บทที่ 431 ฉาวโฉ่
“ฉันจะปรับการเรียนการสอนตอนบ่ายวันพรุ่งนี้นะคะ ให้เจ้ารองทำแบบนี้เหมือนกันแล้วมาเฝ้าร้านให้คุณ จากนั้นเราไปที่สระว่ายน้ำกันดีไหมคะ?” หลินชิงเหอถามเขาทันทีที่มาถึง
“มีสระว่ายน้ำด้วยเหรอ?” โจวชิงไป๋ถาม เขาชอบว่ายน้ำมาก
“ฉันเพิ่งได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงานวันนี้เองค่ะ” หลินชิงเหอพยักหน้า
สระว่ายน้ำที่ว่านี้เป็นสระเปิดใหม่ การเดินทางไปที่นั่นสามารถนั่งรถตรงไปได้เลยไม่ต้องเปลี่ยนสายรถประจำทาง ซึ่งมันอยู่ที่ป้ายรถประจำทางห้าป้ายสุดท้าย เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ฟังดูดีมากจริงๆ
โจวชิงไป๋พยักหน้า
เขาใส่ใจดูแลร่างกายตนเองและรักการเล่นกีฬามาก เขามักจะไปเล่นบาสเกตบอลหรือไม่ก็กีฬาอื่น ๆ 3 หรือ 4 ครั้ง
ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกัน จากนั้นโจวชิงไป๋ก็เล่าเรื่องของหู่จือกับจางเหมยเหลียนให้ฟัง
“อะไรนะ?” หลินชิงเหอเบิกตากว้างแทบถลนและรีบหันไปถามคุณป้าหม่า “คุณป้าคะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“ป้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะจ้ะ ป้าเห็นพวกเขายืนอยู่ตรงโถงตึกเมื่อเช้านี้ ลองถามหู่จือดูสิจ๊ะ” คุณป้าหม่ายตอบ
จางเหมยเหลียนคนนี้เป็นคนอย่างไรน่ะเหรอ? หล่อนกับพี่สาวก็คืออาวุธทำลายล้างน่ะสิ ผู้หญิงอย่างพวกหล่อนเข้าตระกูลไหนก็สร้างหายนะเมื่อนั้น ทำให้ตระกูลนั้นเผชิญแต่ความเดือดร้อน
หลินชิงเหอไม่รีรอต่อไป เธอรีบมาที่ร้านเสื้อผ้าผู้ชายเพื่อหาหู่จือ
เธออยากบ่มเพาะหู่จือผู้เป็นหลานชายคนนี้ด้วยใจจริง หากเขาต้องแปดเปื้อนด้วยมือผู้หญิงแบบนี้ เธอก็ไม่ลังเลที่จะเตะโด่งเขากลับบ้าน
“หู่จือ ออกมาหาน้าหน่อย” หลินชิงเหอมาถึงร้านและเห็นผู้ชายสองคนกำลังเลือกเสื้อผ้า เธอจึงปล่อยให้กังจือกับหม่าเฉิงหมินจัดการเรื่องนั้นไป
แม้ตอนนี้หม่าเฉิงหมินจะได้ทำงานในตำแหน่งหัวหน้างานแล้ว เขาก็ยังมาช่วยเฝ้าร้านค้าอยู่
หู่จือเดินตามเธอออกมา เขาคิดว่าต้องมีเรื่องอย่างอื่น แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินน้าสะใภ้ถามเขาตรง ๆ “เธอกำลังคบกับจางเหมยเหลียนใช่ไหม?”
หู่จือนิ่งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาพลันแข็งค้างและเอ่ยตอบทันที “ไม่มีทางครับ!”
หลินชิงเหอจ้องมองเขาและเอ่ยต่อ “แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ? คุณป้าหม่าเห็นเธอกับจางเหมยเหลียนยืนคุยกันอยู่ที่ชั้นล่างนานมากเลยนะ!”
หู่จือเข้าใจสถานการณ์ในทันทีและรีบอธิบาย “น้าสะใภ้ มันไม่ใช่อย่างที่น้าคิดนะครับ ผมไม่มีอะไรกับจางเหมยเหลียนเลย”
“เธอไม่สนใจหล่อน แต่หล่อนสนใจเธองั้นเหรอ?” หลินชิงเหอเอ่ยเสียงเรียบ
เธอถามได้ตรงจุดพอดี หู่จือไม่พูดอะไรเมื่อได้ยินดังนี้
ตอนแรกหลินชิงเหอแค่ถามเฉย ๆ ดูจากปฏิกิริยานี้ของเขาแล้วมันก็ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจจางเหมยเหลียน เธอจึงอยากเตือนให้เขาหนีห่างจากหล่อน
แต่เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ หลินชิงเหอก็อดรนทนไม่ไหวและดึงหูเขาในทันที “เจ้าเด็กเหลือขอ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น!”
แม้เขาจะเป็นหลานชายที่ตัวค่อนข้างสูง แต่หลินชิงเหอก็ไม่ปรานีแต่อย่างใดขณะสั่งสอนเขา
หู่จือตัวสั่นระริกด้วยความเจ็บปวดและละล่ำละลัก “น้าสะใภ้ ไว้หน้าผมด้วยครับ ไว้หน้าผมด้วย คนเยอะแยะกำลังมองเราอยู่นะครับ”
หลินชิงเหอมองรอบ ๆ จากนั้นก็ปล่อยใบหูของเขาและเอ่ยเสียงต่ำ “รีบอธิบายมาเร็วเข้า พวกเธอไปกันถึงขั้นไหนแล้ว? เจ้าเด็กโง่ ไม่รู้เหรอว่าหล่อนเป็นคนยังไง? เธอกล้าท้าทายหล่อนเหรอ!”
“หล่อนเป็นยังไงเหรอครับ?” หู่จือถามอย่างงงงวย
หลินชิงเหอจึงโพล่งออกมา “เธออยู่บ้านมาตั้งนานแล้วไม่รู้ว่าลูกสาวตระกูลจางเป็นยังไงกันน่ะเหรอ? หล่อนพาบรรดาคู่ควงไปนอนค้างคืนที่ห้อง แล้วก็มีมากกว่าหนึ่งหรือสองคนด้วย แถมใครบางคนยังบอกว่าหล่อนไปโรงพยาบาลเพื่อทำแท้งเอาเด็กออกอีก!”
แม้เธอจะรับไม่ได้กับจางเหมยเหลียนและจางเหมยเหอ แต่เธอก็ไม่ได้พูดข้อบกพร่องของพวกหล่อนออกไปตราบใดที่พวกหล่อนรู้จักวางตัว แต่ตอนนี้เธอไม่เกรงใจแล้วที่จะเตือนหลานชายซื่อบื้อคนนี้สักหน่อย!
หู่จือตะลึงไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างพร้อมกับมีสีหน้าเหลือเชื่อ มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?
“เธอไม่รู้เหรอ?” หลินชิงเหอย่นคิ้วเมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขา
หู่จือส่ายหน้า “ผมจะไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรล่ะครับ?”
สวรรค์ จางเหมยเหลียนคนนี้ช่างเน่าในโดยแท้ หล่อนต้องการจะทำอะไรกันแน่? หรือเป็นเพราะหล่อนคิดว่าเขาเป็นชายชนบทเลยรังแกได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ?
“ผมพูดกับหล่อนหลายรอบแล้วว่าทำไมถึงมองหาแต่ผม ผมงงมาก ตัวผมยากจนขนาดนั้นแถมยังมีทะเบียนบ้านที่ชนบทอีก หล่อนจะไปชอบผมได้ยังไง?” เรื่องนี้ทำให้หู่จือตาสว่าง
ถึงตอนนี้เองหลินชิงเหอจึงได้รู้ว่าเขาไม่ระวังตัวเลยจริง ๆ เลยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “หล่อนกับพี่สาวหล่อนมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วทั้งชุมชนเราแหละ เธออยู่ที่บ้านมาตั้งนาน ไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้เลยเหรอ?”
“ไม่ครับ” หู่จือรู้สึกสลดใจ เขาไม่รู้เลยจริง ๆ
หลินชิงเหอรู้สึกอับจนปัญญาเช่นกัน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากเลย ใครจะเล่าเรื่องพวกนี้ให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งฟังกันล่ะ?
“คุณป้าหม่ากับคนอื่น ๆ รู้กันหมด หล่อนเห็นพวกเธอเมื่อเช้านี้แล้วก็มาบอกกับคุณน้าทันที แล้วคุณน้าก็เป็นคนมาบอกน้า ถ้าเธอไม่รู้มาก่อนก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วก็หนีห่างจากหล่อนซะ เข้าใจไหม?” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นขึ้น
เธอพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวออก ให้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือจางเหมยเหลียนรักสนุกจนเบื่อแล้วจึงต้องการชายที่ซื่อสัตย์สักคนมาดูแลหล่อนนั่นเอง
หู่จือมีทะเบียนบ้านอยู่ในชนบทและยังมีเงินเดือนไม่น้อย ยิ่งกว่านั้นเขายังมีคุณน้าที่คอยดูแลเขา ตราบใดที่เขาขยันทำงาน เขาก็ทำงานได้ไม่เลวเลย
นอกจากนี้หู่จือยังเข้าเรียนโรงเรียนภาคค่ำ วุฒิการศึกษาของเขาเองก็สูงขึ้น ต้องบอกว่านี่เป็นการลงทุนที่มีศักยภาพทีเดียว
แม้ศักยภาพการลงทุนกับเขาในตอนนี้จะดูเรียบง่าย แต่เขาก็มีอนาคตที่สว่างไสว
จางเหมยเหลียนผู้หญิงคนนี้ได้มองเห็นจุดนี้ จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหล่อนถึงอยากล่อลวงหู่จือ
“น้าสะใภ้ ผมไม่สนใจหล่อนเลยนะครับ ผมบอกความคิดของผมไปชัดเจนมากแล้ว แต่หล่อนก็ยังมารอผมที่ชั้นล่างเมื่อเช้านี้ขณะที่พวกน้าไม่อยู่ หล่อนอยากจะชวนไปที่สวน แต่ผมก็ปฏิเสธไปชัดเจนแล้วล่ะครับ” หู่จืออธิบาย
ตอนนี้เขาควรรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้วสินะ?
ใครจะรู้ว่าเบื้องหน้าจางเหมยเหลียนดูเหมือนจะเป็นหญิงที่ดี แต่กลับทำเรื่องราวหลายอย่างลับหลัง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบรรดาเพื่อนบ้านทั้งหมด มีคุณน้ากับคุณน้าสะใภ้เท่านั้นที่ไม่ทักทายพวกเขา!
“อย่างน้อยเธอก็มีเหตุผลและไม่เดินตามรอยสวี่เชิ่งเหม่ย ไม่อย่างนั้นเธอต้องทุกข์ทรมานแน่!” หลินชิงเหอดุอย่างขบขันเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางหวาดกลัวของเขา
จากนั้นเธอก็มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าและเอ่ยต่อ “คนแรกก็จูเจินเจิน มาคราวนี้เป็นจางเหมยเหลียน ไม่ยักรู้ว่าเธอจะมีเสน่ห์ขนาดนี้นะหนุ่มน้อย?”
“อย่าพูดอีกเลยครับน้าสะใภ้ แต่ละคนที่พูดมาเป็นผู้หญิงแบบไหนกันล่ะครับ?” หู่จือตอบ
สังคมเมืองหลวงช่างลึกลับซับซ้อนนัก เขาอยากกลับไปที่ชนบทเหลือเกิน
“เธอขยันทำงานไว้ซะ ตอนนี้เพิ่งจะอายุ 19 ปี จะรีบไปถึงไหนกัน? ถ้ามีโอกาสในอนาคต น้าจะแนะนำคนดี ๆ ให้เธอนะ” หลินชิงเหอปลอบ
“ผมจะกลับไปแต่งงานที่ชนบทครับ” หู่จือส่ายหน้า
“ไม่ใช่ว่าสาวเมืองหลวงทุกคนจะเป็นแบบนั้นสักหน่อย เธอแค่เจอส่วนที่ไม่ดีเท่านั้น ถ้าเธอได้เจอคนดี ๆ แล้วเธอจะไม่พูดแบบนั้น เอาล่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กลับไปบริการลูกค้าเถอะ” หลินชิงเหอโบกมือ
เธอเดินกลับไปที่ร้านเกี๊ยวและบ่นกับคุณป้าหม่าถึงเรื่องที่ลูกสาวตระกูลจางคนนี้เน่าในเพียงใด หล่อนล่อลวงหู่จือที่ไม่รู้เรื่องราวเพื่อที่เขาจะได้วอนโดนทุบ
“แต่คุณป้าอย่าบอกใครนะคะ สุดท้ายแล้วเดี๋ยวกรรมก็ตามสนองเองล่ะค่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยหลังบ่นเสร็จแล้ว
เธอไม่อยากเอาแต่สนใจเรื่องของจางเหมยเหลียนเพราะไม่อยากให้มันกระทบกับหู่จือ
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ในที่สุดแม่ก็บอกหลานเกี่ยวกับเรื่องของยัยจางสักทีค่ะ หลานชายเกือบโดนงาบไปแล้วไหมล่ะคะ ดีที่หลานชายคนนี้จิตใจแข็งแกร่ง ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่
หมดมารผจญสักทีนะหู่จือ ยินดีกับหนูด้วยค่ะ
ไหหม่า(海馬)