[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 73 เคลื่อนที่

            ขึ้นปีใหม่จนมาถึงเดือนมีนาคม ช่วงเช้าอเลนอยู่ที่สวนเพื่อทำการประลอง

            แกร๊ง แกร๊ง

            (ไม่ไหว ชนะไม่ได้เลย)

            พอเข้าเดือนมีนาคม มิไฮพี่ชายของเซซิลก็กลับมาที่เมืองแกรนเวล พอขอไปว่าอยากจะสู้อีกครั้งต่อจากปีที่แล้ว เขาบอกว่าได้สิ พร้อมกับไปทำการประลองกัน

            อเลนคิดว่ายังไงก็ต้องรู้ให้ได้ถึงความเร็วในการเติบโตของนอร์มอลโหมด เพราะข้อมูลคืออาวุธ

            ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้วเปลี่ยนมาทำการล่ามอนสเตอร์ระดับ C ในช่วงครึ่งปีนี้ทำการล่ามอนสเตอร์ระดับ C ไปประมาณ 2000 ตัว จนเลเวลขึ้นมาเป็น 28

            ถึงเลเวลเพิ่มจนค่าสเตตัสมากขึ้น แต่ฝีดาบของมิไฮยังคงสูงกว่า การฟันของอเลนโดนมองออกทำให้หลบและป้องกันได้อย่างง่ายดาย

            ท่าทีของมิไฮคงยังสบายๆอยู่ เลยส่งยิ้มออกมาเหมือนอย่างทุกทีในขณะที่ทำการประลอง

            (แย่แล้ว ทั้งที่เลเวลและสกิลของวิชาดาบก็เพิ่มขึ้นแล้ว ฮึมม ชนะไม่ได้ กะแล้วเชียวว่ามีการ์ดพืช 20 ใบเนี่ยมันคงเป็นไปไม่ได้)

            นอร์มอลโหมด ทั้งเลเวลปกติและสกิลเลเวลใช้ค่าประสบการณ์แค่ 1 ใน 100 ของเฮลโหมด หลักสูตรการเรียนของโรงเรียนทำให้เลเวลและสกิลเลเวลเพิ่มขึ้นหรือเปล่านะ รู้สึกเบนว่าความแตกต่างมันมากยิ่งกว่าปีที่แล้วอีก

            ได้ยินมาว่ามิไฮมีพรสวรรค์ของนักดาบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรียนหลักสูตรไหนแต่ช่างเป็นการเติบโตที่ทรงพลังอยู่ อเลนที่ต้องใช้ค่าประสบการณ์เป็น 100 เท่าของมิไฮ ทำให้ความสามารถที่แท้จริงค่อยๆแตกต่างมากยิ่งขึ้น

            ตรงสวนมีทั้งบารอนแกรนเวล ภรรยาของบารอน โทมัส แล้วก็เซซิลดูการต่อสู้อยู่

            การขอประลองจากอเลนมาถึงจุดตัดสินแล้ว มิไฮทำการปัดดาบของอเลนกระเด็นเหมือนครั้งก่อน ทำให้การประลองจบลง

            “เยี่ยมมากเลยครับ! ท่านมิไฮ เติบโตขึ้นมากเลยครับ”

            หัวหล้ากลุ่มอัศวินโดนเตือนเรื่องการเรียกมิไฮ เลยทำการเปลี่ยนจากเรียกคุณหนูมิไฮ เป็นท่านมิไฮ

            “ขอบใจมาก ถึงอย่างนั้นอเลนคุงค่อนข้างแข็งแกร่งนะเนี่ย”

            “ไม่หรอกครับ ยังเทียบกับท่านมิไฮไม่ได้หรอกครับ”

            ตอบรับคำชมของมิไฮอย่างถ่อมตน ทันใดนั้นมิไฮต้องการจับมือกับอเลน

            (ปีที่แล้วก็ทำเหมือนกัน หรือว่าจะเป็นธรรมเนียมของโรงเรียนเหรอ?)

            ในขณะที่อเลนคิดว่าที่โรงเรียนพอการประลิงสิ้นสุดจะต้องมาจับมือกันหรือเปล่า ก็ทำการจับมือกับมิไฮ

            “สมกับที่เป็นคนรับใช้ฝึกหัดของเซซิล ฝากน้องสาวด้วยนะ”

            “ครับ จะพยายามปกป้องอย่างเต็มที่เลยครับ”

            มิไฮยิ้มออกมาเพราะดีใจกับคำตอบนั้น

            “จะว่าไป อเลนคุงต่อสู้กับมาด้ากัลชูสินะ? เป็นยังไงบ้าง เล่าให้ฟังหน่อยสิ”

            (ต้องบอกว่าเล่นไล่จับมากกว่าต่อสู้ แค่ไม่มีการเปลี่ยนคนไล่จับ)

            คงฟังมาจากใครสักคนในครอบครัวหรือเปล่า เลยมาถามเรื่องของมาด้ากัลชู เนื่องจากถึงเวลาเที่ยงแล้วด้วย เลยตอบไปว่าจะบอกระหว่างตอนกินข้าว แล้วตอนที่ทุกคนกำลังจะกลับเข้าไปในคฤหาสน์

            “ขะ ขอประทานโทษครับ!!”

            อัศวินคนหนึ่งเข้ามาในคฤหาสน์อย่างรีบร้อน

            (หือ อีกแล้วเหรอ)

            รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย ครั้งก่อนที่อัศวินมารายงานคือการปรากฏตัวของมาด้ากัลชู ทำให้คิดว่าจะต้องเริ่มวิ่งไล่จับแห่งความตายอีกครั้ง

            “หือ เกิดอะไรขึ้น?”

            เนื่องจากเป็นอัศวิน หัวหน้ากลุ่มอัศวินเลยเป็นคนถามออกไป

            “มะ มังกรขาวเคลื่อนที่แล้วครับ!!”

            “หา!? จริงหรือ ที่ไหน มันย้ายไปที่ไหน!?”

            บารอนถามออกมาทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี

            “นายท่าน เวลานี้แล้วด้วย กลับไปคุยที่ห้องดีกว่าไหมครับ?”

            (เอ๊ะ? ฉันเองก็อยากฟังเรื่องการเคลื่อนที่ของมังกรขาวด้วย)

            อเลนดีใจที่ทุกคนมุ่งหน้าไปยังห้องรับประทานอาหาร ดูเหมือนเรื่องนี้อเลนจะฟังด้วยได้อยู่

            ตั้งแต่มาถึงตระกูลของบารอนแกรนเวล ก็ผ่านมาแล้วเกือบปีครึ่ง ได้ข้อมูลเกี่ยวกับแคว้นที่บารอนปกครองอยู่มากมาย โดยจะทำการไล่คนออกไปขึ้นอยู่กับระดับความลับของข้อมูล

            เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นความลับต่ำอย่างในครั้งนี้คนรับใช้สามารถรับฟังได้ แน่นอนว่าไม่ใช่เรียกคนรับใช้ทุกคน มีแค่คนรับใช้หรือคนรับใช้ฝึกหัดที่ทำหน้าที่เสิร์ฟอย่างอเลนเท่านั้นที่ได้ฟัง

            แล้วถ้าความลับสูงขึ้น จะมีแค่คนที่เกี่ยวพันธ์ทางสายเลือด เช่นภรรยาของบารอน รวมไปถึงเหล่าลูกๆ ในกรณีอย่างนี้ มีบ้างบางครั้งที่อเลนโดนบอกให้ออกไปจากห้องรับประทานอาหาร

            แล้วถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับระดับสูง จะไม่ใช่ห้องรับประทานอาหาร แต่จะใช้ห้องประชุมที่อยู่ข้างๆห้องสมุดของบารอน โดยจะมีบารอน, พ่อบ้าน และหัวหน้ากลุ่มอัศวินคุยกัน โดยเวลานั้นจะห้ามเข้ามาที่โถงทางเดินเลย

            ฟังอัศวินพูดในระหว่างที่กินอาหารกลางวันตรงห้องรับประทานอาหาร

            “แล้ว เรื่องที่มังกรขาวเคลื่อนที่มันยังไงกัน?”

            “ครับ! จากรายงานของปาร์ตี้นักผจญภัยภัยพายุเขี้ยวเงิน จู่ๆ มันหายไปจากที่ที่เคยอาศัยอยู่ตรงเทือกเขามังกรขาว หลังจากนั้นพอลองเดินไล่หาอยู่ 3 วันก็ยังหาไม่เจอ เลยกลับมาที่เมืองเพื่อรายงานให้ทราบก่อนครับ!”

            “โอ้ววววว! ในที่สุดก็เคลื่อนที่สักที นะ นานมากเลยนะ!!”

            ทั้งที่อยู่ระหว่างกินข้าว แต่บารอนก็ลุกขึ้นยืนอย่างยินดี มือที่กำสั่นสะท้าน คงรู้สึกปลาบปลื้มอย่างมาก

            “ขณะนี้ ตั้งใจจะออกคำร้องขอให้พายุเขี้ยวเงินที่กลับมาถึงเมืองออกไปสำรวจอีกครั้ง ขอจบการรายงานแต่เพียงเท่านี้ครับ”

            หัวหน้ากลุ่มอัศวินบอกให้ออกไปได้ ทำให้อัศวินที่มารายงานออกจากห้องรับประทานอาหาร

            “งั้นเหรอ เคลื่อนที่แล้วสินะ หลังจากนี้ต้องตรวจสอบว่าสภาพของสถานที่ขุดมิธริลเป็นอย่างไรบ้าง”

            เป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายที่อยู่ของมังกรขาวในรอบ 100 ปี กับยังไม่รู้สถานที่อยู่ตอนนี้

            “หา! แต่ว่า ยังไม่ทราบว่ามังกรขาวไปอยู่ที่ไหน ก่อนอื่นควรจะเร่งตรวจสอบที่อยู่ใหม่ของมันก่อนครับ”

            “เข้าใจแล้ว แต่การขุดมิธริลเป็นหน้าที่ของแคว้นข้า ควรจะรีบตรวจสอบสภาพของเมืองเร็วๆด้วย”

            หัวหน้ากลุ่มอัศวินให้ความสำคัญกับการตรวจสอบที่อยู่ของมังกรขาว สำหรับบารอนอยากจะรีบๆเปิดการขุดมิธริลที่ไม่ได้ทำมานานกว่า 100 ปีเร็วๆ 

            “หมายความว่า ต้องล่ามอนสเตอร์ที่อยู่ระหว่างทางไปเหมืองด้วยใช่ไหมครับ?”

            “ใช่แล้วครับท่านมิไฮ ถ้าหากทราบว่ามังกรขาวไม่ได้อยู่ทางดินแดนของบารอนแล้วละ จำเป็นต้องไปยืนยันความปลอดภัยของเหมืองทั้ง 4 แห่งอยู่ครับ”

            “ผมยังมีเวลาพักอยู่ จะช่วยด้วยก็แล้วกันครับ”

            “ไม่ได้หรอกครับ อาจจะบังเอิญเจอกับมังกรขาวก็ได้ ต้องให้ความสำคัญกับท่านมิไฮเป็นอันดับแรกครับ”

            ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มอัศวินจะไม่อนุญาตให้มิไฮเข้าร่วมการสำรวจ คงลงความเห็นว่าถ้ามิไฮบังเอิญเจอกับมังกรขาวมันจะอันตรายเกินไป

            (จะว่าไป เชิงเทือกเขามังกรขาว ก็อบลินกับออร์คสร้างหมู่บ้านอยู่ด้วยหรือเปล่านะ?)

            อเลนนึกถึงเรื่องที่ได้ยินจากเรเวนในขณะที่ฟังการสนทนา

            เชิงเทือกเขามังกรขาวมีป่าทึบอยู่ อเลนโดนมาด้ากัลชูไล่ไปจนถึงตรงนั้น ซึ่งมันเป็นป่าที่ลึกจริงๆ

            ป่านั้นมีหมู่บ้านของก็อบลินกับออร์คอยู่ จากการพูดของเรเวน รังของก็อบลินระดับ D จะมีก็อบลินขั้นสูงระดับ C อยู่ด้วย รังของออร์คระดับ C เองก็เช่นกัน จะมีขั้นสูงระดับ B อยู่ จากกำลังการขยายพันธ์ที่สูง ทำให้ก็อบลินและออร์คล้นออกมาจากเชิงเทือกเขามังกรขาวและเคลื่อนตัวมาจนถึงเมืองแกรนเวล

            มีพูดกันอีกว่าถ้าผ่านป่านั้นไป แถวหน้าดินของเทือกเขาจะมีรังของมดเกราะอยู่ โดยแต่ละรังจะมีมดเกราะจำนวนนับไม่ถ้วน กับขั้นสูงอย่างราชินีมดเกราะอยู่ด้วย

            ก็อบลินและออร์คที่ออกจากหมู่บ้านจะมาโจมตีชาวบ้านและคนเดินทาง ในกรณีที่มีจำนวนมากจะมาขอความช่วยเหลือที่เมือง ถ้าอย่างนั้นแล้วไม่ใช่แค่นักผจญภัย แต่กลุ่มอัศวินเองจะออกไปประจำการด้วย

            (อย่างนี้นี่เอง เอาละ จะยอมให้กลุ่มอัศวินมาตัดหน้าจัดการหมู่บ้านของก็อบลินกับออร์คไม่ได้)

            อเลนคิดว่าจะให้กลุ่มอัศวินแย่งค่าประสบการณ์ที่สำคัญนี้ไปไม่ได้

            ผลการสำรวจหลังจากนั้นหลายเดือนทำให้ทราบว่า มังกรขาวได้เคลื่อนที่ออกจากแคว้นของบารอนแกรนเวลไปแล้ว

            จุดหมายปลายทางคือฝั่งดินแดนของไวเคานต์คาร์เนล

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset