เย้นโม่หลิน”……”
มองกู้จื่อเฟยเหมือนมองคนเสียสติ เขาบอกว่าไม่ได้หึง ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ไง
เขาแค่มองชิวเจ๋อขัดลูกกะตาเท่านั้นเอง
แค่นี้จริงๆ
จบหนึ่งเพลง
เย้นโม่หลินกับกู้จื่อเฟยก็ทักทายกับแขกในงานต่อ
งานเลี้ยงเกือบถึงขั้นตอนตัดเค้กแล้ว
“นายน้อยครับ คุณกู้ครับ ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วยนะครับ ขออวยพรให้ความรักของพวกคุณแน่นแฟ้นขึ้นเรื่อยๆครับ รีบกำหนดวันแต่งเร็วๆนะครับ แก้วนี้ผมขอดื่มให้พวกคุณครับ”
ชายชราถือไวน์มาคารวะด้วยรอยยิ้มคิกคัก
เหตุการณ์เช่นนี้ คืนนี้กู้จื่อเฟยทำซ้ำๆไม่หยุด แน่นอน เครื่องดื่มที่เธอดื่มนั้นล้วนเป็นน้ำอัดลมทั้งสิ้น
“ขอบคุณค่ะ”
เธอยิ้มอย่างมีมารยาท พลางยกแก้วน้ำอัดลมชนแก้วของชายชรา ทว่ามือที่ถือไวน์ของชายชราสั่นเทา ระหว่างที่ชนแก้วก็ยิ่งสั่นหนักขึ้น จนไม่อาจชนแก้วสำเร็จ
ทางกลับกัน เกิดเสียง”ซ่า”ไวน์ก็เปรอะเปื้อนชุดราตรีของกู้จื่อเฟย
ชั่วพริบตานั้น ไวน์ไหลลงจากหน้าอกของกู้จื่อเฟยไปยังส่วนอื่นของชุดด้านล่าง
กู้จื่อเฟยรีบถอยกรูดอย่างลุกลน พลางมองชุดราตรีของตัวอย่างจำใจ
“อา ขอโทษด้วยครับ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ตั้งใจ มือผมสั่น ขอโทษจริงๆครับ”
ชายชรารีบกล่าวคำขอโทษ
กู้จื่อเฟยก็ตำหนิอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ฝืนยิ้ม”ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวไปเปลี่ยนก็ได้ค่ะ”
เย้นโม่หลินกล่าวเสียงเคร่งขรึม”ผมไปเป็นเพื่อน”
กู้จื่อเฟยพยักหน้าหงึกๆ
พร้อมกันนั้น มีเสียงของกงจืออวีส่งมาจากไม่ไกลนัก
“เฟยเฟย เสี่ยวโม่ มาตัดเค้กเร็ว”
เห็นฝูงชนเดินไปยังเย้นเจิ้นจื๋อกับกงจืออวี ตรงหน้าพวกเขาตั้งเค้กแปดชั้นขนาดมหึมาไว้
นี่เป็นพิธีฉลองเล็กๆน้อยๆ
เจ้าของบ้านต้องทำพิธีตัดเค้ก
ทว่ากู้จื่อเฟยมองชุดของตัวเอง เธอในสภาพนี้หากยืนอยู่กลางสายตาผู้คน เกรงว่าจะขายหน้าได้
ทว่าถึงเวลาเริ่มตัดเค้กแล้ว คงให้รอจนเธอเปลี่ยนชุดเสร็จไม่ได้
เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว กู้จื่อเฟยจึงกล่าวกับเย้นโม่หลินว่า
“พี่เย้นค่ะ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อเองค่ะ พี่ไปตัดเค้กเถอะ ที่นั่นรอพี่อยู่ค่ะ”
เย้นโม่หลินเลิกคิ้ว”คุณจะไปเองเหรอ?”
เขาไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่
กู้จื่อเฟยยิ้มกล่าวว่า”แค่เปลี่ยนเสื้อเองค่ะ ง่ายจะตาย ฉันไปเองเดี๋ยวก็เสร็จค่ะ อีกอย่าง พี่ไปกับฉันก็ช่วยฉันเปลี่ยนไม่ได้อยู่ดี?”
เย้นโม่หลินติ่งหูแดงทันที ละสายตาอย่างกระดาก
กล่าวว่า “คุณรีบไปรีบกลับนะ”
พูดจบ เขาก็ก้าวเท้ายาวไปยังกงจืออวี ฝีเท้าที่เร่งรีบ ฉายแววการหนีเตลิดอยู่หลายส่วน
กู้จื่อเฟยมองแผ่นหลังเย้นโม่หลินที่เปี่ยมด้วยความหวานชื่นรื่นรมย์ รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
ทำไมพี่เย้นของเธอน่ารักขนาดนี้นะ
นี่มันรักจนไม่อยากห่าง แทบอยากลากขึ้นเตียงทุกวินาทีเลย
กู้จื่อเฟยเดินออกจากงานเลี้ยง พลางรีบเดินมายังตึกเล็กใกล้ๆ
ที่นี่เตรียมห้องไว้สำหรับเธอ ก่อนหน้านี้เธอก็แต่งตัวที่นี่แหละ ซึ่งที่นี่มีของครบครัน
หากเธอเร็วหน่อย เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วลงไป ไม่แน่อาจจะทันแบ่งเค้กก็ได้
กู้จื่อเฟยคุ้มที่ดี รีบหาชุดสีแดงที่ดีไซน์คล้ายคลึงกันมาวางไว้ ก่อนจะถอดชุดเตรียมจะเปลี่ยน
ทว่าเธอพึ่งถอนชุดได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นประตูก็ส่งเสียง”แกร่ง”
คล้ายกับมีความบิดลูกบิดประตู
กู้จื่อเฟยรีบดึงเสื้อขึ้นมาคลุมหน้าอก พลางกล่าวเสียงดุ
“ใครอยู่ตรงนั้น?”
สิ้นเสียง ประตูก็ไร้การเคลื่อนไหวทันที
ทว่าเงียบได้แค่สามวินาที จากนั้นก็ส่งเสียงเปิดประตู”แกร่ง” ประตูที่ล็อกไว้ก็ถูกเปิดออก
ในมือชิวเจ๋อถือลวดเหล็กหนึ่งเส้น ก้าวเท้าเข้ามาด้านในประตู จากนั้นก็ล็อกประตูอย่างว่องไว
กู้จื่อเฟยมองเขาด้วยความตื่นตระหนกผสมปนเปกับความมึนงง
“ชิวเจ๋อคุณจะทำอะไร?”
ใช้ลวดเหล็กเปิดประตู ยังเข้าห้องของเธออีก……
กู้จื่อเฟยอดรู้สึกหวาดหวั่นไม่ได้ ยิ่งรู้สึกขนลุกชัน
ใบหน้าชิวเจ๋อเผยรอยยิ้มสดใสดุจแสงอาทิตย์ จ้องสำรวจกู้จื่อเฟยอย่างไม่ปิดบัง
ยิ้มกล่าวว่า”เฟยเฟย หุ่นคุณดีมากเลยครับ”
ถ้อยคำหยาบคาย มองสำรวจอย่างไม่ปิดบัง ทำให้กู้จื่อเฟยรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า
เธอรีบดึงเสื้อปิดคออย่างร้อนรน กล่าวอย่างเหลือเชื่อว่า
“ชิวเจ๋อคุณจะทำอะไร?คุณ คุณ……”
เธอพูดตะกุกตะกักจนไม่รู้ว่าควรพูดอะไรแล้ว
นาทีก่อนยังเป็นสุภาพบุรุษที่สง่างามอยู่เลย เป็นเทพบุตรเป็นซูเปอร์สตาร์ที่มีความสามารถ ทำไมนาทีนี้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ?
นี่มันอันธพาลโรคจิตที่แอบเข้าห้องคนอื่นชัดๆ
ชิวเจ๋อก้าวเท้ายาวไปหากู้จื่อเฟย
สายตาของเขาจัดจ้องกู้จื่อเฟย พลางเลียริมฝีปาก กล่าวอย่างบ้ากาม
“ชายหญิงอยู่ในห้องกันตามลำพัง เฟยเฟย คุณว่าผมจะทำอะไรล่ะ?ผมบอกแล้ว ผมรักคุณตั้งแต่นาทีแรกที่เจอกัน ชอบคุณมากจริงๆ”
พูดพลางอ้าแขนเดินมากอดกู้จื่อเฟย
ถึงแม้กู้จื่อเฟยไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เห็น แต่ก็ต้องยอมรับสถานการณ์ที่แปรผันอันใหญ่หลวงนี้ ชิวเจ๋อเป็นโรคจิตของแท้เลย!
ไอดอลแสนดีดั่งเทพบุตร ล้วนเป็นการเสแสร้งหลอกลวงทั้งเพ
เขากล้าทำถึงขั้นแอบเข้าห้องลวนลามคนอื่นเชียวหรือ
กู้จื่อเฟยรีบถอยหลังด้วยความกระวนกระวาย ก่นด่าเป็นจริงเป็นจังว่า
“ชิวเจ๋อ!ฉันเป็นแฟนของเย้นโม่หลินนะ เป็นว่าที่ภรรยาของเขา หากคุณกล้าแตะต้องฉัน ไม่กลัวเย้นโม่หลินจะสับคุณให้เละเหรอ?”
“เหอะ ทำไมเขาต้องสับผมให้เละด้วย?”
รอยยิ้มของชิวเจ๋อแดกดันยิ่งนัก”คุณกับผมรู้สึกดีๆต่อกัน ต่างชื่นชอบต่อกัน คือการอยู่ด้วยกันอย่างห้ามใจไม่ได้ พวกเรารักกันจริง คุณทิ้งเย้นโม่หลินเพื่อผม อย่างไรเสียเขาก็เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก ถูกทิ้งแล้วจะมีหน้าตีรันฟันแทงได้อีกเหรอ?
หากใจกว้างหน่อยก็ควรส่งเสริมพวกเรา”
“ถุย ใครรู้สึกดีกับคุณ ใครชอบคุณ?”
กู้จื่อเฟยโกรธขึ้งอารมณ์เสียจะเบิดอยู่แล้ว”ฉันเลื่อมใสคุณในฐานะแฟนคลับที่มีต่อซูเปอร์สตาร์เท่านั้น ไม่มีความรู้สึกของหนุ่มสาว คุณอย่าคิดเองเอยเองอยู่ฝ่ายเดียว ตอนนี้รีบออกไปเดี๋ยวนี้
ไม่งั้นฉันจะเรียกคนมาจับคุณเข้าคุก”
“ผู้หญิงชอบปากแข็งจริงๆ แต่คุณยิ่งเป็นอย่างนี้ ผมก็ยิ่งชอบ”
ชิวเจ๋อไม่สนใจกับคำข่มขู่ของกู้จื่อเฟยเลยสักนิด ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าวก็บีบให้กู้จื่อเฟยอยู่ในผนัง อยู่ในอ้อมกอดของเขา
เขาเข้าใกล้เธอ มุมปากยกยิ้มขึ้น ฉายแววประสงค์ร้ายอย่างโจ่งแจ้ง
“เฟยเฟย ที่นี่มีเพียงพวกเราสองคน อารมณ์ขึ้นแล้วก็เหมือนฟืนเจอกับไฟ มันต้องลุกไหม้อยู่แล้ว เชื่อฟังหน่อย เข้ารุกหน่อย จะได้เพลิดเพลินยิ่งขึ้นไม่ใช่หรือ?”
กลิ่นอายคนแปลกหน้าเข้าใกล้ สัมผัสแล้วทำให้กู้จื่อเฟยรู้สึกขนลุกพองทั้งตัว
ถึงแม้ตรงหน้าจะเป็นใบหน้าที่เธอเคยชื่นชอบเคยเลื่อมใสมาก่อนก็ตามที ตอนนี้กลับมีเพียงความสะอิดสะเอียนและรังเกียจเต็มประดา
ซูเปอร์สตาร์จอมปลอม คุณธรรมย่ำแย่ถึงเพียงนี้ รู้หน้าไม่รู้ใจโดยแท้
กู้จื่อเฟยดิ้นรนอย่างดุเดือดมากขึ้น
“ไอ้บ้า ฝันไปเถอะ!หลีกไป อย่ามาแตะตัวฉัน!”
“คิก ดื้อไม่เบานี่”
ชิวเจ๋อยิ้มอย่างจนหนทาง สีหน้ากลายเป็นผู้รุกรานทันที”งั้นผมก็ต้องใช้วิธีขืนใจแล้ว……”