บทที่ 1 ตอนที่ 4
…ไม่นะ! ไม่ทันแล้ว!
「โอ้วววว!!!」
ในจังหวะที่งูเกือบจะถึงตัวของนักพจญภัยตัวเล็กคนนั้น มีใครบางคนกระโดดเข้ามาจากด้านข้างคล้ายกับพายุสีดำและส่งงูตัวนั้นให้ลอยออกไป
「มิมิโนะ! มัวเอาแต่มองมันทำไม? นั้นมันกิตสเนคเลยนะ!」
「วะ-ว่าไงน้าาา?!」
ชายร่างใหญ่คุกเข่าลงพร้อมทั้งปามีดในมือของเขาออกไป ใบมีดนั้นตัดไปที่คอของงูอย่างสวยงาม
ขอบคุณพระเจ้า…
「แล้วก็แกตรงนั้น! แกเป็นใครกัน?」ชายคนที่พลักงูออกถามขึ้นมา
ชายคนนั้นมีผมสีเทาดำที่ดูน่ากลัวและมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกับแผงคออยู่ด้านหลัง เขามีรอยดำคล้ายแดดเผาบริเวณตาและเขี้ยวแหลมๆ ส่วนสูงมากกว่า 180ซม. กล้ามเนื้อบริเวณขาทั้งสองข้างมีพัฒนาการที่ดีจนกางเกงหนังสีดำที่ใส่อยู่นั้นแน่นเปรี้ยะ
「อา เออ… ผม…」
ชายคนนั้นเข้ามาใกล้พร้อมทั้งจ้องมองมาอย่างไม่เป็นมิตร ผมประหลาดใจมากที่ทุกก้าวของเขานั้นแทบจะไม่มีเสียงเลย ด้วยรูปร่างแบบนั้นปกติต้องเกิดเสียงเวลาเดินบนใบไม้ที่พื้นแล้ว ต้องฝึกมาขนาดไหนกันถึงทำแบบนั้นได้ ไม่มีคนแบบนี้ในหมู่ทาสแน่นอน
「หยุดก่อน ไรเครีย เขายังเป็นแค่เด็กอยู่เลยนะ」(TL: อิงใช้ Ralkira ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้าเท่าไหร่ ใครมีข้อเสนอแนะหรือเทียบญี่ปุ่นมาแล้วก็บอกได้นะครับ)
「เด็ก? ดูดีๆแล้ว ชุดของเด็กคนนี้มัน… บางทีเด็กนี้อาจจะเป็น」
「เป็นคนที่ช่วยชีวิตชั้นไว้!」
ชายร่างใหญ่ที่กำลังนั้งอยู่กำลังพยายามช่วยแก่ต่างให้ผม แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรต่อ ผู้หญิงที่สวมฮู้ดก็ได้เข้ามาขวางระหว่างผมกับชายผมเทาเอาไว้
「ชั้นไม่ทันระวังกิตสเนคเอง เด็กคนนี้เลยแค่พยายามที่จะเตือนชั้น! ต้องสนเรื่องอื่นๆด้วยรึไง?!」
「โหย มิมิโนะ… ชั้นก็รู้ว่าเธอเองก็สังเกตเห็น… เด็กคนนี้เป็นทาสนะ」
「!」
「ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นทาสที่หลบหนีด้วย」
ผมผงะและพยายามที่จะซ่อนรอยสักที่ข้อมือ แต่สายไปแล้ว แค่มองก็คงจะรู้อยู่แล้ว
…ผมคิดไว้แล้วว่ามันคงจะโง่มากที่พยายามช่วยชีวิตใครสักคนโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
「…ถึงยังงั้น เรื่องนั้นมันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ไม่ใช่หรอ?」
หญิงสาวอีกคนที่เงียบจนถึงตอนนี้เอ่ยปากพูดออกมา ผมสีเขียวของเธอถูกมัดเอาไว้ข้างหลัง เธอสวนใส่เครื่องแต่งกายเหมือนกับแม่ชี ตาของเธอเปิดเพียงครึ่งเดียวคล้ายกับคนง่วงนอน อายุน่าจะใกล้เคียงกับผมหรือก็คืออายุ16 – ผมหมายถึงในชาติก่อนของผมหน่ะนะ
「ทาสจะถูกควบคุมด้วยเวทย์พันธสัญญา แต่ที่มาอยู่ในป่าลึกแบบนี้หมายความว่าเวทยมนตร์นั้นคงคลายลงไปแล้ว ดังนั้นถ้าไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้ถูกปลดจากการเป็นทาส ก็คงเพราะเจ้านายของเด็กคนนี้ตายไปแล้ว ใช่ไหมละ?」
「…เขาอาจจะหลบหนีมาจากความสับสนเมื่อเจ้านายตายก็ได้นี่ ถ้าเป็นแบบนั้น สัญญาสำหรับค้าขายทาสยังคงเหลืออยู่ ดังนั้นทาสต้องอยู่ที่เดิมสิไม่ใช่หนีออกมา เธอน่าจะเข้าใจนะ?」
「ไม่ ชั้นไม่เข้าใจ」
「……โหย พูดอะไรออกมาหน่ะ มิมิโนะ?」
「ชั้นไม่เข้าใจ! ชั้นไม่สน! และไม่คิดจะสนด้วย!」
「นี่ฟังนะ! ข้าก็ไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้หรอก! ข้าแค่พยายามจะเอาพวกเราออกมาจากปัญหานะ…」
「แต่ว่าเด็กคนนี้!」
หญิงสาวสวมฮู้ดที่มีชื่อว่ามิมิโนะนั้นสูงพอๆกับผม ถึงตัวเธอจะเล็กแต่วิธีที่เธอพูดนั้นเหมือนกับผู้ใหญ่ — บางทีเธออาจจะไม่ใช่เผ่ามนุษย์ก็เป็นได้ เหมือนกันกับชายผมเทาคนนั้นที่เป็นเผ่ามนุษย์สัตว์
「เขาพยายามจะช่วยชีวิตชั้นถึงขนาดเปิดเผยตัวต่อหน้าพวกเราเลยนะ! แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วนี่ ไม่ใช่รึไง?!」
「เอออ…」มนุษย์สัตว์ผมเทาคนนั้นอ้ำอึ้ง
「นี่ โทษทีนะที่ทำให้กลัวหน่ะ เธอมีชื่ออะไรหรอ?」เธอมองมาที่ผมแล้วถามออกมาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
เธอสวมใส่ฮู้ดหลวมๆสีเขียวเข้ม ตรงปายของฮู้ดนั้นปักด้วยสีสันหลากหลายเช่นสีแดง สีขาว และสีเหลือง เธออาจจะเป็นอะไรอย่างพวกนักเวทย์ก็ได้จากการที่เธอใส่กำไลข้อมือหลากสีเป็นจำนวณมาก
「ผมชื่อ เรย์จิ」
「เรย์จิคุงสินะ เป็นชื่อที่ดีนะ! ชั้นมีชื่อว่า มิมิโนะ เป็นนักเวทย์ของปาร์ตี้นี้เอง ส่วนคนหยาบคายที่อยู่ตรงนั้นมีชื่อว่า ไรเครีย」
「ว่าใครหยาบคายกันหะ?!」
มนุษย์สัตว์ที่ชื่อว่าไรเครียนั้นไปนั้งอยู่ข้างกองไฟแล้ว เอามือเท้าศอกและทำหน้าตาบูดบึ้ง
ครึ่งนึงจากผิวที่เปิดเผยของเขานั้นปกคลุมไปด้วยขน จากการที่ผมเกิดที่หมู่บ้านและทำงานในเหมืองที่มีแต่มนุษย์นั้นทำให้ผมแทบจะไม่มีโอกาศเจอพวกมนุษย์สัตว์เลย
…ก็เป็นโลกแฟนตาซีนี่นะ
「…ข้าชื่อว่าดันเต้ และนี่ก็ลูกสาวของข้า น็อน」ชายร่างใหญ่ที่ปามีดไปยังงูพิษตัวนั้นพูดออกมา
ลูกสาว… ลูกสาวงั้นหรอ?! มองแว๊บแรกตัวเขาดูจะอายุแค่ประมาณ30ปีเท่านั้นเอง แต่สงสัยว่าเขาอาจจะอายุเยอะกว่าที่เห็นก็ได้…
ดันเต้นั้นสวมใส่เกราะโลหะบริเวณจุดสำคัญเช่นไหล อก และข้อศอก แถมเขายังสวมเกราะโซ่ถักที่ถักจากโซ่สีน้ำตาลขนาด3ซม.คลุมร่างกายส่วนที่เหลือของเขาเอาไว้ เกราะโซ่ถักในโลกเดิมนั้นทำจากชิ้นส่วนโลหะผสานกันเป็นโซ่ แต่ที่นี้นั้นใช้โซ่จริงๆทำ
ขนาดสวมเกราะเอาไว้ ก็ยังสามารถเห็นถึงกล้ามเนื้อกำยำของเขาได้ แท่งเหล็กที่วางอยู่ข้างๆเขานั้นใหญ่พอๆกับม้านั่งเลย มันมาพร้อมกับกริปสำหรับถือ ผมคิดว่าดันเต้คงใช้เจ้านี้เหวี่ยงไปมาในการต่อสู้ สงสัยเขาคงจะเป็นเบอเซอเกอร์ละมั้ง?
เขานั้นมีใบหน้าที่เคร่งขรึมแต่ดวงตาของเขากลับอ่อนโยน ดวงตาและผมสีเขียวอันสม่ำเสมอของเขานั้นเหมือนกับลูกสาวของเขา น็อน
ผมพึ่งรู้สึกตัวว่าบริเวณคอของเขานั้นมีบางส่วนเป็นสีเทา เห็นว่าเป็นเพราะถูกสาปให้ ”กลายเป็นหิน” จากที่【World Ruler】นั้นบอกมาทั้งๆที่ยังไม่ได้ถามเลยสักคำ
「…ร่างของข้านั้นกายเป็นหินเพราะคำสาปของเมดูซาอย่างที่เห็น และที่ลูกสาวตามข้ามาก็เพื่อหาทางรักษาข้า」
「พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงของราชอาณาจักรอัศวินนักบุญเพื่อรักษาพ่อของชั้น ที่นั้นมีนักบุญที่เชี่ยวชาญด้านเวทย์รักษาอยู่」
「โอ้ งั้นหรอครับ…」
นั้นเป็นทั้งหมดที่ผมสามารถพูดได้ ดูเหมือนจะมีคำสาปในโลกใบนี้ด้วย เมื่อผมลองหาวิธีรักษาจาก【World Ruler】ภาพของวัตถุดิบที่ผมไม่รู้จักเลยสักนิดก็ลอยเข้ามาในหัว
…หืมม ผมสังสัยจังว่ามันคืออะไรบ้างนะ?
หนึ่งในนั้นมีหน้าตาเหมือนกับใบไม้ของฤดูใบไม้ล่วงแต่ปลายของมันมีห้าแฉก อันถัดมาก็เหมือนกับโลหะเงิน… เป็นสีเงินบริสุทธิ์เลย และอย่างสุดท้ายเหมือนกับสิ่งมีชีวิตคล้ายไส้เดือนดุ๊กดิ๊กไปมา… คิดว่านะ
ผมไม่คิดว่า【World Ruler】นั้นจะให้ข้อมูลแบบนี้กับผม วัตถุดิบพวกนั้นมันจะรักษาคำสาปนี้ได้จริงๆนะหรอ? ผมสงสัยจังว่าควรจะบอกพวกเขาเรื่องนี้ดีไหม… แต่ถ้าพวกเขาถามผมว่าไปรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหนขึ้นมาหล่ะ? อีกอย่างผมเองก็ไม่รู้จักวัตถุดิบพวกนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
ในตอนนี้ น็อนซังคิดที่จะรักษาด้วยเวทมนตร์ ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรแปลกๆออกไป
「มาทางนี่สิเรย์จิคุง! เนื้อกำลังได้ที่เลยนะ!」
มิมิโนะจับมือของผมแล้วพาไปที่กองไฟ มือของเธอนั้นเล็กและอบอุ่นมาก…
ผมนั่งลงบนพื้นแล้วถอนหายใจ ผมรู้สึกเหนื่อยจริงๆ
「เอานี่」
มิมิโนะเอาเนื้อเสียบไม้ให้กับผม ผมเองไม่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเนื้อของอะไร แต่มันถูกโรยด้วยเครื่องเทศหลากชนิด
ไม่ค่อยจะมีไขมันแทรกเท่าไหร่ แต่นั้นก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว กลิ่นหอมของเนื้อย่างโชยมาที่จมูกของผม ผมขว้าไปที่มือของเธอแล้วกัดไปที่เนื้อชิ้นนั้น
「————」
รสชาตินั้นกระจายไปทั่วทั้งปากของผม ลิ้นของผมรับรู้ได้ถึงไขมันของเนื้อ รู้สึกถึงความร้อนที่กำลังลวกลิ้นของผม แต่ผมไม่อยากพลาดทุกหยดของน้ำมันจากเนื้อที่ไหลออกมา ดังนั้นผมจึงไม่อ้าปากออกเลย
เมื่อผมเคี้ยวเนื้อชิ้นนั้น เหงือกของผมรู้สึกเจ็บ ฟันซี่หนึ่งด้านในนั้นหลุดออกมา หัวใจของเต้นอย่างบ้าคลั่งและร่างกายของผมอย่างกับถูกเผาเลย บางทีร่างกายของผมคงจะตกใจกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ได้รับเข้าไป
ในตอนที่กลืนลงไปนั้นมีความสุขมาก ท้องของผมที่ได้รับเนื้อเข้าไปนั้นพยายามอย่างมากที่จะย่อยมัน เหมือนกับนักดับเพลิงที่กำลังต่อสู้กับไฟ
「…เรย์จิคุง」
ผมกลับมามีสติอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนนี้ ผมพึ่งจะรู้ตัวว่ากำลังจับมือของมิมิโนะอยู่
「ขะ-ขอโทษ… ผมขอโทษ…」
「ไม่เป็นไร ดีแล้ว เด็กหน่ะต้องกินเยอะๆนะ」
มิมิโนะวางเนื้อเสียบไม้ไว้บนมือของผม กางมือของเธอออกแล้วกอดศีรษะของผมอย่างอ่อนโยน
「เอ๊ะ…?」
「ลืมเรื่องที่มันเจ็บปวดไปแล้วกินเยอะๆนะ!」
และในตอนนั้นเองผมก็ได้รับรู้ถึงน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายบนแก้มของผมเอง