บทที่ 542 ให้อั่งเปาปีใหม่
เป็นตอนที่หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋กลับมาปักกิ่งนี่เอง พวกเขาถึงเพิ่งได้ยินว่าหู่จือพาเฉินฉานฉานกลับไปแล้ว เมื่อคำนวณเวลาดูก็พบว่าคลาดกันนิดเดียว
หลังจากกินข้าวเย็นที่ร้านเกี๊ยวทางนี้เสร็จ เธอก็ชวนโจวเสี่ยวเหมยไปโรงอาบน้ำกัน
ส่วนโจวชิงไป๋ไปพร้อมกับซูต้าหลิน
“พอต้องรีบกลับไปอย่างกะทันหันแบบนี้รู้สึกเหนื่อยมากเลยล่ะ” หลินชิงเหอพูด
“คุณแม่ยังพูดเลยค่ะว่าทำไมไม่พาพวกเจ้าใหญ่กลับไปด้วย” โจวเสี่ยวเหมยพูด
หากพูดตามหลักการแล้วก็ควรต้องพากลับไปด้วย แต่ว่าหลินชิงเหอไม่มีความคิดแบบนั้น มีเพียงเธอกับโจวชิงไป๋กลับไปก็พอแล้ว
เห็นพี่สะใภ้สี่ไม่อยากพูดเรื่องนี้ให้มากความ โจวเสี่ยวเหมยก็เปลี่ยนเรื่องพูด “พี่ใหญ่เป็นยังไงบ้างคะ?”
“สบายดีจ้ะ ในอนาคตก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” หลินชิงเหอพูด
“พี่รองล่ะคะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
หลินชิงเหอยิ้ม “ปีหน้าก็จะสร้างบ้านใหม่แล้วล่ะ แล้วเซี่ยเซี่ยก็คบหาอยู่กับลูกสาวอาจารย์เขาด้วย”
หากมองอย่างนี้ก็ถือว่าไม่ขาดแคลนอะไร เมื่อเทียบกับในหมู่คนชนบทด้วยกันถือว่าพวกเขาไม่ด้อยกว่า แต่ถ้าเทียบกันในหมู่ครอบครัวเหล่าพี่ชายตระกูลโจวที่ต่างก้าวหน้ากันแล้วทั้งสิ้นจะไม่ถือว่าพวกเขาพัฒนาอะไรมากมายนัก ทว่าเมื่อดูองค์ประกอบทั้งหมดทั้งมวลแล้วก็ไม่อาจเรียกได้ว่าด้อย
“ไม่รู้ว่าโจวลิ่วนีเอาเบอร์มาจากไหน หล่อนโทรศัพท์มาที่นี่ด้วยค่ะ ตอนพี่กลับไปที่นั่นหล่อนได้ไปหาพี่บ้างไหมคะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
“หล่อนไม่กล้ามาน่ะสิ” หลินชิงเหอตอบ
โจวลิ่วนีไม่เคยมาหาเธอหรือโจวชิงไป๋ กระทั่งตอนที่กลับไปก็ยังไม่เห็นโจวลิ่วนีเลย แต่เธอพอจะรู้อยู่ว่าโจวลิ่วนีแต่งเข้าครอบครัวไหนไป ช่างเหมาะกันเหมือนฝากับหม้อ* ไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้วเดินเข้าประตูเฉย ๆ**
*เทียบกับไทยก็ผีเน่ากับโลงผุ
**หมายถึง แต่งงานกับคนที่มีนิสัยคล้ายกัน
“หล่อนโทรมาพูดอะไรเหรอ?” หลินชิงเหอถาม
“ท่าทางเหมือนหล่อนอยากให้โจวซานนีพาหล่อนมาที่นี่เลยค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด
หลินชิงเหอแค่นหัวเราะหนึ่งเสียง “ซานนีรำคาญหล่อนจะตาย”
ก่อนหน้านั้นตอนที่ยังอยู่ในครอบครัว หล่อนได้โยนงานทุกอย่างมาให้ซานนีทำ แล้วก็ชอบพูดจาว่าร้ายรังแกคนอื่น แต่สะใภ้รองโจวกลับคิดว่าลูกสาวคนนี้เป็นคนที่มีอนาคตไกลไปได้
“ฉันตอบกลับหล่อนไปแล้วค่ะ ว่าให้หล่อนใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านให้ดี ๆ อย่าคิดจะมาที่นี่อีก” โจวเสี่ยวเหมยพูด
หลินชิงเหอไม่อยากพูดถึงโจวลิ่วนีแล้ว สถานการณ์ในตอนนี้กลายเป็นว่าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ให้หล่อนอยู่ที่ชนบทต่อไปเถอะ ว่าแล้วเธอก็พูดพลางถอนหายใจ “ยังไงบ้านที่ปักกิ่งนี่ก็สบายที่สุดแล้วล่ะ”
นั่งรถไฟมาตลอดการเดินทางและได้กลับมาอาบน้ำแบบนี้ ไม่มีอะไรจะสบายมากกว่านี้แล้ว
หลังออกมาจากโรงอาบน้ำ พวกเธอก็กลับบ้านกันก่อน โจวชิงไป๋กับซูต้าหลินยังไม่กลับ ยังคงผลัดกันขัดหลังอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้นพวกเธอได้มาหาท่านพ่อท่านแม่โจวที่รออยู่
“ครั้งนี้ควรจะพาพวกเจ้าใหญ่กลับไปด้วยถึงจะถูกนะ” ท่านแม่โจวพูด
“ครั้งนี้ฉันคิดไม่รอบคอบเองค่ะ ไว้รอบหน้าค่อยว่ากันนะคะ” หลินชิงเหอตอบ
ท่านแม่โจวก็ไม่พูดอะไรอีก จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ซานซานกับหู่จือกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าหล่อนจะดูถูกที่เขาจนหรือเปล่านะ”
“ครอบครัวเฉินทางนั้นก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ส่วนหู่จือยังหนุ่มยังแน่น ยากจนหน่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ปีหน้าเขาคิดจะย้ายทะเบียนบ้านมาแล้ว ต่อไปคงจะไม่ได้กลับไปบ่อยหรอกค่ะ” หลินชิงเหอพูด
“ถ้าจะย้ายทะเบียนบ้านมา หู่จือก็ต้องซื้อบ้านไว้ถึงจะดี” ท่านแม่โจวพูด ในสายตาของคนเฒ่าคนแก่ การซื้อบ้านเป็นสิ่งที่มั่นคงที่สุด ดีกว่าเช่าบ้านอยู่แล้ว
“ค่ะ หู่จือต้องหาเงินไม่น้อยเลย เงินของเขาทั้งหมดฉันเป็นคนเก็บไว้เอง ขอเพียงเขาขยันทำงาน ต้องซื้อบ้านได้สักหลังอย่างแน่นอนค่ะ” หลินชิงเหอพูด
รอจนหู่จือมีเงินซื้อบ้าน ถึงตอนนั้นก็คงจะมีตึกอาคารพาณิชย์ขึ้นมาแล้ว ให้เขาซื้อบ้านแบบอาคารพาณิชย์ก็ไม่เลว
“แต่ห้ามให้เขาด้อยกว่าเชิ่งเฉียง อย่าให้เขาโดนดูถูกได้”
โจวเสี่ยวเหมยพูด “พวกเขาเป็นหลานนอกของคุณแม่ทั้งนั้น แม่ยังลำเอียงอีกหรือคะเนี่ย”
“ฉันไม่มีหลานนอกแบบนั้น แม้แต่ผู้หญิงแบบนั้นเขาก็ยังเอามาเป็นภรรยา ไปไหนมีแต่จะทำให้เขาขายหน้า เขายังคิดว่าเป็นของล้ำค่าได้อีก!” ท่านแม่โจวด่า
นางเป็นคนหัวโบราณ ตอนที่สวี่เชิ่งเหม่ยท้องก่อนแต่งทำร้ายจิตใจนางไม่น้อย ทำให้นางถึงกับนอนซมอยู่บนเตียง
พอพูดถึงสวี่เชิ่งเฉียงในตอนนี้ ท่านแม่โจวจะยังสามารถยินดีอยู่ได้อย่างไร?
หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็นิ่งไปสักพัก ท่านแม่โจวรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร? จากนั้นเธอก็มองโจวเสี่ยวเหมย
โจวเสี่ยวเหมยจึงพูดขึ้น “พี่สะใภ้สี่ พี่เข้าไปทำซุปเห็ดหูหนูขาวกับฉันหน่อยสิคะ”
หลินชิงเหอเดินตามหล่อนเข้ามาในห้องครัวด้วยกัน และลดเสียงต่ำลง “เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณแม่ถึงรู้เรื่องนี้”
พวกเธอปกปิดเรื่องทั้งหมดไว้ ก็เพราะกลัวว่านางฟังแล้วจะรับไม่ได้
“ปิดไม่ไหวน่ะสิคะ คุณแม่ยังคิดว่าเป็นเรื่องดี ถามตลอดว่าตอนนี้เป็นอย่างไร ๆ ฉันเลยบอกว่าแต่งงานแล้ว แต่เรื่องพวกนั้นที่สวี่เชิ่งเหม่ยทำฉันไม่ได้บอก” โจวเสี่ยวเหมยพูด
หล่อนเพียงแต่บอกว่าคนที่สวี่เชิ่งเฉียงแต่งงานด้วยมีชื่อเสียงไม่ค่อยดี เป็นสาวปักกิ่งที่มีความสัมพันธ์ซับซ้อนระหว่างหญิงชาย
ไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ฟัง และยังทะเลาะกับทางนี้ ดังนั้นต่อจากนี้ไปก็คงจะไม่ไปมาหาสู่กันอีกแล้ว
ท่านแม่โจวได้ยินก็โกรธมาก แม้ว่านางจะโกรธ แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตที่พอจะรับได้ จึงไม่ได้โมโหจนถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ
หลินชิงเหอไม่ได้พูดอะไร ในเมื่อรู้แล้วก็รู้ไป แค่นางรับได้ก็พอแล้ว
ไม่นานนักโจวชิงไป๋กับซูต้าหลินก็กลับมา
“ต้าหลินทำซาลาเปาเอาไว้ไม่น้อย พวกเธอนำกลับไปด้วยสิ อยากกินก็เอามาอุ่นกินได้” ท่านแม่โจวพูด
“ครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า
“พี่ชายใหญ่เป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” ท่านแม่โจวถาม
“สบายดีครับ ปีหน้าพี่รองก็จะสร้างบ้านใหม่แล้ว” โจวชิงไป๋พูด
“พี่ชายรองของแกก็จะสร้างบ้านใหม่เหมือนกันแล้วหรือ?” ท่านแม่โจวได้ยินก็ดีใจมาก “งั้นพวกพี่ชายของแกก็มีบ้านใหม่กันหมดแล้วน่ะสิ นี่ถ้าอยู่ในชนบทต้องมีคนอิจฉาเราแน่”
“คุณไม่อยู่ที่ชนบท คนอื่นก็อิจฉาเหมือนกัน” ท่านพ่อโจวพูด
ท่านแม่โจวได้ยินก็ยิ่งยิ้มกว้าง “ไม่เห็นจะเป็นไรนี่ เป็นเพราะลูกของเราขยันทำงานด้วยตัวเอง พวกเราไม่ได้ช่วยอะไรเลย”
“พี่สะใภ้ใหญ่ให้ไข่เค็มมาด้วยค่ะ หอมมาก คุณพ่อคุณแม่ทานเยอะ ๆ นะคะ” หลินชิงเหอพูด หลังจากนั้นก็นำอั่งเปาออกมา 4 ซอง และมอบให้ท่านพ่อท่านแม่โจว
“อั่งเปานี่ใครให้เหรอ?” ท่านแม่โจวถาม
“พี่สะใภ้ใหญ่กับพี่สะใภ้สามฝากมาค่ะ คนละ 20 หยวน” หลินชิงเหอพูด
สะใภ้สามที่อยู่ทางนั้นฝากอั่งเปามาให้ท่านพ่อโจว 20 หยวน และให้ท่านแม่โจวอีก 20 หยวน โดยเรื่องนี้หลินชิงเหอไม่ได้พูดอะไรเลย เป็นสะใภ้สามที่ถามขึ้นมาเอง และยังบอกเธอว่าสะใภ้ใหญ่เองก็ฝากอั่งเปามาให้เช่นกัน
“พวกหล่อนมีน้ำใจจริง ๆ ” ท่านแม่โจวพูดอย่างดีใจ
“ส่วนนี่ก็คือของฉันกับชิงไป๋ค่ะ” หลินชิงเหอหยิบซองแดงขึ้นมาอีก 2 ซอง และแบ่งให้ทีละคนเช่นกัน
“คุณน้าคะ พวกเราก็อยากได้อั่งเปาเหมือนกันนะคะ” ซูหย่ากับซูเถียนมองตาปริบ ๆ อย่างน่าสงสาร
“พรุ่งนี้ก็เป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว เดี๋ยวพวกพี่ชายก็ให้อั่งเปาซองใหญ่กับพวกหนูเองแหละจ้ะ” หลินชิงเหอพูดด้วยรอยยิ้ม
“จริงนะคะ” ซูหย่าพูด
“ต้องจริงอยู่แล้วจ้ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
สองพี่น้องดีใจมาก “งั้นพวกหนูจะรออั่งเปาจากพี่ ๆ วันพรุ่งนี้นะคะ”
“เจ้าเด็กดื้อรู้จักทวงอั่งเปาแล้วเหรอ” โจวเสี่ยวเหมยว่าด้วยรอยยิ้ม และมองไปที่ซูต้าหลิน “ลูกสาวของคุณนี่นะ”
ซูต้าหลินทำเพียงหัวเราะออกมา
ท่านพ่อท่านแม่โจวรู้สึกมีความสุขมาก และดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเรื่องที่สะใภ้รองไร้น้ำใจเลย
หากมีก็เพียงแค่หยิบยกมาพูดเล็กน้อย ไม่ได้พูดแบบเฉพาะเจาะจงถึงหล่อนขนาดนั้น ตอนนี้ชีวิตของพวกเขานับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นแล้ว
………………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ให้บรรยากาศชื่นมื่นมีความสุขแบบนี้แหละค่ะดีแล้ว อย่าให้ท่านแม่โจวรับรู้เรื่องของบ้านรองเลย
ไหหม่า(海馬)