ตอนที่ 530 ถูกเมินเฉยไม่เป็นที่ต้องการแล้ว

บทที่ 530 ถูกเมินเฉยไม่เป็นที่ต้องการแล้ว

ในความคิดของท่านแม่โจว นางคิดว่าโจวเอ้อร์นีและโจวซานนีหลานสาวทั้งสองของนางเกิดถูกยุคสมัยแล้ว เพราะทั้งคู่ล้วนได้อยู่ในยุคที่เจริญรุ่งเรืองขึ้น

โจวซื่อนีกินส้มสองผลหมดก็อยู่พูดคุยสักพักแล้วถึงกลับไป

จากนั้นโจวเสี่ยวเหมยจึงเล่าเรื่องแม่เฒ่าจูข้างบ้านที่ต้องการดึงตัวหลานสาวให้ฟังอีกครั้ง

“ซื่อนีไม่ใช่เชิ่งเหม่ย หล่อนไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกไปซะทุกเรื่อง อย่ากังวลกับหล่อนเลย” ท่านแม่โจวสั่งเสียงฮึดฮัด

แม่เฒ่าจูคนนี้มาหานางและพูดเรื่องหลานชายตนเองหลายครั้งแล้ว แต่จนถึงตอนนี้นางยังไม่เคยเห็นตัวคนเลย ถ้าดีอย่างที่พูดจริงล่ะก็ ทำไมถึงไม่เอามาพบหน้ากันหน่อยเล่า?

ความจริงใจสักนิดก็ไม่มี

ไม่ผิดตรงที่แม้ท่านแม่โจวจะไม่ค่อยชอบแม่เฒ่าจู แต่ถ้าหลานชายแม่เฒ่าจูดีจริงอย่างที่พูด ก็น่าลองให้ซื่อนีได้ศึกษาดูใจกันหน่อย

แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้เมืองหลวงแล้ว หลังจากนี้หล่อนก็จะได้ใกล้ชิดกับพี่สาว พี่สาวน้องสาวช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นั่นเป็นเรื่องดีขนาดไหน?

ดังนั้นถ้าหลานชายของอีกฝ่ายดีจริง นั่นก็ถือว่าไม่เลวเหมือนกัน แต่นั่นต้องผ่านเกณฑ์ที่นางกำหนดไว้เสียก่อน จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่เห็นเงาคนเลยสักครั้ง เช่นนั้นแล้วก็ต้องเชิญแม่เฒ่าจูกลับไปตามทางที่ตนเคยมา

แต่คาดว่าฝั่งทางนั้นก็น่าจะไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว ดังนั้นเมื่อผ่านไปไม่กี่วัน หลานชายของแม่เฒ่าจูจึงมาที่นี่และยังตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัวอย่างดี

แต่เพียงท่านแม่โจวมองครั้งเดียว ในใจนางก็จดขึ้นบัญชีดำเอาไว้ทันที

นี่มันเรื่องตลกอะไร?

หลานรักของแม่เฒ่าจูไม่เพียงผอมแห้งเหมือนลิงผอม หน้าตาก็ไม่ได้สัดส่วนดูธรรมดาอย่างมาก ราวกับคนที่เจริญเติบโตมาตามยถากรรม

ไม่ต้องพูดถึงตรงนี้เลย รูปร่างนั้นก็ใช้ไม่ได้ นี่เขาสูงเท่าไหร่กัน?

ไม่ต้องถึงขนาดเอาเจ้าใหญ่เจ้ารองและเจ้าสามที่ตัวสูงใหญ่มาเทียบ ถึงอย่างไรก็ควรจะเป็นให้ได้อย่างหู่จือกังจือสองคนพี่น้องนั่นด้วยสิจริงไหม?

เด็กคนนี้สูงกว่าซื่อนีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง

ท่านแม่โจวมองเพียงปราดเดียวก็ไม่รู้สึกสนใจจะมองต่อแล้ว

เรื่องนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงแล้วเช่นกัน เมื่อหลี่ไท่หลานชายของแม่เฒ่าจูสัมผัสได้ถึงความเหินห่างเย็นชาของท่านแม่โจว เขาก็ขมวดคิ้วฉับ

ถ้าไม่ใช่เพราะยายของเขาบอกว่าถ้าเขาสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับฝ่ายผู้หญิงทางนี้ได้ และพวกเขาอาจจะมอบหน้าที่การงานให้เขาได้ล่ะก็ เขาก็ไม่มองผู้หญิงชนบทนี่หรอก แต่ใครจะรู้ว่าครอบครัวนี้จะวางตัวสูงส่งเย็นชาห่างเหิน ไม่มีความกระตือรือร้นเลย

หลี่ไท่จึงกลับไปกับคุณยายของเขา หลังจากนั้นก็บอกว่าเขาไม่สนใจจะดูตัวแล้ว

“หลานอย่าโง่หน่อยเลย ท่าทางของย่าเฒ่าคนนั้นหลานไม่ต้องสนใจ หลานเพียงจับหลานสาวของหล่อนมาแต่งงานให้ได้ก็พอ” แม่เฒ่าจูพูด

หลังจากนั้นนางก็เล่าเรื่องของโจวซื่อนีว่าเป็นอย่างไรขึ้นมาอีกครั้ง หลี่ไท่จึงพูดขึ้นว่า “แล้วหน้าตาเป็นยังไงครับ ถ้าไม่สวยผมก็ไม่ยอมแต่งงานด้วยหรอกนะ”

แม่เฒ่าจูระบายยิ้มเต็มหน้า “ไม่มีทางที่หลานจะไม่เต็มใจหรอกจ้ะ หล่อนหน้าตาดีพอใช้ได้เลย”

เพราะคุณยายพูดว่าพอใช้ได้ หลี่ไท่จึงไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากนัก แต่พอเขาได้เห็นโจวซื่อนีจริง ๆ แล้ว ชายหนุ่มก็ถึงกับนิ่งอึ้ง

โจวซื่อนีไม่ใช่คนที่ถือว่าสวย แต่ไม่มีตรงไหนที่ดูขี้เหร่เลย หน้าตาของหล่อนจัดว่าปานกลาง แต่ไม่ใช่คนรูปร่างเตี้ย อีกทั้งยังมีบุคลิกสดใสร่าเริง มองแล้วไม่รู้สึกว่าหน้าตาแย่แต่ก็ไม่ได้สวยมากมายอะไรเช่นกัน ทว่ายิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเสน่ห์

หลี่ไท่ยังคงยืนนิ่ง คิดว่าเดี๋ยวโจวซื่อนีต้องมาชวนตัวเองคุย แต่โจวซื่อนีกลับไม่มองเขาเลยสักนิด และหันไปสนใจคุณปู่ของหล่อนแทน

หลินชิงเหอเองก็ได้ยินเรื่องหลังจากนี้มาจากโจวเสี่ยวเหมยอีกที

“ท่าทางอย่างกับไก่อ่อนแล้วยังหลงตัวเองอีก” โจวเสี่ยวเหมยพูดพลางเบ้ปาก

หลินชิงเหอหัวเราะ หยิบซาลาเปาไส้แครอทผักรวมมากินหนึ่งลูก โจวเสี่ยวเหมยหยิบซาลาเปาหลากหลายรสชาติมาสองถุงกระดาษใหญ่ ๆ เธอรับมากินไปด้วยพูดไปด้วย “บอกให้ซื่อนีระวังหน่อยก็พอ”

“แต่เดิมซื่อนีก็ไม่สนใจเขาอยู่แล้วค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด

หลินชิงเหอนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณแม่เวิงฟัง คุณแม่เวิงกินซาลาเปาแล้วพูดขึ้น “คุณไม่รับพิจารณาบ้างเลยหรือคะ? กั๋วต้งของฉันแม้ว่าจะไม่มีอนาคตที่สดใสเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ทำให้ภรรยาเสียใจหรอกนะ”

“พี่เวิงถือว่าแล้ว ๆ ไปเถอะค่ะ ตั้งแต่เขากลับมาพี่ก็พาเขาไปดูตัวไม่ใช่น้อย ๆ แต่เขากลับไม่สนใจใครสักคนเดียว” หลินชิงเหอพูด

คุณแม่เวิงรู้สึกว่ากินซาลาเปาไม่อร่อยแล้ว หล่อนถอนหายใจพูด “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาต้องการหาภรรยาแบบไหน นี่ก็ไม่ได้นั่นก็ไม่เอา ฉันยกทุกอย่างมาพูดแล้วเขาก็ไม่สนใจ”

บรรดาหญิงสาวที่เคยดูตัวด้วยเมื่อเจอเขาครั้งหนึ่งก็ไม่อยากเจอครั้งที่สอง ไม่มีใครสนใจเขาแล้ว

หลินชิงเหอยิ้ม ดูสิเป็นแบบนี้แล้วยังจะสามารถแนะนำซื่อนีให้ได้เหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอก

“อีกไม่กี่วันเหม่ยเจี่ยกับเสี่ยวข่ายก็จะกลับมาแล้วค่ะ” หลินชิงเหอเปลี่ยนเรื่องคุย “ตอนนี้ก็เป็นปีใหม่พอดี มากินเลี้ยงปีใหม่กับพวกเราสิคะ คนเยอะ ๆ ถึงจะสนุก”

คุณแม่เวิงยิ้มและพูดขึ้น “ก็ดีนะคะ บ้านนี้คนเยอะทีเดียว”

“ปีนี้ไม่เยอะหรอกค่ะ พวกเขาจะไปกินเลี้ยงที่บ้านสามีของฉันกัน” หลินชิงเหอพูด

คุณแม่เวิงเต็มใจที่จะมากินเลี้ยงที่นี่มาก หล่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “เกรงว่าเหล่าเวิงจะด่าฉันน่ะสิคะ”

“ด่าอะไรกันคะ พี่ก็เอาของกินมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยสิคะ จะมีอะไรให้ด่าว่ากัน กินด้วยกันคึกคักดีออกค่ะ” หลินชิงเหอพูด

คุณแม่เวิงกระตือรือร้นอย่างมาก และเอ่ยขึ้น “งั้นคุณเรียกซื่อนีกินด้วยกันนะคะ”

หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็ยิ้มไม่ออก “ได้ค่ะ แต่ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นนะคะ ฉันเพียงให้ซื่อนีมากินข้าวทางนี้เท่านั้น”

คุณแม่เวิงดูมีความตั้งใจจริง ๆ หล่อนพูดเรื่องนี้หลายรอบแล้ว หลินชิงเหอจึงไม่อาจปฎิเสธอะไรได้ เธอไม่ได้พูดเรื่องนี้กับหลานสาวของตน ดังนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร ถ้าหล่อนเกิดชอบเวิงกั๋วต้งขึ้นมา ถึงตอนนั้นค่อยพูดก็ยังไม่สาย

แต่ถ้าหลานสาวของเธอไม่ชอบเขา เวิงกั๋วต้งก็เช็ดน้ำตาเอาเองเถอะ ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก เนื่องจากเวิงกั๋วตั้งนั้นดีมาก เขาปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างมีมารยาทและเคารพนอบน้อม หน้าที่การงานมั่นคง ส่วนครอบครัวเธอเองก็รู้จักกับคุณพ่อคุณแม่เวิงมานานแล้ว นั่นก็ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้พรรค์นี้เลย

ถ้าสำเร็จจริง ๆ หลินชิงเหอก็ยินดีด้วยเช่นด้วยกัน แต่เธอแค่ไม่ได้ตั้งความหวังไว้ขนาดนั้น

คุณแม่เวิงดีใจมากและกลับไปบอกกับคุณพ่อเวิง พอเขาได้ยินว่าหล่อนวุ่นวายกับเรื่องนี้อีกแล้ว ก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน

แม้ว่างานกินเลี้ยงปีใหม่จะไม่ได้ใหญ่โตและต้องเอาอาหารไปร่วมโต๊ะด้วย แต่ในเมื่อต้องการจับคู่ให้ลูกชายตัวเองแล้ว เช่นนั้นก็ไปเถอะ

เขาเคยเห็นโจวซื่อนีมาแล้ว และรู้สึกว่าหล่อนดีทีเดียว เป็นหญิงสาวที่ดูสะอาดสะอ้านและคล่องแคล่วปราดเปรียว เห็นได้ชัดว่าหล่อนเป็นคนรู้ความคนหนึ่ง ดังนั้นคุณพ่อเวิงจึงปรายตามองลูกชายของตัวเองนิด ๆ

ได้แต่หวังว่าเจ้าลูกชายคนโตคนนี้จะพยายามหน่อยนะ

เวิงกั๋วต้งเงียบไป ทำไมต้องเร่งให้เขาแต่งงานตลอดเวลาด้วย เขาอายุ 28 นะ ไม่ใช่ 38 ?

เขายังไม่แก่ขนาดนั้นสักหน่อย?

“ผมหาห้องแล้วห้องหนึ่ง ปีหน้าผมวางแผนว่าจะไปเช่าแล้วย้ายออกไปอยู่เองนะครับ” เวิงกั๋วต้งปริปาก

“อยากย้ายก็ย้ายเถอะ” คุณพ่อเวิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ

“ลูกควรจะย้ายออกไปตั้งนานแล้ว ย้ายไปให้ไกลหน่อยนะรู้ไหม” คุณแม่เวิงพูดเสริม

เวิงกั๋วต้งที่นึกว่าพ่อกับแม่ตัวเองจะรั้งเขาไว้สักสองประโยคถึงกับใบ้กิน

ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีสิทธิอะไรในบ้านนี้อีกแล้ว ถูกเมินเฉยไม่เป็นที่ต้องการแล้วจริง ๆ

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ขนาดมาตรฐานท่านแม่โจวยังไม่ผ่านเลย งั้นก็อย่าหวังเลยค่ะว่าจะผ่านมาตรฐานของแม่ บ้านนี้จริงจังกับคนที่จะมาเป็นคู่ของลูกหลานมากนะ

พี่ใหญ่เวิงได้กินอาหารสุนัขอิ่มแล้วมั้งคะเนี่ย พ่อกับแม่เตรียมลอยแพแล้วโทษฐานเล่นตัวไม่ยอมแต่งสะใภ้สักที

ไหหม่า(海馬)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset