ตู้ม!
ชั้นฟ้าชั้นดินถูกฉีกผ่าน แม่น้ำสีเงินก็พุ่งเข้าปะทะกับพายุทอร์นาโดสีดำขาวในเวลาต่อมาภายใต้สายตาตกตะลึงมากมายที่จ้องมอง
ในช่วงเวลาที่เกิดการปะทะกัน คลื่นกระแทกที่อธิบายไม่ได้ก็กวาดออกมาบนพื้น มีเพียงภูเขาสีแดงเข้มเท่านั้นที่ยืนยงอยู่ได้โดยไม่ขยับเขยื้อน ส่วนสรรพสิ่งรอบด้านทั้งหมดถูกทำลายจากคลื่นกระแทกนี้…
ทุกคนจ้องเขม็งไปที่จุดปะทะ มิติกำลังถล่มลงมา แม่น้ำสีเงินแตกสลายอย่างรวดเร็ว คลื่นกระแทกหลิงอันน่าทึ่งพุ่งออก
ภายใต้คลื่นกระแทกที่น่ากลัว แม้แต่ความเร็วในการหมุนรอบของพายุทอร์นาโดสีดำขาวก็ช้าลง ชัดว่าหมดพลังโดยสายธารสีเงินนี้
แม่น้ำสีเงินลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจพลังรวมหลากหลายของมู่เฉินก็หมดลง…
ชี่ ชี่!
สายธารเชี่ยวกรากแตกออกเป็นประกายไฟ
แต่เมื่อสายธารหายไปพายุทอร์นาโดก็ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดและค่อยๆ ช้าลง ขณะนี้มันดูเหมือนเป็นลมหมุนสีดำขาวเท่านั้น
แกร็ก
ทันใดนั้นรอยแตกก็ปรากฏขึ้นและกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พายุทอร์นาโดจะแตกสลาย ภายใต้สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วน…
“เขา…ต้านไว้ได้…”
เสียงตะลึงใจดังที่ด้านนอกเจดีย์พร้อมกับความไม่เชื่อในฉายบนใบหน้าทุกคน ด้วยพลังของหมัวเฮอโยวบวกกับทักษะเทพ เขาแทบจะอยู่ยงคงกระพันภายใต้ระดับเทียนจื้อจุนขั้นเซิ่ง แต่ไม่คิดว่ามู่เฉินจะสามารถต้านทานไว้ได้
บนบัลลังก์ใบหน้าของหมัวเฮอเทียนก็เขียวคล้ำกับฉากนี้พร้อมกับสาดสายตาน่ากลัว ผู้อาวุโสเผ่าหมัวเฮอก็เต็มไปด้วยความไม่เชื่อกับภาพความจริงอันโหดร้าย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจเชื่อ แต่ความจริงก็อยู่ตรงหน้า
“ลูกชายเจ้าน่าเกรงขามจริงๆ…” ฝูถูเฉวียนอึ้งไปก่อนจะถอนหายใจ
ชิงเหยี่ยนจิ้งก็มีอาการตกใจบนใบหน้า ชัดว่าบุตรชายทำเกินความคาดหมายไปไกล แต่เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมของฝูถูเฉวียน นางก็อดยิ้มกว้างไม่ได้
“เป็นไปได้ยังไง…”
สายตาของหมัวเฮอโยวมืดครึ้ม เส้นเลือดปูดโปนบนหน้าผาก กระบวนท่าของเขาครั้งนี้สามารถเอาชนะจอมยุทธ์อย่างเยี่ยฉิงได้ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรมู่เฉินได้?!
“ไอ้เวร!” หมัวเฮอโยวกำมือแน่นจนเสียงกระดูกลั่นเปรียะ ย้อนกลับไปที่เผ่าฝูถูมู่เฉินต้องอาศัยค่ายกลเพื่อเอาชนะตระกูลมั่วและเฉวียน แต่ในเวลาเพียงปีสองปีเขาก็สามารถเผชิญหน้ากับการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของตนได้แล้ว
ขณะที่แววตาของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไป ใบหน้าของมู่เฉินก็ซีดลง ทว่าเขาก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่หมัวเฮอโยวด้วยสีหน้าสงบ “ยังจะสู้ต่ออีกไหม?”
ประกายเย็นเยือกกะพริบในดวงตาของหมัวเฮอโยวพร้อมกับคลื่นหลิงพวยพุ่งขึ้นรอบตัว แม้ว่าเขาจะใช้พลังงานไปอย่างมากกับกระบวนท่าสุดยอดนั่น แต่เขาก็เป็นจอมยุทธ์ขุมพลังเทียนจื้อจุนขั้นเซียนระยะปลายสุด มีพลังหลิงหนาแน่น ดังนั้นจึงยังมีพลังต่อสู้อยู่
ตู้ม!
ขณะที่หมัวเฮอโยวคิดจะต่อสู้อยู่ๆ เสียงดังแสบแก้วหูก็สะท้อนออกมา จากนั้นเขาก็ต้องหดตาลงมองไปที่ภูเขาสีแดงเข้มที่ยุบลงพร้อมกับเสาแสงขนาดมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า…
ในเสาโบราณมีร่างคลุมเครือซึ่งทำให้แววตาของหมัวเฮอโยวกระจายไปด้วยความโลภ
“ร่างมหาเทพนิรันดร์!”
หมัวเฮอโยวรู้สึกว่าหัวใจตนเองเต้นแรงจากนั้นก็กวาดตามองมู่เฉินไม่สนใจอีกต่อไป เขาทะยานออกไป มองไปที่เสาโบราณด้วยดวงตาลุกโชน
มู่เฉินมองหมัวเฮอโยวจากไป กำปั้นที่กำแน่นก็คลายออก ใบหน้าที่ดูนิ่งสงบก็แอบโล่งใจนิดๆ เนื่องจากตอนนี้ร่างกายแทบจะหมดพลัง ตัวเขาไม่มีพลังที่จะต่อสู้กับหมัวเฮอโยวอีกแล้ว
ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับมหาภัยพิบัติไร้ขอบเขตของหมัวเฮอโยว เขาได้ใช้พลังงานทุกหยาดหยดในร่างกายเลยทีเดียว
ถ้าเมื่อครู่หมัวเฮอโยวเปิดการโจมตีอีกครั้ง เขาก็ทำได้แค่ถอยหนี แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะสูญเสียสิทธิ์ในการคว้าร่างมหาเทพนิรันดร์ไป
โชคดีที่ร่างมหาเทพนิรันดร์ปรากฏตัวขึ้นพอดี ทำให้หมัวเฮอโยวไม่สนใจเขาอีกต่อไป
“ตัวข้าเองก็ประเมินหมัวเฮอโยวต่ำไป แม้ว่าข้าจะบรรลุระดับเทียนจื้อจุนขั้นหลิงระยะปลายแต่ถ้าสู้กันก็ได้แค่เสมอ ถ้าต้องการเอาชนะคงต้องก้าวเข้าสู่ขั้นเซียน”
มู่เฉินถอนหายใจพลางโยนของเหลวจื้อจุนหลายล้านหยดและกลืนกินเข้าไป เจดีย์พุทธะที่สถิตในร่างก็กำจายรัศมีพร้อมกับความสดใส ขณะที่กลั่นและดูดซึมอย่างรวดเร็ว…
สัมผัสได้ถึงคลื่นหลิงในร่างกายที่ค่อยๆ ฟื้นตัว มู่เฉินก็เริ่มผ่อนคลายร่างกายที่ตึงเครียด เขาพลิ้วตัวลงบนเนินเขาที่ไกลออกไป
เขากวาดสายตามองก็เห็นว่านอกจากหมัวเฮอโยวแล้ว เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางที่ยังคงรักษาระยะห่างต่อกันไว้ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนไม่มีใครเหนือกว่าใครได้
เมื่อรู้สึกถึงการมาถึงของมู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางก็จ้องมองอย่างอัศจรรย์ใจ เนื่องจากพวกเขาเห็นการต่อสู้ก่อนหน้าอยู่ ดังนั้นในดวงตาพวกเขาจึงมีร่องรอยของความเคร่งเครียดและความครั่นคร้าม
“ในที่สุดร่างมหาเทพนิรันดร์ก็ปรากฏขึ้นแล้วสินะ?”
มู่เฉินเงยหน้าขึ้นมองไปที่เสาขนาดมหึมาที่เอิบอาบไปด้วยกลิ่นอายโบราณและลึกลับ ภายในเสาสามารถมองเห็นร่างเงาโบราณได้อย่างคลุมเครือ
เมื่อเห็นร่างเทห์สวรรค์ในตำนาน ร่างกายของมู่เฉินก็สั่นสะท้าน ร่างเทพสุริยะนิรันดร์ปรากฏขึ้นด้านหลังราวกับว่าถูกดึงดูดโดยสิ่งที่ไม่อาจต้านได้
มีร่องรอยของความตื่นเต้นในดวงตาของมู่เฉิน
แม้แต่อีกสามคนก็พลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น มากจนจุดอากาศได้เลยทีเดียว
ที่ด้านนอกเจดีย์เงียบกริบ ทุกคนจ้องมองไปที่เสาโบราณพร้อมกับดวงตาลุกโชน นั่นคือร่างมหาเทพนิรันดร์ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าร่างมหาเทพปฐมกาลแห่งมหาพันภพ ใครก็ตามที่ได้รับไปจะกลายเป็นยอดยุทธ์แห่งมหาพันภพอย่างไม่ต้องสงสัย
ครืนๆๆ!
ท่ามกลางสายตาลุกโชนมากมาย เสาขนาดมหึมาคงอยู่เป็นเวลานานก่อนที่จะเริ่มหดลง โดยมีร่างเงาโบราณนั้นเป็นศูนย์กลาง…
ราวกับว่าร่างโบราณนั้นกำลังดูดซับคลื่นหลิงที่บรรจุอยู่ในเสา
เสาหดตัวลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถูกดูดซับโดยร่างโบราณนั้นทั้งหมด ยามนี้ร่างเงาภายในก็เผยให้เห็นอย่างชัดเจนภายใต้สายตาของทุกคน
ดวงตาแต่ละคู่เบิกกว้าง เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นร่างมหาเทพนิรันดร์ของจริง
ขณะที่ทุกสายตาจ้องมองไป ภาพเงาที่สูงประมาณสิบจั้งก็ยืนขึ้นระหว่างฟ้าดิน มันมีสีทองเข้มที่มีริ้วรอยด่างดำราวกับว่าผ่านการศึกสงครามมานับล้านครั้ง
บนร่างกายมีลวดลายตามธรรมชาติ ทุกลายมีความลึกซึ้งและพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้
แม้จะไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนที่ทำให้หัวใจเต้นแรง
“นี่หรือร่างมหาเทพนิรันดร์?” มู่เฉินมองไปที่ร่างเงานั้นพลางพึมพำด้วยความฉงนสนเท่ห์
วาบ!
ขณะที่เขากำลังสงสัย หมัวเฮอโยวก็กลายเป็นริ้วแสงไปปรากฏตัวเบื้องหน้าร่างเงานั่นเอื้อมมือออกไป “ฮ่าๆ ร่างมหาเทพนิรันดร์ มากับข้า ข้าเป็นเจ้าของคนใหม่ของเจ้า!”
เยี่ยฉิง ทัวป๋าชางและมู่เฉินสีหน้าเปลี่ยนไป ก่อนที่จะทะยานออกไปเช่นกัน
แต่เมื่อมือของหมัวเฮอโยวกำลังจะสัมผัส ร่างสีทองเข้มก็ลืมตาโพลงโดยไม่มีอารมณ์ใดๆ อยู่ภายใน
หลังจากมองไปที่หมัวเฮอโยว มือมันก็ยื่นออกแล้วเหวี่ยงไปที่หมัวเฮอโยว มือช่างดูเหมือนจะไม่มีพลังใดๆ แต่ทำให้มิติในรัศมีหมื่นจั้งพังทลายลง
ใบหน้าของหมัวเฮอโยวเปลี่ยนไปรุนแรงก่อนที่จะส่งเสียงคำรามลึก เขาเร้ากายาหลิงเทียนจุนออกมาและเปิดการป้องกันทันที
ปัง!
แต่การป้องกันทั้งหมดก็ถูกทำลายลงในพริบตา ก่อนที่ฝ่ามือนั่นก็ตบลงบนหน้าอกของหมัวเฮอโยว โดยไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ
อ็อก
เลือดสดกระอักออกมา ร่างหมัวเฮอโยวถูกส่งออกไป วาดรอยยาวบนพื้นเป็นทางยาวหลายหมื่นจั้ง แม้แต่หน้าอกก็ยุบลง
ซี้ด
มู่เฉิน เยี่ยฉิงและทัวป๋าชางหยุดชะงักมองหมัวเฮอโยวที่บาดเจ็บสาหัสก็สูดลมหายใจเย็นเยือก สายตามองไปที่ร่างสีทองเข้มด้วยความตะลึงกลัว
พวกเขาสามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารเบาบางและเย็นจับจิตที่แทรกซึมมาจากร่างสีทองเข้มนั้น
ขณะที่ทั้งสามตกตะลึง ร่างสีทองเข้มก็เงยหน้าขึ้นจับจ้องไปที่พวกเขาก่อนจะอ้าปาก เสียงเครื่องจักรกลไม่แยแสดังก้อง
“อยู่…และรวมกับสถานที่แห่งนี้เถอะ…”
เมื่อเสียงสะท้อนไปทั่ว ทันใดนั้นมันก็ระเบิดกลายเป็นรังสีสีทองพุ่งเข้าหาทั้งสามคน