล่ามาเป็นความจริงละก็ เธอก็คงเป็นทาสที่หลยหนีออกมาจากเหมือง–」
「เฮ้ย ดูเหมือนจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นในตอนที่ข้าหลับอยู่สินะ」
มีคนๆนึงพูดขัดรองหัวหน้ากิลด์ขึ้นแล้วเดินเข้ามา
「โจเซฟ!」
เป็นครูฝึกกล้ามล่ำหัวล้านนั่นเอง เมื่อเขาเห็นดันเต้ซัง เขาก็ยิ้มมุมปากและยกมือข้างหนึ่งขึ้น ดันเต้ซังก็ยกมือข้างหนึ่งของเขาขึ้นเช่นกันแล้วพูดว่า “เมื่อวานอย่างกับงานเลี้ยงเลยนะ” โจเซฟซังก็ตอบกลับมาว่า “จะบ้ารึไง ข้าคนนี้เลี้ยงเองทั้งทีเลยนะ” ก่อนที่ทั้งสองคนจะแปะมือกัน