“ตัดกักวายุ”
หลงเฉินส่งเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาพร้อมกับร่ายดาบยาวในมือไปทางกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างรวดเร็วประดุจสายลมหอบใหญ่ กระแสลมกรระโชกแรกโบกพัดผู้คนนับสิบคนให้ลอยคว้างอยู่กลางอากาศภายในพริบตาเดียว
“อา……”
เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังสนั่นไปทั่วทั่วบริเวณจนทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา ด้วยพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวของคมดาบได้ซัดเหล่ายอดฝีมือของสำนักนรกโลหิตกว่าสิบคนให้ลอยกระเด็นออกไป ยิ่งไปกว่านั้นยังถึงกับบดขยี้จนยอดฝีมือของสำนักนรกโลหิตกลายเป็นชิ้นเนื้อบดไปได้ถึงสองคน
เพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถกดดันเหล่าศิษย์ที่อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายจนต้องถอยร่นออกไปทั้งหมด แม้แต่หลงเทียนเซียวเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะทอดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาอย่างตะลึงลาน
“ซูม”
ดาบยาวถูกยกขึ้นพาดบ่าอย่างเกียจคร้าน ดวงตาคู่คมจับจ้องไปทางศิษย์พี่โล้วอย่างเย็นชาพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างอดสู “สำนักนรกโลหิตของพวกเจ้าช่างโง่งมจนเกินจะเยียวยาแล้ว ด้วยขอบเขตก่อโลหิตตอนต้นของเขาเมื่อก่อนหน้านี้ยังสามารถสังหารน้องชายของเจ้าได้ แล้วตอนนี้พวกเจ้าจะจัดการข้าได้อย่างไรกัน?”
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะมีพลังการฝึกยุทธ์อยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลาย ทว่าหากเทียบกับศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ที่มีโลหิตบริสุทธิ์ของหมื่นสรรพสัตว์แล้วกลับเรียกได้ว่าอยู่คนละระดับชั้นก็เลยก็ว่าได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดยอดฝีมือมีสำนักที่มีพลังการฝึกยุทธ์อยู่ในระดับเดียวกันถึงมีพลังฝีมือแตกต่างกันมาก ฉะนั้นการรับศิษย์ของทางหมู่ตึกพลิกสวรรค์จึงได้เข้มงวดอย่างถึงที่สุด อย่างน้อยผู้คนเหล่านั้นควรจะมีรากปราณตั้งแต่ระดับทองเหลืองขึ้นไปจึงจะสามารถเข้ารับการทดสอบได้
ทว่าหากบุคคลที่มีรากปราณอยู่ในระดับทองเหลืองไปอยู่ในสำนักขนาดเล็กอื่นๆ อย่างสำนักนรกโลหิตก็คงจะกลายเป็นศิษย์สายตรงได้อย่างง่ายดาย
แม้แต่ม่อเนี่ยนผู้ลึกลับที่มีพลังการฝึกยุทธ์อยู่เพียงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนต้นกลับเปี่ยมไปด้วยพลังอันมหาศาลจนสะท้านไปทั่วฟ้าดิน แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายนับพันก็ยังไม่อยู่ในสายตาของคนผู้นั้นเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ปลดปล่อยคมศรออกไปก็สามารถสังหารผู้คนไปได้กว่าหลายร้อยคนแล้ว
หนึ่งดาบที่ได้สะบัดเข้าใส่ทุกผู้คน ก็ได้ทำให้ศิษย์พี่โล้วและพวกทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรนแรง พวกเขาเองก็เคยได้ยินได้ฟังกันมาก่อน ว่าตี้ตี่เขานั้นได้ถูกเด็กน้อยที่มีพลังในขั้นก่อโลหิตสังหาร
แต่เมื่อในเวลานั้นเขายังคิดว่าที่โลกภายนอกจงใจที่จะสร้างเรื่องเพื่อทำให้สำนักนรกโลหิตต้องเกิดความอับอาย จึงได้ปล่อยเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเช่นนี้ขึ้นมา ขณะนี้หลงเฉินเมื่อได้ลงมือพวกเขาเองก็แทบที่จะเชื่อว่าต้องเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว
“ความโง่เขลาของพวกเจ้านั้นไม่ใช่ความผิดที่หนักหนา ทว่าการที่พวกเจ้าหมายหัวคนข้างกายของข้านั่นคือความผิดอย่างมหันต์ ถึงกับหยิบยืมมือของศิษย์ฝ่ายอธรรมเพื่อล้างแค้นเรื่องส่วนตัว หมายจะเอาชีวิตของข้าและท่านพ่อ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในเมือง
ด้วยจิตใจที่โหดเหี้ยมอำมหิตของพวกเจ้ายังกล้าเรียกตัวเองว่าฝ่ายธรรมะอย่างนั้นหรือ? ทั้งยังกล่าวหาข้าว่าเป็นสายลับของฝ่ายอธรรมอีก ดูไปแล้วพวกเจ้ายังโหดร้ายกว่าฝ่ายอธรรมเป็นอย่างยิ่ง”
หลงเฉินด่าทอขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด จิตสังหารอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวพุ่งพล่านขึ้นมาไม่หยุด ผู้คนกลุ่มนี้ช่างไร้ค่าเสียยิ่งกว่าผักปลาในตลาดเสียอีก
“เจ้าตัวบัดซบ กล้ากล่าววาจาไร้สาระจนทำให้ข้าเสื่อมเสียเกียรติอย่างนั้นหรือ! สังหารพวกมันให้หมด!”
ศิษย์พี่โล้วสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วปะทุพลังสภาวะทั้งหมดขึ้นจนถึงขีดสูงสุด เมื่อได้พบพานกับการลงมือของหลงเฉินเมื่อครู่นี้แล้วก็ตระหนักได้ว่าหากไม่ใช้พลังทั้งหมดออกมาก็คงจะไม่สามารถจัดการหลงเฉินได้เลย เป็นเพียงเด็กน้อยที่อยู่ในขอบเขตก่อโลหิตเท่านั้น ทว่ากลับมีพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
กระบี่ยาวในมือของศิษย์พี่โล้วกวัดแกว่งไปมาอย่างบ้าคลั่งจนคมกระบี่ปรากฏประกายแสงสีดำทมิฬขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัดว่าเป็นทักษะยุทธ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาที่ใช้ออกมาเพื่อสังหารหลงเฉินโดยเฉพาะ
หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมา พวกเขาคงคิดที่จะฆ่าปิดปากพวกเขาสองพ่อลูกสินะ เหอะ บุคคลเช่นนี้คงหมดหนทางที่จะเยียวยาอย่างถึงที่สุดแล้วจริงๆ
“หึ่ง”
บนร่างกายของหลงเฉินมีพลังสภาวะประหลาดปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น ภายในจุดดารากักวายุเกิดการไหลเวียนพลังลมปราณขึ้นมาอย่างรวดเร็วประดุจห้วงมหาสมุทรโหมกระหน่ำอย่างไรอย่างนั้น
“ตูม”
มือข้างใหญ่ฟาดดาบยาวเข้าไปที่กระบี่ของศิษย์พี่โล้วอย่างหนักหน่วง การลงมือในขณะนี้ไม่ใช่ทักษะยุทธ์แต่อย่างใด เพียงแต่เป็นพลังคมดาบอันน่าหวาดกลัวก็เท่านั้น ทว่าด้วยพลังคมดาบนี้ถึงกับสามารถทำให้กระบี่ยาวของคนผู้นั้นแตกละเอียดเป็นประกายเหล็กกล้าไปในทันที
จากนั้นพลังสภาวะที่น่าหวาดกลัวก็พุ่งเข้าไปที่หน้าอกของศิษย์พี่โล้วด้วยความหนักหน่วงที่ไม่เสื่อมคลายลงไปเลยแม้แต่น้อย
“ฉึก”
คมดาบแหวกเนื้อหนังของบนหน้าอกของศิษย์พี่โล้วจนเกิดเป็นบาดแผลฉกรรจ์ และด้วยพลังสภาวะอันมหาศาลที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ก็ค่อยๆ บดขยี้กระดูกหน้าอกจนเกิดเป็นเสียงดังกร่อบขึ้นมาเป็นสาย
“เอ๊ะ?”
ทว่าทันใดนั้นเองหลงเฉินก็ส่งเสียงร้องขึ้นมาด้วยความแปลกใจ เหตุใดดาบเล่มนี้ถึงไม่อาจแยกร่างของคนผู้นี้ออกเป็นสองเสี่ยงได้? พลันก็ได้เลื่อนดวงตาคู่คมลงไปแล้วก็พบว่าศิษย์พี่โล้วผู้นี้ได้สวมเกราะเอาไว้อยู่
หลงเฉินจึงได้ชักดาบออกแล้วฟาดไปบนร่างของศิษย์พี่โล้วจนลอยกระเด็นออกไป จากนั้นก็ได้ย่างก้าวเข้าไปหาศิษย์ของสำนักนรกโลหิตอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังทอสีหน้าแตกตื่นมองมาที่เขา
“ไม่นะ!”
ชายหนุ่มสองคนถูกดาบยาวของหลงเฉินหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ ภายในจิตใจเกิดอาการแตกตื่นจนวิญญาณแทบจะหลุดออกจากร่างไปในทันที
“พรวด พรวด”
ในขณะที่พวกเขากำลังร่ำร้องขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวอยู่นั้น จู่จู่ก็ถูกดาบยาวหั่นลงมาตรงกลางจนร่างกายแบ่งออกเป็นสองซีกภายในพริบตาเดียว
เหล่าศิษย์ของสำนักนรกโลหิตที่เหลือรอดอยู่ต่างก็ทอแววตาโง่งมขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน คนผู้นี้ถึงกับสังหารยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายไปพร้อมกันถึงสองคนเชียวหรือ? ก่อนหน้านี้ที่ได้สังเกตดูจากตำแหน่งที่ห่างไกลก็สัมผัสได้ว่าพลังในการต่อสู้ของหลงเฉินไม่ได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ทว่าในขณะนี้กลับปะทุพลังขึ้นมามากกว่าก่อนหน้านี้นับสิบเท่าเลยก็ว่าได้
เมื่อนึกมาจนถึงตรงนี้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างก็มีใบหน้าเขียวคล้ำขึ้นมาพร้อมกับหันกายกลับไปเพื่อที่จะวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต ทว่าในขณะที่พวกเขาเพิ่งจะหมุนตัวกลับไปอยู่นั้นก็สัมผัสได้ว่ามีประกายแสงสว่างวาบของคมดาบตัดผ่านเข้ามาที่หว่างเอวของพวกเขาทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว
กระแสโลหิตสีแดงพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าส่งกลิ่นคาวตลบอบอวนไปทั่วทั้งบริเวณจนทำให้จิตใจของผู้คนเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“เจ้าเดรัจฉาน ตายซะเถิด!”
จู่จู่ก็มีเสียงตะโกนที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นมาเป็นสาย เงาร่างแปลกตาปรากฏตัวกลางอากาศอย่างกะทันหันพร้อมกับเงาฝ่ามือขนาดใหญ่ที่ฟาดลงมาทางหลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย พลังฝ่ามือขุมนั้นกดดันหลงเฉินจนทำให้พื้นดินที่อยู่ด้านล่างจมลึกลงไป
ทันทีที่มีปฏิกิริยาคืนกลับมา หลงเฉินก็กวาดดาบยาวในมือเข้าไปต้านรับเงาฝ่ามือนั้นเอาไว้
“เปรี้ยง”
ร่างกายของหลงเฉินเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง บรรยากาศโดยรอบหมุนคว้างจนไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้ จากนั้นร่างของเขาก็ลอยกระเด็นออกไปในทันที ดวงตาคู่คมเพ่งมองไปยังเบื้องหน้าสายตาแล้วก็พบว่าผู้ที่เพิ่งจะมาเยือนนั้นเป็นชายชราที่กำลังทอสีหน้าดุร้าย
“ท่านผู้อาวุโสจ้าว!”
ผู้ที่เพิ่งมาเยือนนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล แท้ที่จริงแล้วก็คือหนึ่งในผู้อาวุโสแห่งสำนักนรกโลหิตที่หลงเฉินเคยพบพานมาแล้วครั้งหนึ่ง——จ้าวเม่าหาง
ศิษย์ของสำนักนรกโลหิตที่รอดชีวิตเกิดอาการลิงโลดขึ้นมายกใหญ่ จากที่เคยคิดจะหลบหนีไปก็ได้หวนกลับมายืนหยัดอยู่ข้างกายของผู้อาวุโสจ้าวเม่าหางแล้วรีบกล่าวว่า “คนผู้นี้เป็นสายลับของฝ่ายอธรรม ลงมืออย่างโหดเหี้ยมอำมหิตกับพวกเรายิ่งนัก ท่านผู้อาวุโสจ้าวโปรดให้ความยุติธรรมด้วย”
จ้าวเม่าหางจับจ้องไปที่หลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย จากนั้นบนใบหน้าอันเหี่ยวย่นของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา “วางใจเถิด ศิษย์ฝ่ายอธรรมย่อมต้องได้รับการพิพากษาที่สมควร ข้าจะเป็นคนทำให้เขาร้องขอชีวิตเอง”
“อีกทั้งศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นี้ก็ได้มีหลงเทียนเซียวคอยให้การสนับสนุนอยู่ นอกจากจะแก้ต่างให้แล้วยังกล่าววาจาเท็จว่าคนผู้นี้เป็นบุตรชายของเขา”
“หลังจากที่ประหารเจ้าตัวเล็กแล้วค่อยประหารเจ้าตัวเฒ่าก็แล้วกัน”
จ้าวเม่าหางกล่าวกับศิษย์ของสำนักแล้วหันกลับมาทางหลงเฉิน “เจ้าหนูฝ่ายอธรรม ยังไม่รีบให้จับกุมอีกหรือ? ข้าพอที่จะมีความเมตตาปราณีอยู่บ้าง หากเจ้าปฏิเสธคงจะต้องกลายเป็นซากศพแล้ว”
หลงเฉินทอแววตาหยามเหยียดไปที่จ้าวเม่าหางแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ช่างโง่งมยิ่งนัก พวกเจ้ามองไม่ออกหรือว่าข้าไม่ชมชอบการละเล่นของพวกเจ้า ทว่าข้าชอบการเข่นฆ่าผู้คนมากกว่า!”
ทันทีที่กล่าวจบ หลงเฉินก็ขยับเท้าข้างหนึ่งออกไปหาจ้าวเม่าหางอย่างรวดเร็ว ดาบยาวที่อยู่ในมือก็ได้หอบสายลมพวยพุ่งออกไป จ้าวเม่าหางส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชาแล้ววาดมือข้างใหญ่ออกไปคว้าปลายดาบของหลงเฉิน ทว่าจู่จู่สภาวะบนดาบของหลงเฉินก็เปลี่ยนทิศทางไปอย่างฉับพลัน
ศิษย์ของสำนักนรกโลหิตที่กำลังมองดูการลงมือของผู้อาวุโสด้วยความยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นก็คิดไม่ถึงว่าดาบยาวเล่มนั้นจะมุ่งหน้ามาที่ตัวเองไปได้
“พรวด”
ดาบยาวตัดผ่านร่างกายของคนผู้นั้นโดยไม่ทันตั้งตัว ประกายอันคมกล้าฟันเฉือนจากไหล่ซ้ายขวางไปทางเอวขวาอย่างหนักหน่วงจนสายโลหิตสาดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
“นี่……เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ศิษย์ของสำนักนรกโลหิตเหลือบมองไปยังร่างกายท่อนล่างที่ยังคงยืนอยู่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ แม้แต่ในขณะที่ได้ตายไปแล้วก็ยังไม่อาจคลายความสงสัยได้เลย
“หาที่ตาย”
จ้าวเม่าหางแผดเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด คิดไม่ถึงว่าหลงเฉินจะกล้าลงมือต่อหน้าเขาได้ ทั้งยังเป็นการกระทำที่กล้าบ้าบิ่นจนเกินไปแล้ว เป็นเพียงเด็กน้อยที่มีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตเพียงคนเดียวยังกล้าใช้วิธีการหลอกล่อต่อหน้ายอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกเช่นเขาได้
การสังหารศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างกายของตนลงไปได้อย่างง่ายดายแทบจะไม่ต่างไปจากการตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขาเข้าฉาดใหญ่
เมื่อเสียงตะโกนค่อยๆ ทอดลงไป พลังกดดันมหาศาลของขอบเขตปรือกระดูกก็ได้ปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด ทั้งยังกระตุ้นพลังทั้งหมดขึ้นมากดดันผู้คนทั้งหมดให้เข้าสู่สภาวะที่ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
ในขณะที่จ้าวเม่าหางทำการปลดปล่อยพลังกดดันออกมานั้น หลงเฉินก็ได้เบิกประสาทสัมผัสทั่วทั้งร่างกายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หากเทียบแรงกดดันของจ้าวเม่าหางกับผู้อาวุโสซุนแล้วเรียกได้ว่ายังห่างชั้นกันมากจนไม่ไร้ซึ่งที่เปรียบ
“ผึง”
วงแหวนแห่งเทพปรากฏขึ้นมาบริเวณด้านหลังของหลงเฉิน และทันทีที่วงแหวนปรากฏตัวขึ้นมาก็ได้สลายสภาวะกดดันรอบข้างเมื่อครู่นี้ไปในทันที
จากนั้นดาบยาวก็ได้ฟันลงไปยังเงาร่างที่กำลังทอสีหน้าตกตะลึงอยู่ ด้วยความเร็วสูงสุดของหลงเฉินก็ได้หลบเลี่ยงการโจมตีของจ้าวเม่าหางไปได้ทุกครั้งแล้วไปปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของศิษย์ที่ยังเหลือรอดอยู่
ทันใดนั้นผู้คนเหล่านั้นก็กระเสือกกระสนทุ่มเทกำลังทั้งหมดไปกับการวิ่งเข้าหาผู้อาวุโสของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าเมื่ออินทรีจ้องที่จะเขมือบลูกไก่แล้วย่อมไม่มีทางหลุดรอดไปจากกรงเล็บอันแหลมคมของมันได้
จ้าวเม่าหางมีจึงได้แต่ตะโกนเสียงดังสนั่นด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้วจ้องมองหลงเฉินที่ยังสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติ ทั้งยังมองดูศิษย์ที่อยู่รอบข้างถูกสังหารไปทีละคน
“พรวด”
ศิษย์ผู้หนึ่งหลุดรอดไปจากการคุ้มครองของ ‘แม่ไก่’ ไปได้จึงได้ถูกสังหารอย่างไรความปราณี และในขณะนี้ก็มี ‘ลูกไก่’ อยู่ข้างกายของแม่ไก่เพียงสองตัวเท่านั้น
“มารดาเจ้าเถิด”
หลงเฉินร้องเสียงหลงขึ้นมาด้วยความตกใจ จ้าวเม่าหางถึงกับเดือดดาลขึ้นมาจนบ้าคลั่งแล้วออกแรงฟาดฝ่ามือไปที่ลูกไก่ทั้งสองตัวที่ยืนหลบอยู่ข้างกายจนตายคาฝ่ามือ
ในเมื่อไม่มีศิษย์ให้คอยปกป้องแล้ว จ้าวเม่าหางก็ไม่จำเป็นที่จะต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป ดวงตาของชายชราราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรง ใจกลางฝ่ามือทั้งสองปกคลุมด้วยสภาวะโลหิตอันแปลกประหลาดฟาดเข้ามาที่หลงเฉินอย่างหนักหน่วง
“ตายไปซะ”
พลังทำลายของฝ่ามือทั้งสองข้างทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นอย่างรุนแรง บรรยากาศรอบด้านเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างวุ่นวาย นี่คือพลังสภาวะทั้งหมดของขอบเขตปรือกระดูกผู้หนึ่งเลยก็ว่าได้
หลงเฉินสูดลมหายใจเข้าลึก ทั่วทั้งร่างก็ได้มีพลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หยาดโลหิตภายในร่างกายเกิดเสียงระเบิดดังโครมครามประดุจกองทัพนับหมื่นกำลังเคลื่อนทัพอยู่กลางสนามรบ
“ผึง”
ทันใดนั้นดาบยาวในมือของหลงเฉินก็ทอประกายแสงสีทองเจิดจ้าขึ้นมา อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยสภาวะที่สามารถแยกผืนพสุธาออกจากกันได้เลยทีเดียว
หลงเฉินแสยะยิ้ม มือทั้งสองกุมดาบยาวจนแน่นแล้วหันประกายคมกล้าไปที่จ้าวเม่าหางอย่างรวดเร็ว