บทที่ 693 แค่จะคิดก็ยังไม่กล้า
” น้องสาวของผม เลี้ยงมาแบบเอาแต่ใจตั้งแต่ยังเล็ก ก็ไม่แปลกที่จะดูอ่อนแอมากกว่าพวกคุณ “
น้ำเสียงเยือกเย็นที่ไม่ทิ้งน้ำหนักมากของโห้หลีเฉินก็พูดขึ้น สีหน้าเย็นชานั่นมองตรงไปยังคุณป้า
” อย่าเอาพวกคุณไปเปรียบเทียบกับเธอเลย “
เขาปกป้องเธออย่างทะนงตัว ไม่มีท่าทีจะระงับอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น
คุณป้าทั้งตกใจทั้งกลัว จนหน้าซีดไปชั่วขณะ อย่างกับว่าพึ่งจะได้ยินเรื่องที่ทำให้สังคมต้องตื่นตระหนกกันไปถ้วนทั่ว อย่างกับเป็นหัวข้อถกเถียงที่ไร้ความน่าเชื่อถือ
ที่น่าตกใจคือโห้หลีเฉินเลี้ยงดูเธอด้วยความเอาอกเอาใจเช่นนี้ ท่าทางของความเป็นหญิงนั้นไม่มีเลยสักนิด ที่ประหลาดยิ่งกว่าคือ พฤติกรรมที่ขำปกป้องเธอ ไม่ได้มีความละอายใด ๆ เลยสักน้อย
พฤติกรรมกรรมพวกนี้ไม่เหมือนกับที่พวกผู้ชายที่นี่ปฏิบัติต่อพวกหล่อนเลย ทำให้อดที่จะแอบอิจฉาไม่ได้
ถ้าหากผู้ชายของหล่อนดีกับหล่อนเช่นนี้บ้าง…แค่คิดก็ยังไม่กล้าเลย
” หล่อจัง…. “
ฉู่ฉู่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองโห้หลีเฉินอย่างเคลิบเคลิ้ม น้ำลายแแทบจะไหลออกมาจากปากเสียให้ได้
ที่ผ่านมานอกจากผู้ชายเช่นพ่อและพี่ชายที่ดูมุทะลุดุดันและเย็นชานั้น ก็ยังมีผู้ชายอีกประเภทหนึ่งที่คอยเอาใจใส่และอ่อนโยนเช่นนี้
เธอเริ่มมีความรู้สึกอิจฉาเย้นหว่านที่อ่อนแอและปวกเปียกเสียแล้ว
โห้หลีเฉินไม่สนใจคุณป้า และเปลี่ยนสายตาไปมองเย้นหว่านอย่างอ่อนโยน ” หิวแล้วล่ะสิ ฉันจะพาเธอไปกินข้าว “
เป็นเพราะโห้หลีเฉินมีท่าทีที่ปกป้องเธอ ทำให้ความชอกช้ำที่คุณป้าทำกับเย้นหว่าน ค่อย ๆ มลายหายไปทันที
เธอผงกหัวอย่างว่าง่าย ” ค่ะ “
เย้นหว่านยื่นมือไปค้ำเตียง แล้วพยุงตัวขึ้นมายืนด้วยขาข้างเดียว
โห้หลีเฉินจึงรีบมาพยุง ไปนั่งรถเข็นอย่างระมัดระวัง
เขามองเย้นหว่านที่นั่งบนรถเข็น สายตาดูอ่อนลง
เขาไม่สามารถจะอุ้มหรือกอดเธอในแบบที่ต้องการได้ เพราะไม่อยากสร้างเรื่องที่ต้องทำให้กังวลและเกิดความทุกข์ใจให้ชีวิตของเธออีก
แต่ก็ยังดี ที่อีกไม่นาน ไม่กี่วันเท่านั้น เขาก็จะพาเธอไปจากที่นี่ได้
อีกอย่าง เขาต้องหายานั่นให้เจอ คงไม่เอาเวลาทั้งหมดมาทิ้งไว้ที่นี่แน่ อาการบาดเจ็บที่เท้าของเย้นหว่านก็ทำให้เธอเดินเหินไม่ถนัด มีรถเข็นนี่ ก็ทำให้สะดวกสบายขึ้นมาไม่มากก็น้อย
เมื่อพาเย้นหว่านมานั่งเรียบร้อย โห้หลีเฉินก็เดินด้านหลังรถเข็น แล้วค่อย ๆ เข็นรถออกไปข้างหน้า
คุณป้าและฉู่ฉู่ที่ยืดดูอยู่ข้าง ๆ ตกใจจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาข้างนอก
ในโลกของพวกเธอ ผู้ชายแค่ต้องการความเทิดทูน และให้พวกเธอเกิดมาเพื่อ ปรนนิบัติพัดวีพวกเขาเท่านั้น ตลอดมามีแต่พวกเธอที่ทำเรื่องพวกนี้ให้กับผู้ชาย ไม่เคยมีผู้ชายคนใดทำเรื่องเหล่านี้ให้กับพวกเธอเลยสักครั้ง
แต่คนที่สูงส่งอย่างโห้หลีเฉิน กลับมาเข็นรถให้กับเย้นหว่าน ทำเรื่องต่ำต้อยด้อยราคาเล็ก ๆ พวกนี้ได้อย่างไร
คุณป้าไม่ได้มองเปล่า แต่เดินตามไปด้วยความรีบร้อน
” คุณโห้ ให้เป็นหน้าที่ของฉันดีกว่านะคะ! “
” ไม่จำเป็น “
โห้หลีเฉินปฏิเสธอย่างตัดบท จากการยื่นมือให้ความช่วยเหลือของคุณป้า และเข็นรถต่อไปข้างหน้า
ล้อที่ขนาบไปกับพื้นเป็นเสียงดัง ” กรึก กรึก ๆ ” ค่อย ๆ ไกลออกไป
คุณป้ายังคงยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังโห้หลีเฉินและ เย้นหว่านที่ค่อย ๆ ห่างออกไปเรื่อย ๆ
เธอโมโหและสบถออกมา ” นังผู้หญิงอัปยศ! “
ลึกลงไปในดวงตาของฉู่ฉู่ รู้สึกได้หัวใจที่มีประกายออกมา เธอเผลอพูดบางอย่างออกมาอย่างไม่รู้ตัว
” น่าอิจฉาเสียจริง… “
” เพี๊ยะ! “
ฝ่ามือที่หนักประทับลงบนใบหน้าของฉู่ฉู่ ใบหน้าขาว ๆ รูปไข่ของเธอ ภายในไม่กี่วินาทีก็ปรากฏเป็นรอยแดงรูปนิ้วมือทั้งห้าขึ้น
คุณป้ามองเธอด้วยสายตาที่ดุดัน ก่อนจะด่ากราดว่า ” อย่าลืมธรรมเนียมที่คนบ้านเรายึดถือ หรือแกอยากจะเป็นผู้หญิงชั้นต่ำประเภททำตัวอ่อนแอพวกนั้นน่ะเหรอ “
ฉู่ฉู่กุมใบหน้าอันแดงเถือกของเธอ น้ำตาค่อย ๆ ไหลทะลักออกมา ก่อนจะยอมรับผิดโดยพลัน
” แม่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น ผู้หญิงอย่างพวกเราเกิดมาเพื่อปรนนิบัติรับใช้ผู้ชาย ไม่มีทางที่จะทำตัวเป็นภาระหรือสร้างความลำบากให้พวกผู้ชายหรอก เย้นหว่านก็แค่ผู้หญิงจำพวกถ่อยสถุล ฉันก็แค่คิดว่า การกระทำของเธอมันเป็นเรื่องที่แย่มาก ๆ เท่านั้นเอง “
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของคุณป้าก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
เย้หว่านกับโห้หลีเฉินเดินไปไม่ได้ไม่ไกลนัก จึงได้ยินในสิ่งที่คุณป้าและฉู่ฉู่พูดคุยกันกลาย ๆ
สีหน้าของโห้หลีเฉินโกรธจนแทบจะเป็นฟืนเป็นไฟ แรงของนิ้วมืออันเรียวยาวนั่นที่กุมรถเข็นไว้ค่อยๆ หนักขึ้น อย่างกับว่าจะทำให้รถเข็นคันนี้แหลกเป็นผุยผง
ผู้หญิงของเขา ต้องมาโดนใครต่อใครพูดใส่ร้ายป้ายสี
ถ้าเมื่อก่อน คนที่พูดป่านนี้คงจะไม่มีลิ้นให้พูดเสียแล้ว แต่ตอนนี้ภารกิจที่ต้องทำยังไม่เสร็จสิ้น เพื่อความปลอดภัยของเย้นหว่านในขณะที่อยู่ที่นี่
เขาจำเป็นต้องอดทนไว้
ถ้าเธอดูผิดแปลกจากคนอื่นเกินไป ถ้าทำให้เธอต้องสร้างศัตรูไปทั่ว และถ้าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ก็คงไม่มีใครสามารถปกป้องเธอให้ปลอดภัยได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นโดยรอบที่มาจากตัวโห้หลีเฉิน สีหน้าเย้นหว่านจังเปลี่ยนไป ก่อนจะหันตัวแล้วพลิกมือไปกุมหลังมือของโห้หลีเฉินไว้
บนใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มที่ดูเจิดจ้าสว่างไสว และถามด้วยความแปลกใจว่า
” ที่นี่มีขนบธรรมเนียมประเพณีอะไรกันเหรอ ผู้หญิงที่นี่ เกิดมาเพื่อ ปรนนิบัติผู้ชายน่ะเหรอ “
มือที่นุ่มนิ่มของเย้นหว่านกุมมือของเขาเบา ๆ ให้ความรู้สึกราวกับสัมผัสปุยฝ้ายอย่างไรอย่างงั้น
ทั้งนุ่มนวลเหมือนน้ำ ที่ชโลมจิตใจของเขาที่ร้อนรุ่มให้เย็นลงไม่น้อย
โห้หลีเฉินค่อย ๆ กดความเดือดพล่านที่มีอยู่ในอกลงไป ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งทุ้มว่า
” ที่นี่ชายนั้นเป็นใหญ่มากกว่าหญิง “
สุดท้ายก็ไม่ผิดจากที่เธอเดาเอาไว้จริง ๆ
เย้นหว่านก็ถามต่อว่า “ถ้างั้นก็คงไม่ต่างจากเรื่องเล่าในสมัยโบราณเลยน่ะสิ “
เหมือนกันว่าในสมัยก่อน ผู้ชายเป็นคนหาเงิน เป็นช้างเท้าหน้า ส่วนผู้หญิงใช้ทั้งชีวิตขลุกอยู่แต่ในบ้าน ทั้งต้องคอยดูแลสามีและเลี้ยงลูกในเวลาเดียวกัน
โห้หลีเฉินตอบกลับว่า ” ก็ไม่เชิง ที่นี่อาจจะหนักกว่านั้น “
” ฐานะของผู้หญิงที่นี่ดูต่ำต้อยด้อยค่ามาก จนแแทบจะบูชาผู้ชายอย่างกับเทพเทวดา ไม่ว่าจะเป็นภรรยา หรือลูกสาว น้องสาว ก็ต้องปรนนิบัติรับใช้ผู้ชายด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าผู้ชายต้องการอะไร แม้กระทั่งอยู่หรือตาย ก็เป็นเรื่องที่ผู้หญิงไม่สามารถชี้ขาดได้ “
” อีกอย่างผู้หญิงที่นี่ต้องทำทุกอย่าง ” ผู้ชายนอกจากจะทำแค่งานข้างนอกแล้ว ผู้ชายก็ไม่จำเป็นต้องกระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว แต่หากผู้ชายไม่มีงานทำ ก็ต้องเป็นผู้หญิงที่เป็นคนหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว “
เย้นหว่านถึงกับอ้าปากค้าง รู้สึกถึงแนวคิดที่เธอมีต่อโลกใบนี้กำลังพังทลายลงในพริบตา
นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้ว ฐานะของผู้หญิงที่นี่ยังอยู่ต่ำเช่นนี้ แม้กระทั่งสิทธิ์ที่จะชี้เป็นชี้ตายก็ยังยกให้อยู่ในมือผู้ชายเสียอย่างนั้น
” นี่มันล้าหลังเกินไปแล้ว
โห้หลีเฉินพูดด้วยเสียงต่ำลง ” ถึงพวกเราจะอยู่ที่นู่น ชนชาติที่อยู่ไกลโพ้น ก็ยังคงมีธรรมเนียมข้อปฏิบัติแบบนี้อยู่ แต่แค่ไม่สุดโต่งเหมือนที่นี่ “
ที่นี่คงจะสุดจริง ๆ ขนาดความคิดคนก็ยังบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปได้ขนาดนี้เลย
จู่ ๆ เย้นหว่านก็นึกอะไรขึ้นได้ ทำไมท่าทีของคุณป้ามีต่อเธอกับท่าทีที่มีต่อโห้หลีเฉินมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
” ผู้หญิงที่นี่ปฏิบัติต่อผู้หญิงด้วยกัน อย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ “
ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ เย้หว่านเจอแต่เรื่องลำบากที่ผู้หญิงต้องเจอมาไม่น้อย
โห้หลีเฉินดูนิ่งลง มองไปที่เย้นหว่านด้วยความปวดใจ
” ฉันก็ไม่แน่ใจ ฉันจะลองพูดกับเวนเดลล์ ไม่ให้ใครมารังแกเธอได้อีก “
ก่อนหน้านี้โห้หลีเฉินเองคิดไม่ถึงเลยว่า เย้นหว่านจะต้องตื่นมาเจอเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงที่มีท่าทางใจดี ดูว่านอนสอนง่าย กลับกลายเป็นคนที่ปากคอเราะร้ายเช่นนั้น
ต่อไปเขาอาจจะไม่สามารถให้เย้นหว่านอยู่ข้างกายของเขาตลอดเวลาได้ แต่ก็จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธออีกเป็นอันขาด
ผู้หญิงของเขา แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังทำร้ายเธอไม่ลง
เย้นหว่านเม้มริมฝีปาก เหมือนรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แพร่เข้ามาในใจ
โห้หลีเฉินของเธอ โดยปกติแล้วไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็จะคอยปกป้องเธอเสมอ
คิด ๆ ดูแล้ว ถึงแม้ธรรมเนียมของที่นี่จะเป็นอย่างนี้ แต่คุณป้าก็คงข่มเหงคนที่ด้อยกว่า แต่ขณะเดียวกันตัวเองก็คงหวาดกลัวกับคนที่ใหญ่กว่าตน เธอเป็นคนที่วางตัวโดยมิชอบอยู่แล้ว บวกกับนิสัยที่ดุร้าย จึงไม่แปลกที่หล่อนจะถูกตบตีด่าทอ
โห้หลีเฉินเกริ่นไว้แล้ว แค่คุณป้าไม่ทำอะไรเกินเลย เย้นหว่านก็คงยอมหลับหูหลับตาทนอยู่ที่นี่ได้อีกสักพัก