บทที่ 1 ตอนที่ 19
「คนๆนั้น… เขาก็เป็นเผ่ามนุษย์สัตว์เหมือนกันกับคุณใช่ไหมครับ?」
「ใช่แล้ว ตัวข้ายังพอหาเงินด้วยตัวเองได้ตั้งแต่เข้าร่วมปาร์ตี้ซิวเวอร์บาลานซ์มา แต่ประเทศนี้มันไม่ยอมให้พวกมนุษย์สัตว์ใช้ชีวิตได้ง่ายๆ แกก็น่าจะเห็นนี่? ขนาดครึ่งมนุษย์สัตว์หญิงยังทำได้แค่เรียกลูกค้าเท่านั้นเอง สิทธิมนุษยชนของเผ่ามนุษย์สัตว์ในประเทศนี้มันต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากๆ ถ้าผู้หญิงคนนั้นแสดงตัวว่าเป็นมนุษย์สัตว์ละก็ ลูกค้ามนุษย์ไม่แม้แต่จะเหลียวมองเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกมนุษย์สัตว์สายเลือดแท้ แม้แต่คนรับเข้าทำงานแบบนั้นยังไม่มีซะด้วยซ้ำไป」
「อืมม…」
「ขนาดเป็นแกเอง ถ้าเป็นผู้หญิงขนเยอะๆก็ยังรู้สึกลังเลเลย ใช่ไหมละ?」
「เออ คะ-ครับ」
「มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้… แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่ประเทศนี้มันเลวร้ายสำหรับพวกมนุษย์สัตว์ละนะ」
「ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมถึงไม่ย้ายประเทศกันละครับ?」
「ถนนมันถูกปิดนะสิ ต้องมีจดหมายรับรองจากทางกิลด์ในการข้ามชายแดน แถมยังต้องนำมันไปให้สำนักงานราชการเพื่อรับการอนุมัติอีก ข้าแค่ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ของตาลุงดันเต้ก็เท่านั้นเอง」
「งะ-งั้น คุณก็จะออกจากปาร์ตี้หลังจากที่พวกเราถึงราชอาณาจักรอัศวินนักบุญหรอครับ?!」
「อืม ก็คงจะเป็นแบบนั้น มิมิโนะกับตาลุงก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วด้วย」
「ตะ-แต่…」
ถึงจะแค่ไม่กี่วัน แต่ผมก็เริ่มรู้สึกผูกพันกับคุณมนุษย์สัตว์ซึนเดเระล่ำบึกคนนี้ขึ้นมานิดหน่อยแล้วแท้ๆนะ ทว่าเขากลับพูดแบบนี้กับผม…
「หมายความว่าคุณมีเป้าหมายอื่นอยู่แล้วสินะครับ?」
「…ใช่แล้ว」
ไรเครียซังหยุดเดินก่อนจะมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืน
ดวงจันทร์ที่เกือบจะเต็มดวงกำลังส่องแสง… ว้าว! โลกนี้ก็มีดวงจันทร์เหมือนกันสินะ อย่างไรก็ตาม ดวงจันทร์ของโลกนี้มีดวงจันทร์บริวารอีก 3 ดวงโคจรรอบตัวมันอีกที
「มีใครบางคน… ที่ข้าอยากจะฆ่า」
คำของเขาที่พูดตามความเป็นจริงออกมานั้นราวกับไม่ได้สื่อถึงความจริงเลย
「ข้าและคนที่ข้าให้เงินไปนั้น แท้จริงแล้วเคยอยู่ในกลุ่มทหารรับจ้างเดียวกันมาก่อน กลุ่มทหารรับจ้างนั้นมีชื่อว่า “กลุ่มทหารรับจ้างคมเขี้ยวแห่งความมืด” – กลุ่มทหารรับจ้างที่รับจ้างด้วยเงินและมีแต่เหล่ามนุษย์สัตว์เท่านั้น พวกเรานั้นเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง รับงานจากลูกค้าทั้งสู้ในสงครามไปจนถึงล่ามอนสเตอร์ แต่ทว่า พวกเราก็ได้ไปทำเรื่องที่ผิดพลาดแบบโง่ๆเข้า」
ผมไม่รู้ว่า “กลุ่มทหารรับจ้าง” มันหมายถึงอะไร
「พวกเราไปทำลายธุรกิจใต้ดินของขุนนางที่มีอิทธิพลเข้า มันเป็นการค้ายาเสพติดของอาณาจักรไรกุระ หนึ่งในอาณาจักรของสหพันธ์รัฐคีทแกรนด์ – อยู่ติดกับอาณาเขตดยุคอเคนบาคนี้แหล่ะ มันเป็นอาณาจักรเล็กๆแต่มีอิทธิผลมาจากการค้ายากับอาณาจักรอื่นๆ เรื่องพวกนี้พวกเรานั้นรู้อยู่แล้ว ทว่า เมื่อพวกเราถูกขอให้ “ฆ่ามอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่ในภูเขาของอาณาจักรไรกุระ” พวกเราไม่รู้ว่ามอนสเตอร์ตัวนั้นมันปกป้องโรงงานสำหรับผลิตยาอยู่นะสิ」
「ว่าไงนะครับ? มอนสเตอร์เนี้ยนะครับ? ปกป้อง?」
「ดูเหมือนจะเป็นผลจากสกิลบ้าๆที่ถูกเรียกว่า 【ทักษะฝึกฝนมอนสเตอร์】หน่ะ」
…เอาจริงดิ?! มันจะมีสกิลหลากหลายเกินไปแล้ว?! อย่างที่คิด โลกแห่งสกิลนี้มันล้ำลึก… อืม ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนั้นสินะ
「งั้น… เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นหรอครับ?」
「เมื่อพวกเรารายงานผลกับผู้ว่าจ้างว่าได้กำจัดมอนสเตอร์ตัวนั้นแล้ว เขาก็พุ่งเข้าไปยังโรงงานด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับอุปกรณ์เวทย์ระเบิดพลีชีพ และทำการระเบิดตัวตายไปพร้อมกันกับโรงงานนั่นเลย」
「ว่าไงนะครับ?!」
「พวกเรามารู้ในภายหลังว่าลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้ว่าจ้างนั่นติดยาจนตายไป กลายเป็นว่าพวกเราดันไปเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนการแก้แค้นของผู้ว่าจ้างเข้าแล้ว」
ผมตะลึงงันไปเลย โลกใบนี้มันเต็มไปด้วยความรุณแรงจริงๆ รวมถึงความปรารถนาอันมากล้นด้วย…
「ตัวเขาตายไปและจบแค่นั้น แต่พวกเรายังมีชีวิตอยู่และต้องจ่ายค่าเสียหาย – นั่นแหล่ะเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงโดนตามล่า」
ไรเครียซังอธิบายว่า ธุรกิจมืดนี้มันมีมูลค่าเป็นเม็ดเงินจำนวณมหาศาล อาณาจักรไรกุระจึงจับตาดูการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มทหารรับจ้างคมเขี้ยวแห่งความมืด” เพราะว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการทำลายโรงงาน
「อาณาจักรไรเครียได้จ่ายเงินก้อนโตให้กับนายกเทศมนตรีแห่งเมืองวัลฮัลลา ที่เป็นคนที่มีตำแหน่งสูงของสหพันธรัฐ นายกคนนั้นก็ได้ทำการสั่งให้กิลด์นักพจญภัยเคลื่อนไหวโดยอ้างว่า “กลุ่มทหารรับจ้างคมเขี้ยวแห่งความมืดนั้นเป็นเจ้าของโรงงานผลิตยาเสพติด ให้ทำการค้นหาและกำจัด”」
「เอออออ๋!?」
「เสียงดังไปแล้ว」
「ตะ-แต่ว่า! เรื่องแบบนี้มัน…」
「การตายของคนมีเงินหน่ะมันเป็นเรื่องใหญ่ และการที่โรงงานนั่นแดงขึ้นมามันก็จะมีคำถามที่ว่า “ใครเป็นคนสร้างโรงงานนี้กัน?” เกิดขึ้นมา อาณาจักรไรกุระจึงโบ้ยความผิดมาที่พวกเรา」
「……」
ไรเครียซังกับกลุ่มทหารรับจ้างนั้นเป็นเพียงแค่เหยื่อเท่านั้นเอง
「และนักพจญภัยที่ถูกส่งมาไล่ล่าพวกเรานั้นเป็น… ระดับมิธริล」
ระดับมิธริล
จุดสุดยอดของนักพจญภัย
「กลุ่มทหารรับจ้างกว่า 50 คนโดนทำลายล้างโดยคนเพียงคนเดียว ข้าเกือบเอาตัวไม่รอด เพื่อนๆในกลุ่มของข้าที่เหลืออยู่ก็กระจัดกระจายกันออกไป」
「คนก่อนหน้านี้เป็นเพื่อนของคุณหรอครับ?」
ไรเครียซังพยักหน้า
「…พวกเราบอกนักพจญภัยคนนั้นทุกอย่าง – ทั้งเรื่องที่พวกเราถูกใส่ร้ายและเป็นเพียงแค่เหยื่อ เจ้านั่นพยักหน้ารับฟังพวกเรา ก่อนจะปล่อยเวทมนตร์ระดับสูงออกมา เพื่อนของข้าถูกเผาทั้งเป็นและกรีดร้องโหยหวน สถานที่แห่งนั้นกลายเป็นนรกในทันทีเลย」
ผมทำได้เพียงแค่รับฟังอย่างเงียบๆ
ผมสงสัยจังว่าไฟที่กำลังลุกไหม้โหมกระหน่ำอยู่ภายในใจของไรเครียซังนั้นจะร้อนแรงเท่ากับไฟที่เขาได้เห็นในวันนั้นรึปล่าวนะ
「เจ้านั่นหัวเราะขณะที่ฆ่าเพื่อนของข้า… แล้วพูดว่า “แล้วยังไงละ?” …! ข้าทำได้แค่วิ่งหนีอย่างน่าขบขัน ทำได้แค่วิ่งต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งขาของข้าวิ่งต่อไปไม่ได้ เมื่อคิดว่านี้เป็นจุดจบของข้าแล้ว มิมิโนะก็ได้ช่วยข้าเอาไว้」
「…ผมไม่คิดว่าการวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจะเป็นเรื่องน่าหัวเราะหรอกนะครับ」
ไรเครียซังมองมาที่ผมแล้วหัวเราะเล็กน้อย มันเป็นเสียงหัวเราะที่ดูโศกเสร้า
「เรย์จิ… ถึงข้าจะทำลายอาณาจักรไรกุระไม่ได้ ข้าก็ต้องเอาคืนให้ได้ไม่ทางใดก็ทางนึง ถ้าในกรณีนั้น… ข้าจะต้องฆ่าไอ้เลือดเย็นนั่นให้ได้」
มีเสียงบางสิ่งบางอย่างหยดลงบนพื้น
ไรเครียซังนั้นกำหมัดแน่นจนมีเลือดไหลออกมา
「คริสต้า-ลา-คริสต้า นักพจญภัยครึ่งเอล์ฟระดับมิธริล ข้าจะต้องฆ่ามันให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม」
* เรือเหาะเวทมนตร์ “ปราสาทลอยฟ้าของเจ้าหญิง” *
เสียงเครื่องยนต์ดังไม่หยุด เรือเหาะเวทมนตร์ “ปราการฟ้าของเจ้าหญิง” กำลังบินอยู่เหนืออาณาจักรเกฟเฟริด 1,000 เมตร
มันมีลักษณะเหมือนกับเรือทรงกลมมากกว่าจะเป็นเรือขนาดใหญ่ และบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยใบพัดขนาดใหญ่และขนาดเล็กจำนวณมากรอบๆตัวเรือ
ตัวเรือนั้นมีสีดำที่เป็นการผสมกันระหว่างไม้ชนิดพิเศษกับแผ่นเหล็ก ส่องแสงสีฟ้าจางๆแม้จะเป็นกลางคืน ทำให้ตัวมันเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
ตัวเรือขนาดใหญ่ที่จุคนได้มากถึง 500 คน นั้นเชื่องช้าแต่มั่นคง มันกำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตดยุคอเคนบาค
「…เมื่อชินแล้วก็รู้สึกน่าเบื่อจริงๆ」
「หะ?」
「ตอนแรกข้าก็คิดว่าเรือเหาะเวทมนตร์เป็นแค่เรื่องในนิยายเท่านั้น แต่หลังจากที่ข้านั่งมันหลายต่อหลายครั้ง ข้าก็เบื่อซะแล้ว มีสิ่งบันเทิงบนยานน้อยเกินไป」
「พะ-พวกเราต้องขออภัยจริงๆครับ」
「ทำไมถึงเรียกว่า “ปราสาทลอยฟ้าของเจ้าหญิง” กัน? ทั้งๆที่ให้ความบันเทิงกับข้าที่เป็นนักพจญภัยยังไม่ได้ ไม่ต้องไปพูดถึงเจ้าหญิงจริงๆเลย」
「คะ-ครับ…」
เป็นเจ้าหน้าที่กิลด์นักพจญภัยร่างใหญ่คนหนึ่งที่กำลังถูกถามคำถามต่างๆ
มีห้องนั่งเล่นอยู่ภายใน “ปราสาทลอยฟ้าของเจ้าหญิง” มันมีไว้สำหรับทานอาหารและดื่มแอลกอฮอล์
เบื้องหน้าของเจ้าหน้าที่คนนั้นมีชายรูปร่างผอมบางคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ชายคนนั้นกำลังดื่มดำกับไวน์ในแก้วใบใส – ที่หาได้ยากบนโลกใบนี้
ชายคนนั้นมีตัวที่สูงจนทำให้ดูผอมยิ่งขึ้นไปอีก
เขามีผมสีบอร์นที่ถูกตัดแต่งไว้ถึงเพียงแค่ไหล่ของเขา ผมนั่นปิดบังใบหูเอาไว้ แต่ใบหูของเขาแหลมกว่ามนุษย์ทั่วไป
ตาสีแดงของเขาไม่ได้จับจ้องไปที่เจ้าหน้าที่คนนั้น เพียงแต่จ้องมองไปที่แก้วไวน์
ผิวของไวน์สะท้อนแสงจากตะเกียงเวทมนตร์ที่ห้อยอยู่บนเพดานเปล่าที่เผยให้เห็นถึงท่อหลากหลายอันโยงไปมา
ชิ ชายบนโซฟาเดาะลิ้นออกมาก่อนจะจิบไวน์ในแก้ว เจ้าหน้าที่เข้ามารินไวน์ให้จากขวดไวน์โดยที่รู้ว่าแม้เพียงแค่แก้วเดียวก็มีค่ามากพอที่จะทำให้คนธรรมดามีชีวิตรอดไปได้ถึงหนึ่งอาทิตย์
เขายังรู้อีกว่าชายที่นั่งอยู่บนโซฟาคนนี้สามารถซื้อถังใส่ไวน์อันนี้ได้เป็นร้อยๆถังเพียงแค่คำขอเดียว
「เราจะไปถึงกันเมื่อไหร่?」
「ตามกำหนดการคือเช้าวันพรุ่งนี้ครับ」
「ตรงไปที่เหมืองเลยไม่ได้รึไง? มันยิ่งใช้จะเวลานะถ้าเราต้องเคลื่อนตัวออกจากเมืองอีกที」
「น่าเสียดายครับที่พวกเรายังไปไม่ได้ถ้าไม่ทำการทักทายท่านดยุคคนใหม่เสียก่อน…อีกอย่างยานลำนึ้นั้นถูกกำหนดเป้าหมายเอาไว้แล้วครับ ดังนั้นพวกเราเลยบินอย่างอิสระไม่ได้」
「…เผ่ามนุษย์ที่ได้รับปีกให้บินบนท้องฟ้าได้แบบนี้ ยังตั้งข้อจำกัดให้ตันเองด้วยเหตุผลไร้สาระแบบนั้นอีกงั้นรึ?」
ชายบนโซฟากล่าวอย่างเบื่อหน่าย เขาวางแก้วไวน์ลงแล้วยืนขึ้น
「พวกมอนสเตอร์หน่ะมันน่าเบื่อ พวกมันทำได้แค่โกรธเท่านั้น ไม่ร้องขอชีวิตหรืออะไรทั้งนั้น เพราะแบบนี้ การฆ่าเจ้าพวกมนุษย์สัตว์นั่นถึงได้สนุกกว่าเป็นไหนๆ」
「………」
เจ้าหน้าที่ทำการหลบสายตาของชายคนนั้น เพราะว่าริมฝีปากล่างของชายคนนั้นกำลังบวมจากการเลียริมฝีปาก
「ข้าจะไปนอนแล้ว ปลุกข้าด้วยเมื่อพวกเราไปถึงแล้ว」
「……รับทราบครับ」
ชายคนนั้นหยิบเสื้อคลุมที่พาดอยู่บนโซฟาขึ้นก่อนจะจากไป
「…เป็นเพราะคนแบบนี้ถูกแต่ตั้งให้เป็นนักพจญภัยระดับมิธริลยังไงละ โลกนี้ถึงได้เกินเยียวยาแล้ว」
เจ้าหน้าที่ถอนหายใจออกมา แล้วคิดถึงเรื่องที่จะจัดการกับแก้วไวน์ใบนี้ยังไงดี
เรือเหาะ “ปราสาทลอยฟ้าของเจ้าหญิง” กำลังมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตดยุคอย่างมั่นคง