ฉินยาประคองซูจ้านไว้แล้วก็กดกริ่ง ท่านย่าขาไม่ดี นั่งอยู่บนเก้าอี้เข็นจึงขยับตัวไม่สะดวก เฉินเสว่จึงได้มาเปิดประตู
เมื่อบ้านมีคนแปลกหน้า ซูจ้านจึงได้ถามขึ้น “เธอเป็นใคร”
ฉินยาจึงตอบกลับ “คนใหม่ที่มาดูแลคุณย่า”
ซูจ้านจึงเข้าใจ แล้วก้าวเท้าเดินเข้ามา
ซูจ้านกลับมาท่านย่าดีใจมาก “รีบเข้าไปนอนในห้องเร็ว”
ซูจ้านไม่ได้ไปในทันที แต่กลับมองท่านย่าแล้วกล่าวว่า “คุณย่าครับผมมีเรื่องจะคุยกับคุณย่า”
ท่านย่าที่อารมร์ค่อนข้างดี จึงกล่าวขึ้น “มีเรื่องอะไร”
ซูจ้านนำใบทะเบียนสมรสให้เธอดู “ผมคืนดีกับฉินยาแล้ว ไปจดทะเบียนสมรสด้วยกันมา ต่อไปพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน เมื่อก่อนคุณย่าชอบเสี่ยวยามาก ผมคิดว่าต่อไปคุณย่าก็จะทำเหมือนเดิมได้”
ท่านย่ากล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว”
เธอหันหน้าไปมองฉินยา “เธอดูแลซูจ้านอยู่ที่โรงพยาบาลจะต้องเหนื่อยมาก รีบนั่งพักก่อน”
“เสี่ยวเสว่ ไปรินน้ำชา” เฉินเสว่กระฉับกระเฉง ผ่านการอบรมอย่างมืออาชีพมาก่อน อะไรก็ทำเป็น
เฉินเสว่รีบไปรีนน้ำเปล่ามาหนึ่งแก้ว
ฉินยากล่าว “หนูไม่เหนื่อยค่ะ หนูอยากจะพาซูจ้านไปที่ห้องก่อน”
ท่านย่ากล่าว “ก็ดี เธอเองก็พักผ่อนสักพัก”
ฉินยาตอบว่าค่ะ แล้วเธอก็ประคองซูจ้านเข้าห้องนอนไป เฉินเสว่ยกน้ำมา ท่านย่าเหลือบมองแล้วกล่าวว่า “วางไว้บนโต๊ะ อาหารกลางวันเตรียมไว้ให้เยอะๆหน่อยนะ วันนี้เป็นวันดี”
ซูจ้านรอดจากภัยอันตราย ฉินยาก็ยอมคืนดีกับเขา ช่างเป็นวันที่ดีจริง ๆ จะต้องทำการฉลองสักหน่อย
เฉินเสว่บอกว่าค่ะ “เมื่อวานได้ไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมาพอดีเลยค่ะ หนูจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้”
ในห้องนอน
ซูจ้านเอนพิงอยู่ที่หัวเตียงแล้วกล่าวถามขึ้น “พี่เลี้ยงคนนี้หามาเพื่อดูแลคุณย่าเหรอ”
ฉินยาที่กำลังดึงผ้าม่านตอบอืมโดยไม่ได้หันหน้ามา
ซูจ้านขมวดคิ้ว ฉินยาเดินมาถามเขาว่าทำไมเหรอ ซูจ้านกล่าว “ดูแล้วอายุยังน้อย จะดูแลคนได้เหรอ”
ฉินยากล่าว “คุณย่าชอบ”
ซูจ้านถอนหายใจ ท่านย่าอายุเยอะแล้ว วันเวลาของชีวิตมีจำกัด จึงตามใจให้เธอมีความสุข ซูจ้านกวักมือเรียกเธอ “คุณมาพักผ่อนก่อน”
ความจริงแล้วฉินยาเป็นคนที่ใจอ่อนและจิตใจดีมาก แม้แต่ว่าเขาจะเคยเกเรขนาดนั้น เธอก็ยังให้โอกาสเขา เมื่อเขาประสบกับความยากลำบาก เธอก็ดูแลเขานับครั้งไม่ถ้วน สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาของเขา และเขาก็จำใส่ใจไว้อย่างดี
ซูจ้านซาบซึ้งใจต่อเธอมาก
ฉินยานั่งลงข้างเตียง ซูจ้านดึงมือของเธอมา “หรือรอให้ผมหายดีแล้ว พวกเราย้ายออกกัน”
เขากลัวว่าฉินยาอยู่ที่นี่แล้วจะไม่สบายใจ เหตุผลหลักคือกลัวท่านย่าจะพูดถึงเรื่องลูก
“พวกเราย้ายไปอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยของเสิ่นเผยซวน ไปเป็นเพื่อนบ้านกับพวกเขา คุณคิดเห็นอย่างไร”
ข้อเสนอนี้ถูกใจฉินยามาก จริงๆแล้วเธอก็ไม่อยากจะเผชิญหน้ากับท่านย่า พูดไปพูดมาก็ไม่พ้นเรื่องลูกอยู่ดี
จะไปเป็นเพื่อนบ้านกับเสิ่นเผยซวนหรือไม่ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือไม่อยากจะพักชายคาเดียวกันกับท่านย่า
“แบบนี้ได้เหรอ” ฉินยาคิดในใจว่าท่านย่าจะไม่เห็นด้วย เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นญาติของซูจ้าน อีกทั้งอายุก็มากแล้วด้วย ปกติแล้วคนแก่ก็อยากจะให้ลูกหลายคอยอยู่ใกล้ๆ
ซูจ้านครุ่นคิด “ รอให้ผมหายดี ผมจะบอกว่าที่เมืองCมีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่เก่งเรื่องการทำเด็กหลอดแก้ว ที่นั่นก็สามารถหาคนที่เหมาะสมได้ พวกเราจึงไปอยู่ที่นั่นชั่วคราว
เธอคิดเพื่อฉินยา เพราะว่าการงานของเธอยู่ที่เมืองC เธอนั้นเสียสละเพื่อเขามามากพอแล้ว จะให้เธอแม้แต่การงานก็ไม่เหลือไม่ได้
ฉินยาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะคิดมากขนาดนี้ จึงได้พยักหน้าแรงๆ
เธออิงแอบอยู่ที่ทรวงอกของซูจ้าน “ฉันไม่อยากหาคน เพราะฉันไม่อยากให้มีปัญหาในอนาคต ถึงแม้ว่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพวกเรา แต่ถึงอย่างไรก็เติบโตอยู่ในท้องของคนอื่น ว่ากันว่าการให้กำเนิดลูกของผู้หญิงเป็นการรอดพ้นจากประตูแห่งความตาย ฉันไม่ได้ผ่านความทรมานนี้ แต่กลับเป็นแม่ของลูก หากว่าวันหนึ่งลูกรู้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้เกิดมาจากท้องของฉัน ลูกจะรู้สึกอย่างไร แต่ว่าฉันได้รับปากคุณย่าไปแล้ว ถึงแม้ว่าในใจจะกังวลไม่สบายใจ แต่ก็อยากจะสนองความปรารถนาให้กับคนเฒ่าคนแก่”
เธอเงยหน้าขึ้น “และฉันก็ไม่อยากให้คุณไม่มีทายาทสืบทอดสกุล”
ซูจ้านใช้มือกุมไหล่ของเธอแรงๆ สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ความรักและความซาบซึ้งนี้ เขาได้ซ่อนไว้ในลึกๆของจิตใจ
ก๊อกๆ——
ประตูห้องดังขึ้น ฉินยามาเปิดประตู เป็นเฉินเสว่ เธอยืนอยู่ที่หน้าประตู “อาหารเตรียมเสร็จร้อยแล้วค่ะ คุณย่าให้หนูมาเรียกพวกท่านไปทานข้าวค่ะ”
ฉินยากล่าว “ฉันรู้แล้ว”
ซูจ้านที่นอนพักอยู่บนเตียงมาสักพัก เริ่มสับสน เขาถามว่ากี่โมงแล้ว รู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วมาก ทำไมถึงเวลาทานข้าวอีกแล้ว
ฉินยามองดูนาฬิกาแวบหนึ่ง แล้วกล่าว “ใกล้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว”
เธอเดินเข้ามา “ลุกขึ้นไปทานข้าวกันเถอะ”
เธอประคองซูจ้านเดินไปที่หน้าโต๊ะแล้วนั่งลง