บทที่561 แก้แค้น
นั่นเป็นปากกาหมึกซึมธรรมดาที่หาซื้อได้ตามร้านค้าทั่วไป
ยิ่งไปกว่านั้น ยังถูกทำลายจนรูปร่างหักงอบิดเบี้ยว หารูปลักษณ์เดิมไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
แต่หน้ายิ้มที่สลักอยู่บนหัวปากกานั้น ยังไงเธอก็จำมันได้
นั่นเป็นของขวัญวันเกิดที่เธอส่งให้โห้หลีเฉิน
เป็นเธอเองที่ตามหาปรมาจารย์ด้านการแกะสลักให้แกะสลักหน้ายิ้มลงไปตามความตั้งใจของเธอ
ปากกาเล่มนั้นไม่ได้แพง แต่เธอรู้ว่า โห้หลีเฉินพกมันติดตัวแทบตลอดเวลา เหมือนนาฬิกาข้อมือหรือแหวนที่ใส่ไว้แนบกับร่างกาย แต่เขาเก็บมันไว้ดีกว่าของพวกนั้นเสียอีก
ปกติแล้ว เขาไม่ยอมเอามาใช้ด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ ทำไมปากกาเล่มนั้นถึงไปอยู่ในมือของหยูซือห้านได้ ทำไมถึงถูกทำลายจนมีสภาพแบบนั้น….
“นี่น่ะคนของฉันงมมาได้จากในทะเล”
หยูซือห้านอธิบายกับเย้นหว่านอย่างใจดี
ทะเลไหนนั้น ไม่ต้องพูดก็ชัดเจน
ปากกาเล่มนั้นแม้จะธรรมดา แต่คุณภาพก็ไม่เลว ต้องได้รับแรงปะทะอย่างรุนแรงหรือระเบิด ถึงจะกลายเป็นสภาพแบบตอนนี้ได้
และมัน ก็ติดตัวโห้หลีเฉินอยู่ตลอด
นั่นยังหมายความว่า โห้หลีเฉินในตอนนั้น อยู่ใกล้กับระเบิดมากและได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่สุด
ปากกาที่ติดตัวถูกระเบิดจนเป็นแบบนี้ เจ้าตัวเอง…..
เย้นหว่านร่างกายอ่อนยวบ ล้มพับลงกับพื้น
ในหัวของเธอมีเสียงดัง“วิ้งวิ้งวิ้ง” บางสิ่งที่ลืมไป ในชั่วขณะนั้นเอง มันก็ชัดเจนขึ้นมา
เธอจำได้แล้ว
ตอนที่ตกน้ำ โห้หลีเฉินเคยกระซิบที่ข้างหูของเธอเบา ๆ ประโยคหนึ่ง
เขาพูดว่า เย้นหว่าน ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอตาย
เขาบอกว่า เขาจะไม่ปล่อยให้เธอตาย
ดังนั้น ตอนที่ลงไปในน้ำ เขาถึงได้ดึงระเบิดจากตัวเธอไป!
ด้วยแรงปะทะของน้ำ เขาผลักเธอออก แล้วเอาระเบิดไปไกลจากเธออย่างรวดเร็ว
จากนั้น คลื่นกระแทกของระเบิด ก็มาจากทิศทางที่โห้หลีเฉินไป
เธอยังไม่ตาย แต่โห้หลีเฉิน กลับตายแทนเธอแล้ว!
“ไม่—”
ความคิดนั้น ทำให้เย้นหว่านพังทลายในทันที
เธอกรีดร้องด้วยเสียงแหบแห้ง ดวงตามืดบอด เธอส่ายหัวมือทั้งสองข้างกุมหัวแน่น
“เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!”
“เขาเคยบอกว่าจะร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันกับฉัน เขาเคยบอก เขาเคยบอกว่าจะร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน!”
“เขาจะไม่ทิ้งฉันให้มีชีวิตอยู่คนเดียว เขาไม่ทำหรอก ไม่ทำ!”
เธอร้องไห้ฟูมฟาย ตะโกน และปลอบใจตัวเอง
แต่ส่วนลึกในใจของเธอนั้น ราวกับถูกน้ำท่วมซัดจนพังพินาศ ทุกหนแห่งล่มสลายอย่างไม่อาจควบคุม
ความทรงจำที่ชัดเจน และปากกาหมึกซึมที่ยับเยิน ล้วนพิสูจน์ให้เธอเห็น ว่าโห้หลีเฉินถูกระเบิดจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก ไม่อยู่อีกต่อไปแล้วจริง ๆ
แต่ความคิดนั้น ทำให้เธอเจ็บปวดจนลมหายใจแทบหยุดลง
หัวใจ ราวกับแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เลือดไหลท่วม
ดวงตาของเธอมืดบอด ราวกับโลกนี้จมดิ่งสู่ความมืดมิด ที่มีอยู่ มีเพียงการสูญสิ้นเท่านั้น
หยูซือห้านนั่งบนรถเข็นยิ้มอย่างมีชัย เขามองไปที่ท่าทางเจ็บปวดและกระเซอะกระเซิงของเย้นหว่านด้วยความพึงพอใจ
เธอเจ็บปวด เขาก็ดีใจ
เธอสิ้นหวัง เขาก็จะเต็มไปด้วยความหวัง
เขาก็แค่อยากจะเห็นด้วยตาตัวเอง เธอที่ถูกทำลายและพังทลายลงทีละเล็กทีละน้อย กลายเป็นขยะชิ้นหนึ่ง เป็นก้อนเนื้อเดินได้
เขายิ้มเย็นชา น้ำเสียงแหบราวกับปีศาจร้าย
“เย้นหว่าน โห้หลีเฉินตายเพื่อช่วยเธอ เป็นเธอ ที่ฆ่าเขา”
เป็นเธอ ที่ฆ่าเขา
แต่ละคำ ราวกับเข็มที่ทิ่มแทงหัวใจของเย้นหว่าน
เธอเบิกตากว้างมองอย่างเลื่อนลอย น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลพราก สีหน้าเจ็บปวดเหลือทน
หากไม่ใช่เพราะช่วยเธอ โห้หลีเฉินก็จะไม่ตกอยู่ในอันตราย และก็จะไม่เกิดเรื่องขึ้น
เพราะเธอทั้งนั้น
เธอแทบอยากให้เป็นเธอที่ตายไปซะ
“หยูซือห้าน นายฆ่าฉันสิ!”
เย้นหว่านเงยหน้าขึ้นมาอย่างกะทันหัน มองไปยังหยูซือห้านด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง
ในเมื่อเธอตกอยู่ในเงื้อมมือของหยูซือห้าน ทั้งยังสิ้นหวังในชีวิตไปแล้ว แล้วยังจะมีชีวิตไปอีกทำไม
หยูซือห้านก้มหน้ามองเย้นหว่าน ไม่มีการปกปิดความร้ายกาจในแววตาเลยแม้แต่น้อย
เขาพูดแต่ละคำอย่างช้า ๆ
“เย้นหว่าน ความตายคือเรื่องที่ง่ายดายที่สุดในโลก แต่การมีชีวิตอยู่นั้น ต้องเจ็บปวดกว่ามาก”
มือที่พันผ้าพันแผลของเขายื่นออกมาช้า ๆ หยิบกรรไกรที่เพิ่งจะบนแทงใบหน้าของเขาออกมา
จากนั้น ก็ตัดผ้าพันแผลตามใบหน้าของตัวเองออกทีละนิด
สายรัดสีขาวขาดทีละเส้นและหลุดออก ค่อย ๆ เผยให้เห็นดวงตา แก้ม ริมฝีปาก ไปจนถึงคางของเขา
เมื่อใบหน้าทั้งหมดของหยูซือห้านปรากฏต่อหน้าเย้นหว่าน ถึงดวงตาจะพร่าไปด้วยน้ำตา แต่เธอก็ยังตกใจมากจนแทบหายใจไม่ออก
ที่เธอเห็นนี่คืออะไรกัน? ปีศาจงั้นเหรอ?!
เห็นแค่ใบหน้านั้น ไม่ใช่แค่น่าเกลียดน่ากลัวแล้วมั้ง? ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นและเนื้อตายการถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง ยังมีน้ำหนองคละคลุ้ง ทั้งใบหน้าเต็มไปด้วยร้องลึก หาผิวดี ๆ ไม่เจอแม้แต่น้อย
หากไม่ได้พบเห็นด้วยตาตัวเอง เย้นหว่านคงไม่มีทางเชื่อเลยว่า บนโลกใบนี้ยังมีใบหน้าที่น่ากลัวแบบนี้อยู่
ริมฝีปากของหยูซือห้านหายไปอย่างสิ้นเชิง มีเพียงเนื้อเน่าสองชิ้นเท่านั้น
ตอนที่เขาพูด มันจะฉีกแผลเป็นที่เพิ่งแห้งแล้วหลั่งเลือดและน้ำหนองออกมาอีก
ดูไปแล้ว ก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้น
เขากัดฟัน พ่นออกมาจากปากทีละคำ
“หน้าของฉัน พังยับเยิน แม้แต่กระดูกจมูกก็แตกยุบ กระดูกหน้าก็แตกอีกหลายแห่ง ฉันยังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นปาฏิหาริย์
แขนของฉัน ถูกโห้หลีเฉินตอกไปข้างหนึ่ง ส่วนขาของฉัน ก็หักโดยสมบูรณ์ไปข้างหนึ่ง ชีวิตนี้ ฉันคงได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็น
เย้นหว่าน เธอว่าฉันกลายเป็นแบบนี้ ยังมีชีวิตอยู่แบบยืดลมหายใจออกไป จะเจ็บปวดกว่าการตายรึเปล่า?”
เย้นหว่านมองเขา สั่นสะท้านอย่างห้ามไม่อยู่
เธอไม่กล้าจินตนาการ ถ้าเธอกลายเป็นแบบนี้ จะยังมีความกล้าที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปรึเปล่า
ไม่เหลือเค้าเดิม กลายเป็นคนพิการมือเท้าขาด ทั้งชีวิตอยู่ได้แค่บนรถเข็น แถมยังมีแผลไฟไหม้ทั้งร่าง มันจะนำมาซึ่งความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่องไปชั่วชีวิต
มีชีวิตแบบนั้น ไม่เห็นว่าจะดีไปกว่าการตายเลย
สีหน้าของเย้นหว่านวูบไหว อดเห็นใจหยูซือห้านไม่ได้ แต่คำพูดของเขากลับทำให้เธอขนลุกชัน
เธอมองตรงไปที่เขา “นายก็เลยจะเอาความเจ็บปวดนั้น มาแก้แค้นกับฉันอย่างนั้นเหรอ?”
มุมปากของหยูซือห้านขยับโค้งขึ้นเป็นวง
น่าสยดสยอง
เขาพูด “เย้นหว่าน เธอฉลาดมาก”
ไม่มีการโต้แย้ง ก็คือแน่นอนสินะ
เขาไม่ต้องการให้เธอตาย กักขังเธอ ทรมานให้เธอมีชีวิตอยู่ให้เธอตายไปไม่ดีกว่ารึไง?
เย้นหว่านเย็นยะเยือกไปทั้งตัว ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร
“ตอนนี้ฉันกลายเป็นสภาพคนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงแบบนี้ มีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยลมหายใจที่ต้องต่อสู้กับความตายแบบนี้ ยิ่งทำให้อยากให้พวกแกทุกคน ชดใช้ฉันเป็นร้อยเป็นพันเท่า!”
สีหน้าของหยูซือห้านน่าหวาดกลัว ทุก ๆ คำนั้นเอ่ยลอดไรฟันเต็มไปด้วยความเกลียดชังและบ้าคลั่ง
“ฉันให้ต้องการเธอ ต้องการให้ตระกูลเย้นทั้งหมด พังพินาศ! ใช่แล้ว ยังมีตระกูลโห้แห่งเมืองหนาน และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับโห้หลีเฉิน ฉันจะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว”
“ทุก ๆ คน จะต้องตายทั้งหมด! ตายอย่างน่าอนาถ!”