บทที่ 212 ทิ้งทิ้งทิ้ง ทิ้งให้หมด
“คีย์การ์ดให้ผม” โห้หลีเฉินมีหรือจะฟังเธออธิบาย เขาไม่ให้โอกาสเธอปฏิเสธ คว้าคีย์การ์ดห้องจากมือเธอมาเปิดประตูห้อง เสียงติ๊งดังขึ้น ประตูห้องเปิดออก เขาเดินตรงเข้าไป
ท่าก้าวเดินราบเรียบมีระดับ ประหนึ่งเดินเข้าห้องตัวเอง ไม่เคอะเขินเลย
เย้นหว่านไม่รู้จะพูดอะไรดีแล้ว เวลาเขาบ้าอำนาจขึ้นมา ไม่มีเวลาให้เธอพักหายใจเลย
แต่มาอยู่ด้วยกันมันไม่ได้ เธอมาทำงานนอกสถานที่กับเพื่อนร่วมงาน เขาตามมาแบบนี้ แถมยังมาขออยู่ด้วย ถ้าเพื่อนร่วมงานรู้เข้า เธอคงต้องตัดหน้าออกมาฝังดินแล้วล่ะ
เย้นหวานคิดพลางมองระเบียงทางเดิน จนแน่ใจว่าไม่มีเพื่อนร่วมงานเห็น เธอรีบเข้าห้อง ปิดประตู บอกกับโห้หลีเฉินว่า:
“คือ…”
“เย้นหว่าน” ไม่รอเธอพูดจบ เขาเรียกชื่อเธอขึ้น
ทุกครั้งที่เขาเรียกเธอจริงจังแบบนี้ มันต้องมีเรื่องแน่
เธอรีบเดินเข้าไปหา เห็นเขายืนจ้องเครื่องสำอางเซ็ตใหญ่บนโต๊ะเครื่องแป้ง สายตาดูอันตรายมาก
ในความคิดของโห้หลีเฉิน เย้นหว่านไม่ใช่คนตามกระแส เธอใช้อยู่ไม่กี่ยี่ห้อ จนทำให้เขาจำได้
แต่ตอนนี้บรรดาเครื่องสำอางที่วางบนโต๊ะเครื่องแป้ง กลับไม่ใช่ยี่ห้อที่เธอใช้ประจำ และเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่สไตส์เธอ
คนฉลาดเป็นกรดอย่างเขาหันมองเธอถามว่า:
“คุณฉูที่บอกว่าเป็นเพื่อนซื้อให้หรอ?”
ถึงจะเป็นแค่คำถาม แต่น้ำเสียงยืนยันชัดเจนว่าใช่
เย้นหวานหน้าเหวอ ทำไมเขาฉลาดขนาดนี้เนี่ย?
“ใช่ค่ะ” เธอไม่กล้าโกหก
หน้าโห้หลีเฉินเย็นชาขึ้น บรรยากาศดูเย็นฉับพลัน
เย้นหว่านรีบอธิบาย: “คุณอย่าคิดมากนะ ฉันพึ่งมาที่นี่ มีของใช้หลายอย่างไม่ได้เตรียมมา เขาเลยช่วยเหลือหาให้นิดหน่อยเอง ไม่ได้คิดอะไรเลย”
เย้นหว่านอดอุบอิบไม่ได้
ตอนแรกเธอไม่ได้คิดอะไรจริงๆ แต่พอดูการกระทำของฉูรั่วไป๋ในคืนนี้แล้ว เธอถึงพึ่งรู้สึกว่า การที่ผู้หญิงรับของจากผู้ชายโดยไม่มีสาเหตุสำคัญอะไร มันไม่ถูกจริงๆ จะทำให้คนเข้าใจผิดได้
ดังนั้นตอนนี้โห้หลีเฉินเข้าใจผิดแล้วใช่ไหม?
สำหรับโห้หลีเฉิน มีหรือจะแค่เข้าใจผิด? เขาเหมือนมีไฟกองใหญ่สุมทรวงเลยทีเดียว
คู่หมั้นของเขา ผู้หญิงของเขาจะใช้ของที่ผู้ชายอื่นให้ได้ยังไง!
มือเรียวยาวยกขึ้นหยิบเครื่องสำอางทีละขวดโยนทิ้งถังขยะอย่างไม่สนใจราคาพวกมันเลย
เย้นหว่านเห็นดังนั้น รีบเข้าไปยุดข้อมือเขาไว้ “คุณโห้ คุณทำอะไรน่ะ? ของพวกนี้เงินทั้งนั้นนะ”
สิ้นเปลืองแย่…
ต่อให้เธอไม่ใช้ ให้คนอื่นเป็นของขวัญก็ได้นี่นา
โห้หลีเฉินเหลือบตาขึ้นสบตากับเธออย่างขึงขัง “เสียดายของหรือเสียดายคนให้?”
คืนนี้เขาดูอันตรายพิกล
เย้นหว่านตกใจดึงมือกลับ ไม่กล้าพูดอะไรอีก
ขืนยั่วโมโหเขาอีก เธอกลัวเขาจะ…
โห้หลีเฉินทิ้งขวดสุดท้ายเสร็จ หันมามองเธอและรอบห้อง ก่อนไปหยุดลงที่เสื้อผ้า พลางถาม:
“เสื้อผ้าพวกนี้ก็ด้วย?”
เย้นหว่าน: …
เสื้อผ้าพวกนี้แบรนด์เนมทั้งนั้น ให้ทิ้งน่าเสียดายจะตาย เธอจะบอกว่าไม่ใช่ได้ไหม? ทีนี้สีหน้าเธอมีหรือจะรอดพ้นสายตาโห้หลีเฉินไปได้? ริมฝีปากบางยิ้มเย็น:
“ให้เวลาเธอสามนาที ทิ้งของที่เขาให้ในห้องนี้ให้หมด ไม่งั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”
ครั้งนี้เขาข่มขู่จริงๆ
ไม่เกรงใจยังไง มันทำให้คนหวาดหวั่นจริงๆ
เย้นหว่านรู้ฝีมือเขาดี โกรธขึ้นมาทีไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
ต่อให้รู้สึกเสียดายแค่ไหน เธอก็เดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าพวกนั้นทิ้งถังขยะหมดเลย
ยังมีของใช้หลายอย่างในห้องเธอก็ทิ้งหมดด้วย
“ไม่มีแล้ว” พอทิ้งหมด เธอก็มารายงานกับเขา
โห้หลีเฉินสีหน้าอ่อนโยนลงเพราะรู้สึกพอใจกับท่าทีเธอ สายตาเขาจับจ้องที่ตัวเธออีกครั้ง:
“ที่ใส่อยู่ชุดนี้ล่ะ?”
เย้นหว่านได้ยินปุ๊บ ตอบอย่างกระอักกระอ่วน
“ก็ใช่ แต่ว่า…”
เธอถือว่าเชื่อฟังดี ยังรู้จักยอมรับ!
แต่โห้หลีเฉินแทบใกล้บ้า
เสื้อผ้ารัดรูปสวยขนาดนี้ สามารถแสดงสัดส่วนผู้หญิงอย่างชัดเจน กลับเป็นของผู้ชายอื่นให้เหมือนกัน คืนนี้ไม่รู้ว่ามองเธอไปเยอะแค่ไหนแล้ว
พอคิดว่าเธอใส่ชุดที่ผู้ชายคนนั้นให้ นั่งรถผู้ชายคนนั้น คุยเล่นสัพเพเหระกัน เขาริษยาจนก้าวเข้าไปคว้าร่างเธอไว้ มือใหญ่ดึงซิปด้านหลังเธอ
และรูดมันลงทันที
“อ๊า!” เย้นหว่านตกใจจนหน้าซีด
โห้หลีเฉินรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่ควรรุนแรงขนาดนี้ แต่เขาริษยาและโกรธมาก
ริมฝีปากเปิดออก พูดอย่างชัดเจนว่า
“เย้นหว่าน แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ต่อไปห้ามรับของจากผู้ชายคนไหนทั้งนั้น ของๆคุณต้องมาจากผมคนเดียวเท่านั้น เข้าใจ?”
เย้นหว่านลมหายใจขาดห้วง พยักหน้าหงึกๆตัวแข็งทื่อ
โห้หลีเฉินถึงระงับอาการอยากถอดเสื้อผ้าเธอออก และสั่งเสียงเข้มว่า:
“ไปเถอะ ไปอาบน้ำแล้วถอดชุดนี้ออก”
เขาคลายมือออก
พอเย้นหว่านได้รับอิสระ ก็รีบจับชุดวิ่งไปทางห้องน้ำ
น่ากลัวจริงๆ อันตรายเกินไปแล้ว!
เธอรู้ว่าเขาน่ากลัว แต่ไม่เคยโผเข้ามากระชากเสื้อผ้าเธอเหมือนคืนนี้มาก่อน
ไฟในดวงตาเขาเหมือนแทบอยากจะกลืนกินเธอไปทั้งตัว
นี่เขากำลังโกรธอะไรเนี่ย? ถึงเธอรับพวกเครื่องสำอางกับเสื้อผ้าจะไม่ถูกต้องนัก แต่ไม่น่าจะถึงขั้นนี้ไหมน่ะ…
ยังไงซะ เธอไม่กล้าท้าทายอำนาจเขาอีกแล้วล่ะ
เย้นหว่านคลายความหวาดกลัวลง ถึงพึ่งเห็นว่าห้องน้ำโรงแรมนี้เป็นกระจกครึ่งใส ข้างนอกมองเข้ามาเห็นได้
ยกมือขึ้นทาบอก โชคดีว่าเธอยังไม่ได้ถอด ไม่งั้นขายหน้าแย่จริงๆ
‘แอ๊ด’ประตูห้องน้ำเปิดออก
โห้หลีเฉินมองเข้ามา เห็นเธอยืนหน้าประตูอย่างกระอักกระอ่วน สีหน้าเขินอาย เขาขมวดคิ้วถาม:
“ทำไม?”
เย้นหว่านกำมือแน่น เค้นคำจากคอว่า:
“ฉันจะอาบน้ำ คุณออกไปก่อนได้ไหม?”
โห้หลีเฉินมองไปรอบๆ ถึงพึ่งสังเกตเห็นกระจกของห้องน้ำ ก็เข้าใจในทันที ริมฝีปากบางเอ่ยคำ:
“ผมเป็นสุภาพบุรุษพอ ไม่แอบดูหรอก”
แค่กๆ…มันใช่เรื่องดูหรือไม่ดูไหม?
“คือ ฉันรู้ว่าคุณเป็นสุภาพบุรุษ แต่ฉันไม่ชิน” เย้นหว่านแค่คิดก็กระอักกระอ่วนแล้ว
โห้หลีเฉินยิ้มมุมปาก พูดเบาๆว่า:
“เห็นมาหลายครั้งแล้ว น่าจะชินได้แล้วนะ”
คำพูดเดียวทำเย้นหว่านหน้าแดงแป๊ด ไม่รู้จะพูดไรต่อดี
เขากล้าพูดเรื่องพวกนั้นหน้าตาเฉยได้ยังไง?
โห้หลีเฉินเห็นท่าทางตื่นเต้นของเธอ มันดูน่ารักซะจริง
ถึงเขาจะไม่แอบดูจริงๆ แต่ยังไม่วายแกล้งเธอ:
“ผมไม่ชอบรอนาน สิบนาทีนะ”
พูดจบ เขาก้าวเท้าเดินออกไป
เย้นหว่านอยากจะบอกเขาจริงๆว่า ผู้หญิงอาบน้ำน่ะสิบนาทีมันไม่พอนะ แต่เวลาของเขามีค่ามาก เธอมีหรือจะกล้าได้คืบจะเอาศอก?
รอจนประตูปิดลง เธอวิ่งเข้าห้องอาบน้ำทันที ปิดประตู ถอดเสื้อผ้าอย่างไว ไปยืนใต้ฝักบัว
น้ำอุ่นเทลงมา สบายมาก
แต่ใจเย้นหว่านกลับร้อนรน เกิดสิบนาทีผ่านไปแล้วเธอยังอาบไม่เสร็จ แจ่เขาดันเปิดประตูเข้ามาจะทำยังไงล่ะ?