บทที่ 584 เพียงพอนที่อยากได้ไก่?
“ป๊าบอกว่าลูกไม่ค่อยได้มาที่นี่ เขาเลยออกไปตระเวนข้างนอกดูว่ามีที่ดินดี ๆ ไหม ถ้ามีก็จะซื้อเก็บเอาไว้น่ะ” หลินชิงเหอไม่ปิดเขาแล้วเอ่ยออกมา
โจวเฉวี่ยนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ เขาพยักหน้าแล้วพูด “ก็ไม่เลวนะครับ ตอนนี้หน้าร้านนับวันยิ่งแพงขึ้น ๆ ”
“อย่าบอกใครเชียว” หลินชิงเหอพูด
ไม่มีทางที่โจวเฉวี่ยนจะไม่รู้ เขาย่อมไม่เอาไปพูดให้ใครฟังอยู่แล้ว เพียงแค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ทำไมถึงคิดมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่นี่ละครับ?”
“ยากที่จะมาที่นี่สักหนใช่ไหมละ ในเมื่อป๊าสนใจก็ให้เขาจัดการไปเถอะ” หลินชิงเหอพูด
หากจะให้พูดว่าโจวชิงไป๋ซื้อเอาไว้เพื่อลูกสาวของตัวเองแล้ว หลินชิงเหอกลับไม่สามารถพูดออกมาได้ต่อให้เป็นแม่แท้ ๆ ก็ตาม เพราะคำพูดบางอย่างมันก็ทำร้ายจิตใจคนได้เช่นกัน
ชิงไป๋ของเธออยากเก็บสมบัติไว้ให้ลูกสาวของเขามากกว่า แต่หลินชิงเหออยากปฏิบัติกับลูกทุกคนอย่างยุติธรรม ไม่ต้องกังวลว่าจะแบ่งให้น้อยหรือมาก แต่ควรจะแบ่งให้เท่ากัน อยากให้น้องสาวพวกเขาสบาย ก็ต้องแยกเป็นส่วน ๆ ให้เท่ากัน หากจะเพิ่มหลักประกันให้หล่อนก็ค่อยให้มากกว่านิดหน่อยทีหลังจากแบ่งเท่ากันแล้วก็ได้ ลูกชายของเธอไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไรแบบนี้ แต่ต่อให้พวกเขาไม่คิดเล็กคิดน้อย คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็ไม่อาจให้ต่างกันเกินไปได้
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ยกให้เป็นเรื่องในอนาคต ในตอนนี้หากเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็ดูจะเร็วเกินไปเสียหน่อย
“ช่วงนี้พ่อใช้เงินตามใจตัวเองจังนะครับ แต่ต่อไปจะจัดการยังไงล่ะครับ?” โจวเฉวี่ยนถาม
“ดูไปก่อนเถอะจ้ะ ถึงตอนนั้นจะส่งให้ตาเฒ่าเจียงของลูกไปเช่าก็ได้” หลินชิงเหอพูด
โจวเฉวี่ยนไม่ได้พูดอะไร อย่างไรก็ต้องมีคนคอยดูแล ไม่อย่างนั้นจะทิ้งไว้แบบนี้ได้อย่างไร?
พอถึงตอนเที่ยงโจวชิงไป๋จึงได้กลับมา ซึ่งโจวเฉวี่ยนที่อยู่บ้านได้ทำกับข้าวไว้เสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว คราวนี้เขาได้หน้าร้านมาไว้ในมืออีกหนึ่งแห่ง เมื่อนับ ๆ ดูตั้งแต่ที่พวกเขามาเซี่ยงไฮ้ ในมืองของเขาก็มีที่ดินหน้าร้านแล้ว 13 แห่ง นอกจากนั้นยังมีบ้านอีก 5 หลัง ไม่รวมบ้านที่พวกเขาอยู่นี้ด้วย
“ป๊าซื้อหน้าร้านแบบไหนไปเหรอครับ?” โจวเฉวี่ยนถาม
โจวชิงไป๋ปรายตามองเขา โจวเฉวี่ยนจึงพูด “ม้าบอกกับผมแล้ว”
“อืม” โจวชิงไป๋ตอบอย่างฝืน ๆ ออกมาหนึ่งเสียง และไม่สนใจเขาอีก
หลินชิงเหอเข้าไปนอนกลางวัน เธอไม่ได้รอโจวชิงไป๋ หลังกินข้าวเสร็จก็เข้าไปหลับในห้องเลย
โจวเฉวี่ยนที่กินข้าวเที่ยงด้วยกันกับพ่อของเขาจึงพูดขึ้น “ป๊าสายตากว้างไกลจริง ๆ ตอนนี้พวกเรานับวันยิ่งรวยขึ้น ๆ ต่อไปหน้าร้านอะไรนี่จะต้องขึ้นราคาแน่”
“ถึงตอนนั้นป๊าจะเก็บไว้ให้น้องสาวพวกลูก” โจวชิงไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
ความลำเอียงนั้นมากพอที่เขาจะพูดออกมาราวกับว่ามันสมเหตุสมผลแล้ว ถ้าหลินชิงเหออยู่ตรงนี้ เธอจะต้องจ้องเขาเขม็งแน่
โจวเฉวี่ยนไม่ได้คิดอะไร เขาพยักหน้าแล้วพูด “เก็บไว้เถอะครับ”
พวกเขาโตขนาดนี้แล้ว ย่อมไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดา น้องสาวในอนาคตของพวกเขาเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เอง ดังนั้นจะยกให้น้องสาวของเขา พวกเขาพี่น้องไม่มีใครว่าอะไรหรอก
ได้ยินลูกชายตัวเองพูดอย่างเข้าใจอะไรดีแล้ว โจวชิงไป๋จึงรู้สึกพอใจมาก “อย่าเอาออกไปพูดล่ะ”
“ครับ” โจวเฉวี่ยนพยักหน้ารับ
หลินชิงเหอที่นอนหลับอยู่ไหนเลยจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น อากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เธอรู้สึกปรับตัวไม่ค่อยได้ แถมการตั้งท้องทำให้เธอขี้ร้อนขึ้นด้วย
ดังนั้นหลินชิงเหอจึงเอาถุงใส่น้ำไปวางไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น พอมันแข็งแล้วก็เอาไปใส่ไว้ในจาน และเอาจานวางไว้หน้าพัดลม ให้ลมเย็นพัดมาเธอจึงจะสามารถนอนได้
พอตื่นขึ้นมาหลินชิงเหอก็รู้สึกหิวอีกแล้ว ทั้ง ๆ ที่ก่อนนอนเพิ่งจะกินข้าวไปแท้ ๆ
“ช่วงนี้ความอยากอาหารของเรานี่น่ากลัวจริง ๆ” มีลูกชายสามคนแล้วก็จริง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลินชิงเหอท้องด้วยตัวเอง ทำให้เธอพูดออกมาอย่างรับไม่ได้เล็กน้อย
เธอกำลังกลัว กลัวว่าถ้าความอยากอาหารยังมากขนาดนี้ต่อไปถ้าคลอดลูกสาวออกมาแล้ว เธอจะยังอยากอาหารแบบนี้อยู่หรือไม่ แล้วถ้าใช่จะทำอย่างไร?
โจวชิงไป๋เพิ่งงีบหลับไปเช่นเดียวกัน ตอนนี้เขาไปต้มมันเทศหนึ่งหัว ข้าวโพดหนึ่งฝัก แล้วนำเข้ามา
หลินชิงเหอกินมันเทศแล้วตามด้วยข้าวโพดต่อ หลังจากนั้นถึงได้วางมือลง เธอกินเก่งมากเกินไปแล้ว แต่ก็พยายามกินผักกินธัญพืชมากหน่อย
โจวชิงไป๋คอยประคองเธอไว้ตลอด เพราะว่าตอนนี้เป็นเดือนสิงหาคม อีกครึ่งเดือนก็จะเข้าสู่เดือนที่เก้า หากนับอายุครรภ์ของเธอก็คือ 7 เดือนแล้ว
ท้อง 7 เดือนนั้นไม่ใช่ท้องเล็ก ๆ ทำให้หลินชิงเหอดูเหมือนจะดูงุ่มง่ามเล็กน้อย
มีบางครั้งที่อารมณ์ของเธอจะฉุนเฉียวง่าย แต่เรื่องเหล่านี้โจวชิงไป๋รับได้หมด เขาไม่รู้สึกไม่พอใจเลยสักนิดเดียว
ถ้าเจ้ารองกลับไปแล้ว เขาจะไม่ออกไปข้างนอกและอยู่ดูแลข้างกายภรรยาเขา หรือถ้าต้องออกไปจริง ๆ เขาก็จะเรียกยายเฒ่าเจียงที่อยู่ข้างบ้านมานั่งที่บ้านเขา
“ต้องออกไปเดินบ้างแล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันต้องอ้วนจนดูไม่ได้แน่เลย” หลังจากหลินชิงเหอปัสสาวะเสร็จ เธอก็พูดขึ้น
เธอกินเก่งนอนเก่งจริง ๆ
“งั้นออกไปเดินเล่นกันครับ” โจวชิงไป๋พูด เขาประคองภรรยาแล้วเดินไปด้วยกัน
บังเอิญคุณแม่กัวออกมารับลมด้านนอกพอดี พอเห็นพวกเขาก็ยิ้มทักทาย “นี่ออกมาเดินเล่นเหรอคะ?”
“อืม” โจวชิงไป๋พยักหน้า ตอนนี้ภรรยาของเขากำลังท้องอยู่ ไม่เหมาะที่ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนบ้านที่ไหนทั้งนั้น พออีกฝ่ายทักทายเขาจึงเพียงตอบกลับไปเท่านั้น
“ท้องใหญ่ขนาดนี้ ออกมาเดินเล่นหน่อยถึงจะดีค่ะ ต่อไปจะได้คลอดง่าย ๆ” คุณแม่กัวพูด
“พี่กัว ฉันขอตัวก่อนนะคะ พวกเราว่าจะไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะหน่อย” หลินชิงเหอพูด
“ไปเถอะค่ะ ๆ” คุณแม่กัวพยักหน้า
พอเดินมาไกลแล้ว หลินชิงเหอก็กระซิบกับโจวชิงไป๋ “คุณว่าหล่อนเหมือนเพียงพอนที่อยากได้ไก่ [1] ไหมคะ?”
ไม่ใช่ว่าเธอคิดไปเอง เธออยู่มาหลายเดือนแล้ว ก็มีเดือนนี้เองที่สีหน้าของบ้านตระกูลกัวถึงเพิ่งจะดีขึ้น เห็นหน้าแล้วทักทายพวกเธอแบบนี้ ดังนั้นจะไม่ให้เธอรู้สึกผิดสังเกตได้เหรอ?
“อย่าสนใจเลยครับ” โจวชิงไป๋พูด ขอเพียงไม่ทำลายครอบครัวเขา เขาก็จะไม่สนใจ แต่ถ้ามุ่งร้ายกับครอบครัวเขาเมื่อไร เขาไม่มีทางยอมแน่
มองสองสามีภรรยาเดินจากไปแล้ว คุณแม่กัวจึงเริ่มดีดลูกคิดในใจ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วลูกสาวไร้อนาตคคนนั้นของหล่อนกลับไม่มีความก้าวหน้าเลยแม้แต่ครึ่งเดียว หรือว่าหล่อนควรจะออกตัวไปพูดกับสองสามีภรรยาโจวคู่นั้นเลยดีนะ?
แต่ก่อนอื่น คุณแม่กัวก็มานั่งอยู่ที่บ้านของยายเฒ่าเจียงพร้อมแตงกวาสองสามลูก
ความสัมพันธ์ของยายเฒ่าเจียงกับหล่อนอยู่ในขั้นธรรมดา เป็นเพียงเพื่อนบ้านปกติทั่วไปเท่านั้น
“ทำไมว่างมานั่งบ้านฉันได้ล่ะ” ยายเฒ่าเจียงพูด
“แตงกวาที่บ้านโตแล้วน่ะค่ะ ฉันเลยตั้งใจเอามาให้คุณป้าสองสามลูก ไว้เป็นกับข้าวเพิ่มอีกสักอย่าง” คุณแม่กัวพูด
“เธอดูเพิงปลูกผักของบ้านฉันสิ มีสองสามลูกสามารถกินได้แล้ว คนที่บ้านตระกูลกัวทางนั้นคนเยอะ อีกเดี๋ยวเธอก็เอากลับไปสักสองสามลูกสิ” ยายเฒ่าเจียงพูด
คุณแม่กัวไม่พูดเรื่องนี้ แล้วเข้าประเด็นว่า “เด็กหนุ่มที่อยู่บ้านตระกูลโจวเป็นใครเหรอคะ หล่อเหลาเอาการเลย”
“นั่นน่ะเป็นลูกคนรองของพวกเขา” ยายเฒ่าเจียงพูด
“ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วคะ?” คุณแม่กัวรู้เรื่องนี้นานแล้วแต่ยังพูดถามต่อ
ยายเฒ่าเจียงมองท่าทางของหล่อน ก็คิดถึงท่าทางช่วงนี้ของกัวเมี่ยวจวินขึ้นมา ในใจก็คล้ายจะเดาอะไรออก จึงพูดว่า “ 19 แล้ว”
“ 19 เหรอคะ? งั้นก็อายุเท่ากับเมี่ยวจวินเลย” คุณแม่กัวยิ้มแล้วพูด
“ใช่จ้ะ แต่ว่าเมี่ยวจวินของเธอน่ะเก่งเหมือนกันนะทำได้ทั้งงานในบ้านงานนอกบ้าน ส่วนพี่รองของเสี่ยวเกิงน่ะยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย” ยายเฒ่าเจียงพูด
“ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วยเหรอคะ?” คุณแม่กัวพูดอย่างตื่นเต้น
“ก็ตามนั้นแหละ เดิมทีฉันยังอยากจะแนะนำแฟนให้เขาอยู่เลย” ยายเฒ่าเจียงปรายตามองหล่อนแล้วพูด
…………………………………………………………………………………………………………………………
[1] มาจากสุภาษิต(黄鼠狼给鸡拜年—–没安好心)แปลว่า เพียงพอนมาอวยพรปีใหม่ไก่ ไม่หวังดี หมายถึง ต่อหน้าทำเป็นดี ลับหลังมุ่งร้ายไม่หวังดี
สารจากผู้แปล
ป๊าลำเอียงสุด ๆ เลยค่ะ สามคนนั้นก็ลูกชายป๊านะคะ ถ้าตอนนั้นม้าไม่ได้หลับนะรับรองป๊าโดนดึงหูยานแน่
ยายเจียงสกัดบ้านกัวให้แล้วค่ะ โล่งใจไปหนึ่งเปลาะ
ไหหม่า(海馬)