บทที่ 1 ตอนที่ 12
*เมืองหลวงของสหพันธ์รัฐคีทแกรนด์, วัลฮัลลา*
ปราสาทสีขาวสูงตระหง่านดั่งงานศิลปะอันเลื่องชื่อ
“ราชา” ผู้ปกครองวัลฮัลลา เมืองหลวงของสหพันธ์รัฐคีทแกรนด์อันกว้างใหญ่ นั้นจะถือว่าเป็นผู้นำแห่งสหพันธ์รัฐ
นามของราชาผู้นั้นคือ เกฟเฟริด ที่ประทับอยู่ในปราสาทสีขาวแห่งนี้
「ฝ่าบาท มีการติดต่อฉุกเฉินผ่านทางเวทมนตร์สื่อสารจากท่าน แดเนียล อเคนบาค ลูกชายของท่านดยุกอเคนบาคมาครับท่าน」
การตกแต่งภายนอกของปราสาทนั้นคล้ายกับการตกแต่งแบบป้อมปราการโบราณ แต่กลับกัน การตกแต่ภายในนั้นแตกต่างอย่างมาก
โถงรับแขกและห้องจัดงานเลี้ยงที่ใช้ต้อนรับแขกต่างๆนั้นประดับประดาไปด้วยเครื่องเรือนหรูหราที่เข้ากันกับการตกแต่งภายนอก แต่ในส่วนพื้นที่สำหรับทำงานราชการต่างๆนั้นจะมีอุปกรณ์เวทมนตร์รุ่นล่าสุดเรียงรายไว้พร้อมใช้งาน
กาน้ำที่สามารถผลิตน้ำร้อนออกมาได้เพียงแค่กดปุ่ม เป็นสิ่งที่ราชาแกฟเฟริดนั้นโปรดปรานในการชงชาที่ชื่อชอบของเขา แน่นอนว่ามันนั้นเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์โดยทำงานด้วย “หินเวทมนตร์” ที่ได้จากการกำจัดมอนสเตอร์
อุปกรณ์เวทมนตร์นั้นต้องใช้หินเวทมนตร์ในการทำงาน
มันก็ไม่ต่างจากในญี่ปุ่นยุคปัจจุบันที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการคับเคลื่อนสิ่งต่างๆ
ต่างกันเพียงแค่อุปกรณ์เวทมนตร์นั้นมีราคาสูงมาก และมีผูู้คนที่มีสิทธิครอบครองมันได้อยู่เพียงน้อยนิดอีกด้วย
「เร่งด่วน…? แดเนียลนี้ใช่ที่เป็นลูกชายคนโตของดยุครึปล่าว?」
「ครับท่าน」
「ลูกชายของดยุคมีสิทธิใช้งานอุปกรณ์ติดต่อฉุกเฉินด้วยรึ?」
ชายสูงอายุร่างผอมเพรียวตอบกลับไป ผมสีขาวของเขาได้รับการหวีอย่างดีไปจนถึงข้างหลัง หนวดเคราที่ดูน่าทึงของเขายาวจนเกือบจะถึงสะดือ ชายสูงอายุที่ราวกับกับจะถูกทับโดยน้ำหนักของอัญมณีที่ประดับอยู่ตรงมงกุฎและบริเวณผ้าคุมสีแดงฉานของเขา ชายผู้นี้คือราชาแกฟเฟริด
「คือว่า… ท่านดยุคที่ดำรงตำแหน่งนั้นได้เสียชีวิตไปแล้วครับ」
ชายที่ดำรงตำแหน่งกรมวังลดเสียงลงแล้วรายงานออกไป เกฟเฟริดก็คิ้วขมวด
「งั้น ข้าคงต้องพูดคุยกับดยุคคนใหม่สินะ」
ไม้เท้าสีเงินบริสุทธิ์นั้นบางพอที่จะให้ชายสูงอายุร่างกายผอมเพรียวยกมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ชายสูงอายุคนนั้นเดินออกไปจากห้อง กระทุ้งไม้เท้าไปตามทางเดิน
ขาที่ก้าวผ่านระเบียงอันยาวเหยียดนั้นแข็งแรงแตกต่างจากรูปลักษณ์จนน่าตกใจ แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านบานหน้าต่างที่ถูกขัดจนเงาวับราวกับล่องหน
สถานที่ๆขายสูงอายุเดินทางมาถึงนั้นเป็นห้องที่มีขนาดเท่ากับห้องก่อนหน้านี้ ทว่ามีแผ่นโลหะจำนวณมากแปะอยู่กับพนังห้องและมีเก้าอี้วางเรียงรายอยู่ด้านหน้าพวกมัน เจ้าหน้าที่กำลังเขียนข้อความที่ถ่ายทอดมาจากเครื่องรับสัญญาณ
ที่นี่เป็นสถานที่สำหรับติดต่อสื่อสารที่เชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆของสหพันธ์รัฐคีทแกรนด์ด้วยเวทมนตร์สื่อสาร
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับการปกครองสหพันธ์รัฐที่กว้างขวางนี้คือ “ข้อมูล” เกฟเฟริดได้กล่าวเอาไว้และใข้เวลาถึง 10 ปีในการสร้างเครือข่ายเวทมนตร์สื่อสาร
ตั้งแต่นั้นก็ผ่านมา 25 ปีแล้ว จนถึงตอนนี้ ข้อมูลทั้งหมดจากทั่วทั้งสหพันธ์รัฐนั้นล้วนผ่านหูของเกฟเฟริดมาหมดแล้ว
เกฟเฟริดเดินผ่านห้องที่ได้ยินเพียงแค่เสียงจดปากกาไปยังห้องเล็กๆที่อยู่ด้านใน เมื่อนายมหาดเล็กเปิดสวิตซ์การทำงาน อากาศรอบๆก็เหมือนกับกำลังสั่นไหว และมีเสียงการทำงานของอุปกรณ์เวทมนตร์ดังขึ้นเบาๆ
ตรงกลางของห้องเล็กๆนี้มีเก้าอี้สำหรับเกฟเฟริดอยู่ และมีลูกแก้วคริสตัลที่ยึดไว้กับแท่นหันเข้าหาเก้าอี้ตัวนั้น
「สวัสดีดยุคคนใหม่ ข้าได้ข่าวว่าเจ้าติดต่อฉุกเฉินมา」
ลูกแก้วคริสตัลนั้นปรากฏใบหน้าของชายร่างอ้วนที่กำลังเช็ดเหงื่อบนหน้าผากของเขา สายตาแหลมคมนั้นเหมือนกับพ่อของเขา ดยุคอเคนบาค – ผู้ให้ถูกก็คือ อดีตดยุคอเคนบาค
『ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับเกียร์ติในการพูดคุยกับฝ่าบาท…』
「นี่เจ้าติดต่อฉุกเฉินมาเพื่อการทักทายงี่เง่าเช่นนี้งั้นรึ?」
『กะ-กระผมต้องขออภัย…』
แดเนียล อเคนบาคเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของเขาด้วยผ้าเช็ดหน้าอีกครั้ง จนถึงตอนนี้ พ่อของเขาเป็นคนจัดการงานทุกอย่างเอง ดังนั้นตัวเขาจึงไม่รู้จะต้องทำอย่างไรต่อ
เกฟเฟริดเดาะลิ้นในใจ เจ้านี้หน่ะหรอผู้สืบทอด? อาณาเขตดยุคนั่นคงจบสิ้นแล้ว เขาคิดแบบนั้น
「แล้ว? ให้ข้าเดาที่เจ้าติดต่อมาแบบนี้ งั้นก็แสดงว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหมืองที่ 6 งั้นสินะ?」
『คะ-ครับท่าน การคาดเดาของท่านนี้ช่างยอดเยี่ยมจริงๆครับ』
「ข้าไม่ต้องการคำเยินยอของเจ้า เข้าเรื่องได้แล้ว」
เกฟเฟริดส่งเสียงหงุดหงิดออกมาโดยไม่รู้ตัว ดยุคคนนั้นก็เช็ดเหงื่ออีกครั้ง เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป
อย่างไรก็ตาม คำพูดถัดไปของดยุคนั้นไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์ของเกฟเฟริด
『คือว่า เหมืองที่ 6 นั้นได้ถล่มลงมาหน่ะครับ』
「งั้นรึ ถล่มรึ… เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ว่ายังไงนะ?」
『เป็นเรื่องจริงครับ มันถล่มลงมาจนเหลือแต่เศษซาก ดูเหมือนท่านพ่อจะอยู่ในเหตุการณ์และเสียชีวิตลงครับ』
ดยุคได้อธิบายแก่ชายสูงอายุโดยไม่หยุดพัก
ทั้งเรื่องที่ทาสก่อจลาจล การปรากฏตัวของ “มังกรยักษ์” การถล่มลงของเหมือง และการตายของดยุค
(ลำดับเหตุการณ์ที่เล่ามามันสลับกัน ทาสจะถูกควบคุมโดยเวทย์พันธสัญญาและไม่มีทางก่อจลาจลได้ บางทีดยุคคงเสียชีวิตก่อน… มีใครบางคนฆ่าเขางั้นรึ? ไม่ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องสนใจในตอนนี้)
เสียงของเกฟเฟริดนั้นแข็งกร้าวขึ้นอย่างเข้าใจได้
「แล้ว เหมืองมันยังทำงานได้อยู่รึปล่าว?」
『พวกเราไม่สามารถเข้าไปด้านในได้เพราะดูเหมือนว่าจะมี “มังกร” เข้าไปอาศัยอยู่ครับ พวกเรากำลังพยายามยืนยันอยู่ครับว่ามันเป็น “มังกร” จริงๆรึปล่าว แต่ไม่ว่าจะทำยังไงพวกเราก็ไม่สามาถติดต่อนักพจญภัยที่ส่งเข้าไปได้เลยครับ』
「ข้าไม่สนใจพวกนักพจญภัยนั่น! เจ้าใช้ทหารของเจ้าทำอะไรไม่ได้รึไง?!」
『คะ-ครับท่าน ตอนนี้ พวกเราได้ส่งกองกำลังทั้งหมดไปเพื่อยึดเหมืองคืนแล้วครับท่าน』
「กุ…」
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เจ้านี้สอบผ่านละนะ เกฟเฟริดคิด
「”มังกร”งั้นรึ…? ทำไมถึงมีมอนสเตอร์ระดับหายนะไปอยู่ในเหมืองได้กัน? เฮ้ย ไปสืบเรื่องนี้ว่ามันมีอะไรคล้ายกันนี้เกิดขึ้นมาในอดีตรึปล่าวมาซะ นี้เป็นคำสั่ง」
「ครับท่าน!」หนึ่งในคนรับใช้ขานรับก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง
「เจ้าดยุค ข้าอยากจะทราบข้อมูลทั้งหมดที่เจ้ามีเกี่ยวกับ “มังกร” ตัวนั้น อย่างเช่นรูปร่าง ขนาด รวมถึงอย่างอื่นทุกๆอย่างเลย」
『ดะ-ได้แน่นอนครับท่าน』
「”มังกร”– “มังกร”งั้นรึ ถ้าในกรณีนี้ใช้พวกนักพจญภัยคงจะจัดการได้เร็วกว่าละนะ」เกฟเฟริดพูดกับตัวเอง 「เจ้าดยุค ข้าจะส่งนักพจญภัยมือดีที่สุดที่วัลฮาลาจะมีไปกับเรือเหาะเวทมนตร์ที่ล้ำสมัยที่สุด เตรียมโรงจอดให้ว่างและพร้อมใช้งานตลอดเวลาซะ」
『รับทราบครับผม! ตะ-แต่… แล้วเรื่องนักพจญภัยละครับ?』
「เจ้าพวกนั้นมันเลือกชื่อเสียงมากกว่าอันตรายอยู่แล้ว ภาคีอัศวินที่ล้ำค้าของข้าอยู่ระหว่างการเดินทางและเคลื่อนทัพทันทีไม่ได้ ข้าจะส่งภาคีอัศวินของข้าไปถ้าเรื่องนี้มันยังไม่คลี่คลายลงภายในหนึ่งเดือน เจ้าโอเคหรือไม่?」
『คะ-ครับท่าน』
จากนั้น การสื่อสารก็ถูกตัดไป
「นี้มันชักจะแย่แล้ว…」
เกฟเฟริดลูบเคราของเขาด้วยมือที่เหี่ยวย่น
「ที่อื่นที่นอกเหนือจากเหมืองที่ 6 ที่สามารถหาหินสกิลได้ก็คือป่าที่ 3 ถึงมันจะอยู่ใต้การควบคุมของข้าโดยตรงก็จริง… แต่พวกเอลฟ์ชั้นสูงพวกนั้นไม่เต็มใจมอบหินสกิลมาให้หน่ะสิ…」
จากนั้น อยู่ๆเกฟเฟริดก็หันไปหาคนรับใช้ที่เหลืออยู่เหมือนกับพึ่งนึกอะไรขึ้นได้
「ข้าพึ่งนึกขึ้นได้จากตอนที่คิดถึงเรื่องพวกเอลฟ์ชั้นสูง ไม่ใช่ว่ามันมีนักพจญภัยที่ถูกเรียกว่า “ดราก้อนสเลเยอร์สีชาต” อยู่ในวัลฮาลาแห่งนี้ไม่ใช่รึ?」
「ครับ มีข้อมูลมาว่า นักพจญภัยฮาร์ฟเอลฟ์ระดับมิธริลนามว่า คริสต้า-ลา-คริสต้า นั้นในตอนนี้อยู่ที่กิลด์สาขาเมืองหลวง ผมได้ยินมาว่าคนๆนั้นในตอนนี้กำลังเข้าร่วมภารกิจค้นหาและทำลายของกลุ่ม “ทหารรับจ้างดาร์กแฟรงค์” ที่ได้ส่งคำร้องไว้ที่กิลด์และนายกของเมืองวัลฮาลาครับ」
「นั้นหน่ะรึดราก้อนสเลเยอร์?」
「ครับ เห็นว่ามีประสบการณ์ในการจัดการกับมังกรในอดีตด้วยครับ」
「ถ้ายังงั้น ส่งไปที่อาณาเขตของดยุคอเคนบาคเดียวนี้เลย! เลื่อนภารกิจของทหารรับจ้างนั่นออกไปก่อน!」
「รับทราบครับ!」
「เร็วเข้า! ถ้าเรื่องนี้ถึงหูพวกประเทศอื่นละก็ พวกนั้นได้ยื่นมือเข้ายุ่งแน่ เก็บข้อมูลให้ลับที่สุดเท่าที่จะทำได้ซะ!」
หลังจากนั้น คนรับใข้คนนั้นก็ออกจากห้องไป
การจลาจลในเหมืองที่เรย์จิเคยอยู่นั้นกลายเป็นปัญหาระดับประเทศไปซะแล้ว
* *
พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปยังกิลด์นักพจญภัยผ่านทางตรอกด้านหลังในขณะที่มองดูเหล่าทหารเคลื่อนทัพ
กิลด์นักพจญภัยนั้นเป็นตึก 3 ชั้นขนาดใหญ่ที่หันหน้าไปทางถนนหลักที่ถูกปูด้วยหิน ประตูเหล็กบานคู่และหน้าต่างไม้ทั้งหมดนั้นเปิดกว้าง ดังนั้นจึงสามารถได้ยินเสียงของผู้คนด้านในได้
「–ดูเหมือนจะมีการจลาจลเกิดขึ้นที่เหมืองหน่ะ」
「–ข้าได้ยินมาว่ามีทาสเข้าไปโจมตีเมืองรอบๆด้วย หมู่บ้านอาจจะยิ่งอันตรายก็ได้」
「–และข้าก็ได้ยินมาว่ามีสถานที่ที่ทุกคนถูกฆ่าอยู่ด้วย น่ากลัวจริงๆเลย」
「–นั่นสินะเหตุผลว่าทำไมถึงมีการเคลื่อนทัพ… เป็นการล่าพวกทาสรึปล่าว?」
ผมรู้สึกสันหลังวาบทุกครั้งที่ผมได้ยินคำว่าทาส
ในตอนนั้น มือของผมก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยมืออันแสนอบอุ่น
「เรย์จิคุง ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้เธอเป็นสมาชิกของซิวเวอร์บาลานซ์แล้วยังไงละ」
「มิมิโนะซัง…」
…ทำไมเธอถึงใจดีกับผมขนาดนี้กัน? แม้ผมจะไม่มีอะไรตอบแทนเธอเลยแท้ๆ
ดันเต้ซังเข้าไปในกิลด์ก่อนคนแรกแล้วไรเครียซังก็เดินตามเข้าไป ทั้งกิลด์ก็ตกอยู่ในความเงียบ
ผมตามพวกเขาเข้าไป ชั้นแรกนั้นกว้างขวางมาก พิ้นนั้นปูด้วยหินเหมือนกับที่ถนนหลัก มีโต๊ะกับเก้าอี้ไม้วางอยู่ไปทั่วพิ้นที่ มีเคาน์เตอร์ยาวอยู่ที่หน้าทางเข้าและคนที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าหน้าที่กิลด์ที่สวมชุดเหมือนๆกันจ้องมองมาที่พวกเรา
นักพจญภัยคนอื่นๆก็มองมาที่พวกเรา ในกิลด์นั้นมีผู้คนหลากเพศหลากอายุปะปนกันไป ใครก็ตามที่อายุครับ 10 ปีก็สามารถสมัครเป็นนักพจญภัยได้และไม่มีการเกษียณอายุด้วย จึงมีทั้งนักพจญภัยที่ดูเหมือนจะมีปัญหาในการอยู่รอดวันต่อวัน ไปจนถึงนักพจญภัยที่สวมใส่เกราะหรูหราอย่างกับขุนนางเลย
กิลด์นักพจญภัยนี้แสดงออกได้ดีถึงสภาพสังคมเลยหล่ะ
สุดท้าย เมื่อน็อนซังเดินเข้ามา ผมก็ได้ยินเสียงคนผิวปากด้วย
「โปรดบอกธุระของคุณในวันนี้ด้วย」
「ข้าอยากจะขายวัตถุดิบแล้วก็ลงทะเบียนเด็กคนนี้ด้วย」
ดันเต้ซังวางมืองของเขาลงบนหัวของผม — เดี๋ยวก่อนนะ ผมหรอ?
เป็นชายสูงอายุที่มีผมสีเทานั่นเองที่เป็นคนตอบกลับมา เขาสวมแว่นตาข้างเดียวที่ตาขวาของเขา
「…ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ตามกฎแล้ว คุณจะต้องมีอายุตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ถึงจะลงทะเบียนกับทางกิลด์ได้หน่ะครับ」
「เด็กคนนี้อายุ 10 ปีแล้ว」
「ด้วยความเคารพ เด็กคนนี้ดูไม่เป็นเช่นนั้นเลยครับ ในกรณีนี้ คุณจำเป็นต้องแสดงใบรับรองเช่นบัตรประชาชนครับ」
「พวกเราไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก」
「ถ้าเป็นเช่นนั้นผมต้องขออภัยด้วย คุณไม่สามารถลงทะเบียนได้… สักครู่นะครับ… หรือว่าบางทีคุณโดนคำสาปให้กลายเป็นหินงั้นหรอครับ?」
「ใช่แล้วละ」
ดันเต้ซังเอาเสื้อที่คลุมคอของเขาออก เผยให้เห็นถึงส่วนที่กลายเป็นหินของเขา ภายในกิลด์ก็เริ่มมีเสียงเอะอะโวยวายเกิดขึ้น
「นะ-นั้นมันคำสาปที่ทำให้กลายเป็นหินนี้?」
「ชิบหายละ มันติดต่อกันได้ไม่ใช่หรอ?」
「ไม่หรอก」
「งั้นไม่ลองเข้าใกล้เพื่อพิสูจน์ดูหน่อยละ」
「ไม่ใช่ข้าละหนึ่ง」
เหล่านักพจญภัยที่นั่งเกียจค้านอยู่ที่โต๊ะ หนีออกไปจากกิลด์อย่างรีบร้อนทีละคน
「อาา… นี้มันเป็นปัญหาแล้วนะครับ คุณดันเต้ มันกลายเป็นการรบกวนธุรกิจกันแล้วนะครับ ปกติพวกเราก็ยุ่งตัวเป็นเกลียวกันอยู่แล้ว แถมตอนนี้กิลด์มาสเตอร์ก็ไม่อยู่ดูแลกิลด์เพราะถูกเรียกไปหาท่านดยุคอีกด้วยนะครับ」
พนักงานกิลด์พูดขึ้นขณะยืนยันบัตรนักพจญภัยของดันเต้ซัง
「คำสาปเมดูซามันไม่ติดต่อกันคุณก็รู้ ใช่ไหมละ?」
「ผมรู้แต่คนอื่นเขาไม่รู้ยังไงละครับ」
「นั้นมันก็เป็นหน้าที่ของกิลด์ที่ต้องสอนพวกนั้นเอง」
「ถึงยังงั้น มันก็ยังเป็นปัญหาอยู่ดีครับ เพราะยังมีพวกที่เกลียดคำสาปนั้นจากความเชื่ออยู่ครับ พวกเราจะรับซื้อวัตถุดิบพวกนั้นไว้เอง แต่ผมแนะนำให้พวกคุณออกไปจากเมืองนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้หลังจากหมดธุระแล้วนะครับ…」พนักงานกิลด์พูดขึ้นพร้อมทั้งมองไปยังไรเครียซังกับมิมิโนะซัง「เมืองในตอนนี้กำลังตกอยู่สภาวะสับสนกันอยู่ครับ」