เธอมองไปยังเหวินเสี่ยวจี้ด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนจะสารภาพออกมาอย่างกินใจ ” คุณคือหน้าต่างบานนั้นที่พระผู้เป็นเจ้าเปิดไว้ให้ฉัน ”
เวลานี้พิธีกรก็พูดตอบรับขึ้นมา ” สาวๆคู่นี้ช่างลึกซึ้งเสียจริง คำพูดแสดงความรู้สึกนี้ ทำให้ผมซึ้งไปหมดแล้ว ขอให้ทั้งสองถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร รักกันกลมเกลียวตลอดไปนะครับ ”
ผู้คนที่นั่งฟังอยู่ข้างล่างก็จับมือกันอย่างครึกครื้น
เมื่อพิธีจบลงแล้ว เหวินเสี่ยวจี้กับเฉินชือหานก็เดินลงมา แขกเหรื่อต่างพากันทำกิจกรรมอิสระตามใจตัวเอง ด้านข้างมีอาหารรสเลิศ เค้กและเครื่องดื่มที่เป็นเหล้าต่างๆ ให้ทุกคนได้รับประทาน
พวกเขาทั้งครอบครัวเดินมาทางหลินซินเหยียน
หลี่จิ้งพูดทักทายอย่างเป็นกันเอง ” ฉันดีใจมากนะ ที่พวกเธอมา ”
หลินซินเหยียนยิ้มและพูดว่า ” ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันต้องมาอยู่แล้ว ”
” ไม่ไปนั่งในบ้านสักหน่อยล่ะ ข้างนอกมันร้อนเกินไปไหม? ” เหวินชิงถามด้วยความเป็นห่วง
หลินซินเหยียนอยากจะปฏิเสธ เพราะจงจิ่งห้าวบอกว่าเมื่อพิธีจบพวกเขาก็จะกลับทันที เพราะไม่อยากให้เธออยู่ข้างนอกนานนัก แต่ไม่เห็นพวกเขาโอบล้อมเธอ แล้วยังทำตัวดูเป็นมิตรและกระตือรือร้นแบบนี้อีก ก็เลยพยักหน้ารับ
เธอพยุงตัวกลับแขนที่จงจิ่งห้าวยื่นให้จับ แล้วเดินเข้าไปช้าๆ
เป็นเพราะเมื่อก่อนทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราว ตอนนี้ความรู้สึกที่เป็นความแค้นแต่เก่าจะสลายไปก็ต้องใช้เวลา จะให้สนิทชิดเชื้อภายในเวลาสั้นๆคงทำไม่ได้
คำพูดที่ใช้อาจจะดูห่างเหินไปบ้าง
เฉินชือหานรินน้ำให้เธอหนึ่งแก้ว นั่งข้างนอกมาสักพักใหญ่ ตอนนี้ก็เลยรู้สึกกระหายน้ำ
หลินซินเหยียนรับน้ำแก้วนั้นมาแล้วพูดว่า ” ขอบใจจ้ะ ”
” ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ” เฉินชือหานยิ้มๆ
หลินซินเหยียนดื่มน้ำไปสองอึก ก็หันหน้าไปถามจงจิ่งห้าว” คุณไม่อยู่น้ำเหรอ? ”
จงจิ่งห้าวส่ายหัว
เหวินเสี่ยวจี้ก็พูดกับเขาว่า” หลังจากที่ผมเข้ากองทัพแล้ว ก็ได้เรียนรู้อะไรมากมาย เลยรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนหน้านี้มาก ”
รู้สึกตัวเองทำผิดพลาดมากที่มัวแต่ประชดเหวินชิง เขาก็เลยไปเป็นดารา
ถ้าพูดถึงความชอบ เขาก็ไม่ได้ชื่นชอบอาชีพอย่างการเป็นดาราเท่าไหร่ แต่เป็นเพราะเหวินชิงไม่ชอบ เขาก็เลยไปทำ
ตอนนี้พ่อคิดทีไรก็รู้สึกว่านี่มันคือเรื่องการกระทำของเด็กยังไม่รู้จักโตไม่ใช่เหรอ?
” ถ้าเมื่อก่อนผมเชื่อฟังในสิ่งที่เขาจัดวางไว้ให้ ตอนนี้อะไรๆก็คงเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว ”
เหวินเสี่ยวจี้ในตอนนี้ได้เติบโตขึ้นแล้ว ไม่ได้เป็นเด็กผู้ชายที่เอาแต่ทำอะไรตามอำเภอใจของตัวเองอย่างเมื่อก่อน เขาโตเป็นชายหนุ่มอย่างแท้จริง จงจิ่งห้าวพูด ” ตอนนี้ก็ไม่สายหรอก ”
หวังว่าเขาจะสามารถออกไปเผชิญโลกที่เป็นของเขาเอง
เหวินเสี่ยวจี้ยิ้ม นี่คือสิ่งที่จงจิ่งห้าวยืนยันกับเขา
เรียกได้ว่าเป็นกำลังใจก็คงไม่ต่าง
เหวินชิงกับหลี่จิ้งกำลังรับแขกไม่ห่างจากตรงนี้นัก ไม่ช้าไม่เร็วคงจะเดินมาดูตรงนี้ด้วยเช่นกัน เห็นพวกเขากลับมาปรองดองกันอย่างเป็นมิตร ในใจก็พลอยเป็นสุขไปด้วย
” วันนี้เป็นวันมงคลของพวกเธอ อย่าเอาแต่ขลุกอยู่ตรงนี้เลย ไปต้อนรับแขกคนอื่นบ้างเถอะ ” หลินซินเหยียนพูด
“ไม่จำเป็นหรอก ” เหวินเสี่ยวจี้ยิ้มแล้วพูดต่อ ” คนที่มางานนี้ส่วนมากก็สนิททั้งนั้น คงไม่ติดใจอะไร ”
เฉินชือหานพูดเสริมขึ้นมา ” ใช่แล้ว นอกจากเป็นญาติ เครื่องทั่วไปก็เป็นเพื่อนที่ร่วมรบจากกองทัพทั้งนั้น พวกเขาคงไม่ตำหนิติเตียนอะไร พวกเราสิถึงจะถูก ไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเท่าไหร่ ”
” ใช่เลย เมื่อไหร่จะคลอดคะเนี่ย? ถ้าถึงเวลาฉันกลับเสี่ยวจี้จะลางานปเยี่ยมคุณนะคะ ”
หลินซินเหยียน ” อีกไม่กี่วันแล้วค่ะ ”
” จริงเหรอ? งานแต่งฉันกับเสี่ยวจี้ก็คงใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ ไม่แน่รีบไปอาจจะทันอยู่นะ “เฉินชือหานมองท้องของหลินซินเหยียน ” ยังไม่รู้เลยว่าเป็นผู้ชายหรือเป็นผู้หญิง ”
” ลูกชายหรือลูกสาวฉันก็ชอบทั้งหมดแหละค่ะ ” หลินซินเหยียน จะยังไงเด็กคนนี้ก็เป็นลูกของเธอ
หลินซินเหยียนอยากจะไปห้องน้ำ เธอจึงดึงชายเสื้อของจงจิ่งห้าว ” ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำ ”
เฉินชือหานพูด ” ฉันพยุงคุณไป…… ”
แต่จงจิ่งห้าวก็ลุกพรวดขึ้นมา ” ผมพยุงเธอไปเอง ”
หลินซินเหยียนยิ้มแล้วพูดว่า ” พวกคุณไปรับแขกเถอะ ” ที่จริงที่เธอพูดประโยคนั้นออกมา เป็นเพราะเธออย่าไปเข้าห้องน้ำแล้ว
พอมาถึงเดือนนี้ มดลูกก็เริ่มกดทับกระเพาะปัสสาวะ หญิงท้องก็จะต้องเข้าห้องน้ำหลายครั้งต่อวัน
” ห้องน้ำอยู่ทางนี้นะคะ ” เฉินชือหานชี้ไปตรงทางเดินด้านขวา
หลินซินเหยียนยิ้มแล้วพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
ถ้าเดินด้วยความเชื่องช้า เมื่อถึงประตูห้องน้ำแล้ว จงจิ่งห้าวก็เข้าไปด้วยไม่ได้ เธอจึงต้องเข้าไปด้วยตัวเอง จงจิ่งห้าวย้ำกับเธอว่าให้เดินช้าๆ
หลินซินเหยียนพยักหน้า เธอรู้ตัวของเธอดี ดังนั้นก็เลยต้องระวังเป็นพิเศษ เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จแล้วก็ออกมาล้างมือ พอจะเดินออกมาข้างนอกก็มีคนเดินสวนเข้ามา เหมือนคนคนนั้นจะเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อนไม่ทันได้ระวังเธอ จึงชนเข้าเต็มเปา
ยังดีที่เธออยู่ห่างจากอ่างล้างมือไม่มาก จึงเอามือไปพยุงไม่ให้ลมไม่ได้ทัน ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ตั้งใจ เมื่อพูดขอโทษเสร็จก็รีบเดินออกจากห้องน้ำไป
หลินซินเหยียนเมื่อออกมาจากประตูแล้วก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาแปลกๆ เธอเอามือพยุงกำแพงไว้ เหมือนมีอะไรเกิดขึ้นกับท้องของเธอ ” จิ่งห้าว…….. ”
ในระหว่างที่จงจิ่งห้าวกำลังรอเธออยู่ ก็ได้รับสายสายหนึ่งจากบริษัท กวนจิ้งไม่อยู่ ธุระทั้งหมดเลยต้องผ่านมือของเขาเอง เขาเดินเอาไปไม่กี่ก้าว แล้วหันหน้าไปทางนอกหน้าต่าง เลยไม่ทันได้สังเกตว่าหลินซินเหยียนออกมาแล้ว
นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกปวดท้องเหมือนตอนคลอดลูก ที่ปวดเริ่มแรกแล้วค่อยๆบรรเทาลง มันจะเป็นแบบนี้ทีละนิดทีละขั้น เมื่อถึงจุดที่ปวดมาก นั่นก็แสดงว่าใกล้จะคลอดแล้ว
เธอเคยมีประสบการณ์การคลอด แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน พอปวดก็ปวดขึ้นมาจนแทบยืนไม่ไหว สองขาสั่นไปหมด
” จิ่งห้าว…… ”
เธอเห็นอยู่แล้วว่าจงจิ่งห้าวยืนอยู่ตรงนั้น
จึงตะโกนเรียกเขาด้วยเสียงแหบแห้ง
จงจิ่งห้าวหันกลับมาเมื่อเห็นสภาพเธอที่ดูปวดท้องอย่างหนัก เขาพูดตกลงตามนั้นหนึ่งประโยคแล้วก็วางสาย จากนั้นก็รีบเดินมา
ยกมือขึ้นมาประคองไหล่เธอไว้ ” ปวดท้องเหรอ? ”
หลินซินเหยียนปวดจนแทบจะชักออกมา ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นขาวซีด ใบหน้าเริ่มเขียว ” ฉัน…ปวดมาก…. ”
จงจิ่งห้าวอุ้มเธอขึ้นแล้วรีบสาวเท้าเดินออกไปด้านนอก
ในโถงใหญ่เหวินเสี่ยวจี้กับเฉินชือหานกำลังพูดคุยกับเพื่อนอยู่ เมื่อเห็นว่าจงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนเดินออกมา
เหวินเสี่ยวจี้ก็พูดว่า ” ข้างนอกมีเหล้าพวกนายกินกันตามสบายเลยนะ ”
พอเพื่อนรู้ว่าเขามีเรื่องต้องจัดการ ก็พูดขึ้นว่า ” วางใจเถอะ พวกกูไม่ต้องรอให้มึงแนะนำหรอก จะกินให้กลับไม่ไหวเลยคอยดู ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะหาเหล้ากินได้ ไม่ต้องให้มึงพูด กูก็จะชนกันสามยกให้แก้วแตกไปกันไปเลย ”
” มีเลือด ”
เฉินชือหานเห็นจากที่จงจิ่งห้าวอุ้มหลินซินเหยียนออกมา มีเลือดหยดลงมาตามขาของเธอ